วิวาห์ลับ รักรุนแรง

บทที่ 17 ถูกทำให้รู้สึกอัปยศอีกครั้ง



บทที่ 17 ถูกทำให้รู้สึกอัปยศอีกครั้ง

เซี่ยเสว่ไม่มีทางเลือก สะบัดก็ไม่หลุด และเธอก็เชื่อว่าเซียงซิงฉื อสามารถทําตามที่พูดได้แน่นอน แล้วจะไม่ยอมกลับไปได้ยังไง อีกอย่างเธอก็เริ่มใจอ่อนแล้วจริงๆ และพอคิดถึงความใจดีและ จริงใจของเขาที่มีมาตลอดทาง ทำไมเธอจะไม่รู้สึกล่ะ

ดังนั้นหลังจากที่คิดเรื่องนี้ดีแล้ว เธอก็พูดว่า : “เอาล่ะคุณ ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันให้อภัยคุณ

“จริงเหรอ?”

เซียเสวพึมพำว่าอิ่ม

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับไปด้วยกันเลยมั้ย?” เสียงของเขา

ร่าเริง

เซี่ยเสว่ส่งเสียงอึมอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ถูกกอดแน่นขึ้นกว่า

เดิม

ผู้หญิงเนี่ย เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใจอ่อนจริงๆเลย

เมื่อสัญญาว่าจะกลับไปกับเซียงซิงฉือ ดังนั้นเช้าวันต่อมา การ เดินทางของเซี่ยเสว่จึงจบลง

เนื่องจากกำหนดสิ้นสุดวันหยุดยาวยังอีกนาน ดังนั้นเซียงชิง ฉือจึงให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านอีกสักสองสามวัน แล้วเขาก็ไปที่ บริษัทอย่างเร่งรีบ โดยไม่หยุดพัก
ที่บ้าน เซียเสนอนเหยียดยาวอยู่บนที่นอนแต่ก็นอนไม่หลับ ในมือถือสร้อยคอที่เซียงซิงฉือมอบให้ และยิ่งมองมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งชอบ

จากนั้นเธอก็ไปอยู่ตรงหน้ากระจก วางสร้อยลงรอบคอของ เธอ แม้ว่าสร้อยเส้นนี้จะไม่แพง แต่ก็เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุด สําหรับเธอ

ตอนนี้เธอมีความรู้สึกเหมือนดำรงชีวิตอยู่ในความฝัน คิดไม่ ถึงเลยจริงๆว่าเซียงชิงฉือจะแอบติดตามเธออยู่เงียบๆ แล้วยังทำ เรื่องต่างๆมากมายขนาดนั้น ถ้าบอกว่าไม่ซาบซึ้งใจก็คงเป็นการ หลอกลวงแล้วล่ะ ดังนั้นพอคิดๆดูแล้วเขี่ยเสจึงตัดสินใจที่จะทำ อาหารกลางวันชุดใหญ่ให้กับเซียงซิงฉือ ถือว่าเป็นการตอบแทน น้ำใจของเขา

เธอลงไปชั้นล่างแล้วบอกความคิดของตัวเธอกับป้าจาง จาก นั้นป้าจางก็มีความยินดีมาก โดยผูกผ้ากันเปื้อนให้เธออย่างมี เมตตา : “ให้ป้าเป็นผู้ช่วยมั้ยคะ?”

เซี่ยเสวยิ้ม : “คุณป้าพักผ่อนเถอะค่ะ หนูทำเองได้ค่ะ” จะทำ อาหารกลางวันให้กับเขา ก็ต้องทำด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะ แสดงถึงความจริงใจได้ยังไง

หลังจากอยู่ในครัวเป็นเวลานานมากกว่าหนึ่งชั่วโมง เซียเส ทำอาหารสองจานและซุปอีกหนึ่งอย่างเสร็จเรียบร้อย ขณะที่ มองดูผลงาน ป้าจางที่อยู่ข้างๆก็ชมไม่ขาดปากว่า “คุณผู้ชายจะ ต้องมีความสุขมากแน่ๆเลยค่ะ”
เซียเสว่ยิ้มแย้มตลอดเวลา หวังว่าความเธอยุ่งยากของเธอ จะทำให้เขายิ้มได้ เพราะอย่างนี้แล้วความยุ่งของเธอถึงจะมี ความหมาย

หลังจากห่อเสร็จแล้วเธอก็นั่งรถไปที่บริษัท เธอไม่ได้บอกเชียง ชิงฉือเพราะอยากให้เขาประหลาดใจ

