ผู้สานต่อห้วงเวลา

บทที่ 3 คนที่อยู่นิ่งไม่เป็น



บทที่ 3 คนที่อยู่นิ่งไม่เป็น

ภาพเด็กสาวตัวน้อยกระโดดโลนโผนกระโจนทะยานไป มาระหว่างตึก เป็นที่ตื่นตาแก่ผู้พบเห็นไม่ใช่น้อย

จริงอยู่ที่เมืองนี้ประชากรร้อยละ 75 เป็นผู้ใช้พลังจิตใน สาขาที่แตกต่างกันออกไป แต่คนที่มีระดับพลังสูงพอจะ พาตัวเองท่องเวหาด้วยความเร็วสูงกลับหาได้ยากยิ่ง

ตามปรกติเธอมักไม่ใช้พลังจิตจนกลายเป็นจุดสนใจ เช่นนี้ แต่โทรศัพท์สายเมื่อครู่เป็นสัญญาณขอความช่วย เหลือพิเศษ ยิงตรงจากสำนักงานใหญ่ของหน่วยปราบ ปราม ข้อความที่ได้รับก็ไม่ค่อยชัดเจนนัก บอกเพียงว่า ทีมกำลังโดนจู่โจมโดยคนร้ายคนเดิม นาม วอซ และระบุ พิกัด GPS ให้ว่าจะต้องไปที่ใด

สายลมเอื่อย ประกอบกับสภาพกึ่งไร้น้ำหนักทำให้ ลงพื้นได้อย่างนุ่มนวล ปิ่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นเช็คสถาน ที่อีกครั้งพลางกวาดสายตาดูสถานการณ์ หากมองผิว เผินก็คงเป็นโกดังเก็บสินค้าริมแม่น้ำธรรมดา แต่มันกลับ เงียบเกินไป มือเล็กยื่นตรงไปข้างหน้าสร้างจุดศูนย์กลาง แรงดึงดูดใหม่อยู่กลางอากาศ ดึงสิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลอยเข้าหา เธอหยิบเศษโลหะขึ้นมามองอยู่ครู่หนึ่งก่อน จะโยนทิ้ง

“กระสุนปืนเต็มไปหมด… นี่มันเป็น… ฝีมือของเจ้านั่นแน่ เหรอ?” ปิ่นขมวดคิ้ว ในใจนึกถึงพลังของเจ้าหมอนั่นที่เล่นงานเธอเมื่อวาน จริงอยู่ที่หลังคลื่นเสียงจะป้องกัน ไม่ได้ แต่มันก็ไข้พลังที่ว่าป้องกันอะไรไม่ได้เช่นกัน การ จะต่อกรกับกองกำลังติดอาวุธครบมือตรง ๆ แทบจะเป็น ไปไม่ได้แน่

ป่นเปิดโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้งเตรียมขอหน่วยสนับสนุน เพิ่มเติม แต่ยังไม่ทันจะได้กดปุ่มสักปุ่ม ชายหนุ่มผมดำ กระเซิงคนเมื่อวานก็เดินออกมาจากซอกโกดัง เผยรอย ยิ้มของผู้กำลังได้เปรียบเสียเต็มประดา

“เจอกันอีกแล้วยัยจอมอวดดี” หมอนั่นเย้ยแล้วหัวเราะ ร่ายั่วโมโห ปิ่นไม่สนใจ กระโจนเข้าใส่จับแรงดึงดูดทุบ ลงพื้นเต็ม ๆ แต่ชายคนนั้นกลับถอยหลบได้ทันท่วงที มี หนำซ้ำยังวิ่งปรอทั้งที่ขาควรจะหักไปแล้วจากการโจมตี เมื่อวานนี้ ปิ่นรีบไล่ตามเข้าไปในโกดังหนึ่งที่แง้มเปิดอยู่

ทันทีที่เข้าไปในนั้นเธอสะดุดอะไรบางอย่างล้มกลิ้งไม่ เป็นท่าเพราะความมืด

เธอพยายามลุกขึ้นช้า ๆ อย่างระมัดระวัง จังหวะนั้นเอง ไฟโกดังก็เปิดขึ้น ปิ่นอุทานลั่นเมื่อมองไปรอบ ๆ

