ตอนที่ 31 ย่าไม่เคยได้ทานแอปเปิ้ลที่ หลานรักปอกให้สักครั้ง
เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
จ้องมองแอปเปิลอยู่ค่อนวันแต่ก็ไม่ยื่นมือไปรับสักที
ฝ่ามือขาวขยับไปหาเธออีกสองสามครั้ง กดเสียงพูด
“คุยมาตั้งนาน ไม่ฝืดคอบ้างเหรอ
นายหญิงสกุลอเลิกคิ้ว ก้มหน้าลงหญิงแก้วชาที่วางอยู่ บนโต๊ะ เม้มปากเบาๆ ไม่พูดไม่จา
เฉินผ่านซึ่งรับผลไม้มาอย่างหวาดๆ ระหว่างนั้นเผลอไป
สัมผัสเข้ากับปลายนิ้วของอีกฝ่ายจนรู้สึกหนาวเล็กน้อย
“ขอบคุณค่ะ”
เธอก้มลง ยกแอปเปิลขึ้นกัดหนึ่งคำ กรอบจนได้ยินเสียง กรุบกรุบ ดังเข้ามาในหู
นัยน์ตาสีหมึกของป๋อจึงชวนทอประกาย นำมีดปอกผลไม้ วางลงบนโต๊ะน้ำชา ยืนมือหยิบกระดาษเช็ดมือขึ้นมาสองแผ่น บรรจงเช็ดลงไปบนนิ้วเรียวสวยทั้งห้า
การกระทำละเอียดอ่อนเช่นนั้นเพียงพอที่จะทำให้มองออกเพราะในเวลาปกติเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้
เมื่อเห็นเงินผ่านชิงยอมทานแอปเปิ้ล นายหญิงสกุลป์อ เองก็คลี่ยิ้มออกมา
ได้
มองในตาของหลานชายที่ถึงแม้จะถูกใจแต่ก็อดอิจฉาไม่
ชาตินี้เธอยังไม่เคยได้ทานแอปเปิลที่หลานชายเป็นคน
ปอกให้เลยสักครั้ง
หลานรักเอ๊ย!
ถ้าเกิดวันนี้ไม่ใช่ฝานซิงล่ะก็นะ
หีย!
แอปเปิลมีรสชาติที่หวานมาก หวานเสียจนรู้สึกว่าความ หวานนั้นค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในหัวใจทีละน้อย
“ผ่านซิง บริษัทของเพื่อนหนูทำเกี่ยวกับอะไรจ๊ะ
ห้องรับแขกที่เงียบมาพอสมควร หญิงชราจึงเป็นคน ออกปากถามคำถามที่ป๋อจึงชวนเพิ่งถามไปเมื่อสักครู่ใหม่อีก ครั้ง
“บริษัทเครื่องสําอางจือชิ้นค่ะ ตอนนี้ทำโรงงานเองก็เลย
ยุ่งมากๆ เลย”
“อ๋อ”
นายหญิงพยักหน้าเข้าใจ
หลังนั้นก็ตามมาด้วยบทสนทนาง่ายๆ รอจนแอปเปิลใน มือถูกกินจนหมดเป็นเวลาเดียวกับที่ไหลหรงรีบเข้ามาเตือนว่า อาหารเย็นได้เตรียมเสร็จแล้ว
แอปเปิ้ลลูกใหญ่ขนาดนั้นลงท้องไป เฉินผ่านซึ่งยังจะทาน อะไรลงอีก
แต่รอมานานจนป่านนี้ แถมตกลงไว้แล้วว่าจะอยู่ทาน อาหารเย็นกับหญิงชราแล้วจะไม่ทานก็ไม่ได้
ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง ป๋อจึงชวนได้ลากเก้าอี้ออกให้ เธอ เอ่ยคำขอบคุณเบาๆ แล้วเดินเข้าไป ป๋อจึงชวนจึงต้นเก้าอี้กลับ ไปเล็กน้อย เธอจึงโน้มตัวลงนั่ง ทั้งสองจับคู่กันเป็นที่รู้กันทั้ง สองฝ่าย ในตำแหน่งที่พอดี
หลังจากนั้นป๋อจึงชวนก็ตามมานั่งข้างๆ
นายหญิงสกุลป่อตรงเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามมองมายังทั้งคู่ อย่างพึงใจ
ดูเหมือนว่าไหลหรงจะคอยอยู่ข้างหญิงชราไม่ห่าง แม้แต่
ขณะทานอาหารเธอเองก็ยังคอยยืนอยู่ข้างๆ แม้ว่าในท้องจะเต็มไปด้วยอาหาร ทว่าเฉินผ่านซึ่งยังคง
ยกมีดกับซ่อมขึ้นมาและเริ่มทาน
เธอนั่งแค่ครึ่งหนึ่งของเก้าอี้ ไหล่ผายอย่างเป็นธรรมชาติ
แผ่นหลังเหยียดตรง เก็บคางเล็กน้อย เรียวคิ้วลู่ลง ไม่ค้อมตัวลงมองจานอาหาร แม้กระทั่งท่าอิริยาบถในการเคี้ยวอาหาร ล้วนอยู่ในอุปนิสัยที่แสดงออกถึงการถูกอบรมมาเป็นอย่างดี และนิสัยที่แท้จริง
ไหลทรงแอบพยักหน้าและส่งสายตาให้กับหญิงชราด้วย แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความพอใจ
หลังทานเสร็จก็นั่งพักกันสักครู่ ฟ้าข้างนอกก็ได้มีดลงแล้ว เฉินฝานซึ่งอยู่นานกว่านี้ไม่ได้จึงลุกขึ้นและขอตัวลา
ป๋อจึงชวนลุกขึ้นตาม บ่าวรับใช้จึงปรี่เข้ามายื่นสูทตัวนอก
ให้โดยไว
“ผมไปส่ง”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในลำคออย่างเคยตัว ประโยคที่ฟังดูเรียบ ง่าย แต่กลับแฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ง่ายๆ
เฉินผ่านซึ่งไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งสองเดินออกไปโดยผ่านเส้นทางลัดเช่นเดิม
“คุณจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่” เสียงทุ้มแว่วดังมา
จากเหนือศีรษะ
“มะรืนมั้งคะ”
เขาเงียบไปก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หลังจากนี้ผมคงจะยุ่งมาก
เฉินผ่านชิงก้าวผ่านประตูรั้วหันกลับมามองเขา
“ฉันกลับเองได้
เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
แต่ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น วันที่เธอออกจากโรงพยาบาลป๋องงชวนก็มาอยู่ดี
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