เธอนั่งรถแล้วก็ขึ้นลิฟต์ไปยังออฟฟิศของผู้บริหาร โดยหลีก เลี่ยงคนรู้จักไปตลอดทาง เพราะว่าเธอลาหยุดไปแล้ว และไม่ สามารถให้คนที่บริษัทรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเซียงซิงฉือ ดัง นั้นจะต้องทำอย่างรวดเร็วและว่องไว

เธออยู่คนเดียวภายในลิฟต์ มองดูความจริงใจที่หนักหน่วง อยู่ในมือแล้วก็มีรอยยิ้มที่มุมปากอย่างอดไม่ได้ เมื่อคิดถึง ตอนที่เชียงชิงฉือกินแล้วนั้น หน้าอกของเธอก็พองฟูไปด้วยความ สุข

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบนสุด เซียเสวก็เดินออกจากลิฟต์ อย่างมีความสุข แล้วตรงไปยังออฟฟิศของท่านประธาน ไม่รู้ว่า ทำไมถึงไม่เห็นผู้ช่วย และเซี่ยเสวีเองก็ไม่ได้คิดมาก ดังนั้นจึง เดินไปหาเชียงชิงฉือ โดยตรง

แต่ทว่า ในตอนที่เธอเอามือข้างหนึ่งวางลงบนลูกบิดประตู ทันใดนั้นในหูของเธอก็ได้ยินเสียงที่ทำให้เลือดในตัวเธอแข็งไป ทั้งตัว ในชั่วพริบตา

“ซิงฉือ คุณมองที่ตาของฉันสิคะ แน่ใจหรือว่าหลายปีมานี้คุณ ไม่ได้คิดถึงฉันเลย? แต่ว่าฉันคิดถึงคุณมากเลยนะ ทุกๆนาทีทุกๆวินาที ไม่ว่าจะเป็นใจของฉัน ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของฉัน…

คำพูดเหล่านี้มีความอ่อนโยนและนุ่มนวลเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะเสียงพูดที่เป็นพิเศษที่สามารถจับวิญญาณของคน ฟังได้

รอยยิ้มของเซี่ยเวค่อยๆตกลงไป แรงที่จับด้ามจับบิดประตู รุนแรงมาก เธอกำมันแน่น คิ้วก็ค่อยๆขมวดปมออกมาอย่างไม่ น่าเชื่อ

เสียงนี้ ตลอดชีวิตเธอก็ไม่มีทางลืม มูซิงเดียว!

มืออีกข้างหนึ่งของเธอที่ถืออาหารกลางวันที่ทำมาเพื่อเสียงชิง คือ ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะหนักมากยิ่งขึ้น แต่ว่าในครั้งนี้ไม่ใช่ ความตั้งใจของเธอที่หนัก และดูเหมือนกับว่าเธอกำลังถือถัง ความอับอายเอาไว้ แล้วความอับอายนี้ก็เทรดเธอทั้งตัว

แต่ว่าเธอยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับ และเมื่อพยายามควบคุมตัวเอง ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความโหดร้ายทารุณมากขึ้นอีก เซี่ยเสวกดแรง ลงไปบนมือ แล้วก็เปิดประตู

ในตอนที่ประตูกระจกเปิดออก ขอเพียงแค่การเคลื่อนไหวนี้ เบาพอ มันก็จะไม่เกิดเสียงใดๆ เป็นเพียงแค่ช่องว่างช่องหนึ่ง เท่านั้น แต่มันก็เพียงพอแล้วที่สายตาจะมองเห็นภาพที่อยู่กลาง ออฟฟิศ

โต๊ะทํางานตรงหน้า มีภาพ “สีสันแห่งชีวิต” อยู่

มู่ชิงเหยวสวมชุดกระโปรงเปลือยไล่สีขาวนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานผมของเธอปิดไปด้านข้าง รูปร่างเล็กของเธอ ผู้ชายทุกคนย่อม รู้สึกว่ายอดเยี่ยม เชียงชิงฉือนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ใบหน้าด้าน ข้างหันมาทางเซียเสว่และมู่ชิงเหยว

ไม่รู้ว่าทำไม ทันใดนั้นมซึ่งเหยวก็ลุกขึ้นและเดินไปนั่งลงบนขา ของเชียงชิงฉือ เมื่อเธอนั่งลงเสื้อที่ไหล่ก็ลื่นลงไปเพราะเธอยก แขนขึ้นวางรอบคอของเชียงชิงฉือ คุณมากจริงๆนะคะ”