สิ่งที่เธอสะดุดเมื่อครู่คือพวกคนงานของโกดังที่นอน เจ็บ ร้องโอดครวญกันเป็นแถบ มิหนำซ้ำพวกหน่วยปราบ ปรามก็นอนเรียงรายเต็มสถานที่ไปหมด เสียงปรบมือดัง ขัดจังหวะห้วงความคิดของเธอเสียขาดสะบั้นชายผมขาวโปร่งร่างโย่ง นั่งมองเธอลงมาจากกล่องสูง

ไม่ห่างกันนั้นก็มีนายคนเมื่อวาน กับอีกสองสามคน นั่งกอดอกท่าทางเหมือนรอการมาของเธออยู่พักใหญ่ แล้ว….ทั้งหมดนี้เป็นกับดัก…

“พวกนายต้องการอะไร!” ปิ่นตวาดพลางวาดมือขึ้นเล็ง ตรงไปข้างหน้า

“ไม่เอาน่า ‘โนวา’ เพิ่งจะพบกันทั้งที” ชายผมขาวยิ้มแล้ว เปรยสายตาไปทั่วห้อง

“แล้วก็อย่าคิดทำอะไรรุนแรงที่จะ… สะเทือนกับคนเหล่า นี้ก็แล้วกัน”

ปั่นชายสายตามองรอบห้องอีกครั้ง แล้วก็ต้องลดมือ ลงข้างลําตัวด้วยความเจ็บใจ มีเพียงดวงตาสีแดงเพลิง วาวโรจน์เท่านั้นที่ยังลุกโชน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความ สามารถของเธอ ต้องใช้การคำนวณที่แน่ชัดทั้งจุดศูนย์ แรงโน้มถ่วง หรือแกนของแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง

หากไม่กําหนดขอบเขตให้ชัดเจนก็อาจจะใช้การโจมตี วัดระยะก่อน หรือโจมตีในวงกว้างไปเลย… ซึ่งก็มีตัว ประกันเต็มไปหมด…

“สกปรกที่สุด”
“หรือเธออยากให้พวกเราฆ่าคนพวกนี้เสียเลยล่ะ จะได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอีก ?”

ปิ่นแอบเลื่อนมือลงมาเพื่อหยิบโทรศัพท์แต่ยังไม่ทัน สัมผัสโดน กระเป๋าสะพายก็ระเบิดออกจนของภายใน กระเด็นกระจายลงเกลื่อนพื้นไปหมด ตัวเธอเองก็รับแรง กระแทกเข้าไปส่วนหนึ่งจึงล้มกลิ้งไม่เป็นท่า เมื่อเงยหน้า ขึ้นมองชายคนหนึ่งก็หันมายิ้มให้ ในมือโยนระเบิดขนาด เล็กไปมา เห็นได้ชัดว่าระเบิดเมื่อครู่เป็นฝีมือของเขา ส่วนพลังที่ใช้คงจะเป็น…

“เทเลพอร์ตสินะ..” ปิ่นพูดพลางยิ้มบางออกมา พริบ ตานั้นทุกจุดที่แต่ละคนนั่งหรือยืนอยู่ก็ถูกแรงโน้มถ่วง มหาศาลกดทับจนอิฐปูน หรือกล่องเหล็กบิดเบี้ยวผิดรูป ไปหมด

“สมน้ำหน้า! อย่าดูถูกกันเกินไปนักนะ!!” ปิ่นยันตัวลุกขึ้น ความเจ็บปวดหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ตอบโต้คืนบ้าง แต่ก็ได้ดีใจชั่วประเดี๋ยวเมื่ออีกฝ่ายกลับยืนขึ้นสบายๆ บ้างก็ล้วงกระเป๋ากางเกงกันอย่างสบายอารมณ์

“นั่นน่ะสิ ขืนประมาทเพราะเธอเป็นเด็กก็คงแย่ไปแล้ว” ชายผมขาวยอมรับพลางยิ้มให้ “ไม่คิดจะเข้าร่วมกับพวก เราเหรอ โนวา”

“อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลย ใครจะยอมเข้าร่วมกับพวกผู้ก่อการร้ายล่ะ!” ปั่นดำสวนกลับทั้งที่ในหัวยังงงไป หมด พวกกลุ่มผู้ใช้พลังจิตข้างหน้ามีแต่หลังแปลก ๆ ที่ เธอไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน

การคำนวณจุดของเธอไม่ผิดพลาดแน่ ๆ แม้ตอนนี้เธอ จะเสริมพลังเข้าไปพอจะขยี้เหล็กให้แหลก แต่คนพวกนั้น กลับไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด….นั่นแสดงว่าตัวจริงของพวก นั้นต้องไม่อยู่ในจุดที่เธอมองเห็นอยู่