“ชิงฉือ ฉันคิดถึง

ทุกคำพูดของมซึ่งเหยวนั้นนุ่มนวลน่าหลงใหลถึงขีดสุด แต่ เมื่อเข้าไปในหูของเซี่ยเสวี กลับเสียดแทงหาใดเปรียบ ถ้าเป็น ไปได้เธอก็อยากจะให้ตัวเองหูหนวก อย่างนี้แล้วเธอจะได้ไม่ต้อง ได้ยินการเกี้ยวพาราสีกันระหว่างพวกเขาที่ใช้คำพูดทำให้เธอ รู้สึกรังเกียจ

มันเหมือนมีมืดๆมาเฉือนซ้ำไปซ้ำมาตรงหัวใจที่เพิ่งจะหาย เป็นปกติของเธอ

แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจและทำให้เสียเสวทุกข์ใจมากที่สุดก็คือ ดู เหมือนเซียงซิงฉือจะไม่ปฏิเสธการเป็นฝ่ายรุกของหล่อนเลย

แต่เพราะว่าเธอหันหน้าด้านข้าง ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นด้วยซ้ำว่า เชียงชิงฉือพยายามใช้มือข้างหนึ่งดันหล่อนออก แต่เพราะมีซิง เหยวใช้แรงโอบรอบคอของเขาเอาไว้ และการนั่งบนขาของเขา ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาจึงไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา จริงๆ

“ชิงฉือ คุณก็พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเราต่างก็รักกัน แล้วทำไมต้องเลิกกันด้วยคะ? ภายในใจของคุณยังมีฉันเหมือนเดิมใช้ ไหม?”

เชียงชิงฉือยังคงมองไปที่เอกสารในมือข้างซ้ายอย่างสงบนิ่ง และที่เขาไม่ตอบก็เป็นเพราะเขาเคยพูดหลายครั้งเกินไปแล้วว่า สิ่งเหล่านั้นมันได้ผ่านไปแล้ว

แต่สำหรับเซี่ยเสวีที่อยู่ด้านนอกประตูกลับเห็นว่า การที่เขาไม่ ตอบเป็นการยอมรับในรูปแบบหนึ่ง เป็นการยอมรับว่าพวกเขา รักกัน

เซียเสวก็เพียงแค่ถือกล่องอาหารกลางวันเท่านั้นเอง แต่ทุก อย่างกลับกลายเป็นเรื่องน่าขันไปในพริบตา

ยอมรับว่าพวกเรารักกัน เชียงชิงฉือเป็นแบบนั้น แล้วพวก

เราล่ะ? ระหว่างพวกเราจะนับว่าเป็นอะไร ? เซี่ยเสวกัดฟันกรอด สายตาจ้องมองไปที่คนสองคนที่ยากจะ

แยกจากกัน หัวใจเหมือนโดนมีดกรีด

ในอีกด้านหนึ่งเซียงซิงฉือไปที่เมืองเล็กๆแล้วมีความจริงใจทำ สิ่งที่ทำให้เธอใจอ่อน แต่หลังจากเธอกลับคืนมาแล้ว ก็กลับ ทำให้สับสนด้วยการมาอยู่เป็นคู่รักกับมู่ชิงเหยว

เซี่ยเสวรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่แสนจะโง่เง่าจริงๆ ทำไมเธอถึง ได้ใจอ่อนและเชื่อในคำโกหกของเชียงชิงฉือ จากนั้นก็ทำให้ตัว เองถูกเขาทำให้อัปยศอีกครั้ง

กล่องอาหารในมือเธอราวกับว่ามีน้ำหนักอย่างมาก มันกรีดลงไปกลางฝ่ามือของเธอ ความเจ็บปวดนี้ทำให้เธอมีท่าทางที่ ทุกข์ทรมาน

สิ่งที่เธอทำเหมือนเป็นเรื่องตลก เซียเสวคิดว่าหากเธอไม่มา

ที่บริษัท ก็จะถูกเซียงชิงฉือหลอกต่อไปใช่หรือเปล่า เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง แต่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ท้ายที่สุดความรู้สึกทั้งหมดก็กลายเป็นรอยยิ้ม ที่ดูเหมือนจะยิ้ม เยาะ เหมือนจะโศกเศร้า และเหมือนจะโกรธเคือง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