สิ่งที่พอจะอธิบายได้ มีแค่… มีแค่การหักเหของ ‘แสง’ เท่านั้น พวกมันคนใดคนหนึ่งคงมีพลังเช่นว่า ซึ่งค่อนข้าง สมเหตุสมผล

ที่พวกมันจำเป็นต้องเปิดไฟ เพื่อให้มีแสงพอจะใช้พลัง มี หนำซ้ำต่อให้เธอเห็นหน้าพวกเขา ก็ยังไม่ใช่ว่านั้นจะเป็น ใบหน้าที่แท้จริงเสียเมื่อไหร่ นอกจากนั้นยังมีคนที่ควบคุม คลื่นเสียงได้ ดังนั้นแม้แต่เสียงที่ได้ยิน ก็อาจจะเป็นของ ปลอมเสียด้วยซ้ำ

มาถึงขั้นนี้เธอเข้าใจดีแล้วว่ากลุ่มคนข้างหน้าไม่ใช่แค่ พวกผู้ใช้พลังจิตธรรมดาแน่… และเธอกำลังเข้าตาจน อย่างถึงที่สุด…

“ข้อเสนอนี้ฉันทำเพื่อประโยชน์ของตัวเธอเอง โนวา เป็น แค่เด็กดีของ ‘ทางการ’ ไม่มีทางรับรู้ความชั่ว ที่พวกมันได้ ทำเอาไว้หรอกแม่หนูน้อย พวกเรายังต้องการผู้มีความสามารถอืกมาก” นายหัวขาวกระโดดลงจากกล่อง ท่าทีเป็นเดินเข้าหาไม่ยี่หระ ปิ่นฝืนปั้นหน้าเรียบเฉยแต่ กลับเผลอตัวก้าวถอยหลังทำให้อีกฝ่ายได้ใจไปกันใหญ่

“เด็กฉลาดอย่างเธอก็คงรู้แล้วสินะ ว่าไม่มีทางชนะ พวกเราได้แน่” หมอนั่นยังคงสืบเท้าเข้าหา มือสีซีดยื่น มาสัมผัสใบหน้าของเธอ… เธอหลับตาลงพยายามจะฟัง เสียงแทน แต่ทุกอย่างกลับมืดบอด ไม่มีแม้เสียงฝีเท้า

“ฉัน… ไม่รู้หรอกว่าองค์กรทำอะไรไว้บ้าง” ปิ่นเอ่ยเสียง ค่อยแล้วลืมตาขึ้น ยื่นมือออกไปสัมผัสภาพลวงตาเพื่อ ยืนยันความคิดของตน

“แต่ฉันไม่มีวันร่วมมือกับไอ้พวกที่ทำร้ายเพื่อนของฉัน แน่”

“หนอยยัยนี่ ดีด้วยชักจะเอาใหญ่ ปล่อยไปก็เสียเรื่อง เปล่า!” ชายผมดำคนเดิมโวยขึ้นบ้าง ท่าทีชักไม่สบ อารมณ์อย่างรุนแรง

“ไม่เอาน่า ‘voz(วอซ)’ เด็กที่ว่าคือคนที่หักขาของนาย ไม่ใช่หรือไง?” นายหัวขาวหันกลับไปเยาะเย้ยเล่นเอาอีก ฝ่ายพูดไม่ออกได้แต่กัดฟันสาปส่ง

“แต่ก็จริงที่เวลาหมดแล้ว” นายหัวขาวที่เคยอยู่ข้างหน้า จู่ ๆ ก็หายตัวไปยืนอยู่บนร่างของพนักงานโกดังคนหนึ่ง นั่นคงจะเป็นร่างจริง ภาพก่อนหน้าใช่จะไม่เข้าเค้า เสียทีเดียวรูปทรงของหน้ายังคงเหมือนเดิม ผิดก็แค่สีผม ที่เป็นสีชาก็เท่านั้น

*ไม่แปลกใจเลยเหรอนั่น? แสดงว่าเดาพลังของฉันได้ สักพักแล้ว

ปิ่นยังคงไม่ตอบ สายตาคมกริบของเธอยังคงจดจ้องหา โอกาสเล่นงานคนข้างหน้าไม่เล็ก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่ ทำเป็นเล่นอีกต่อไป บรรยากาศในโกดังกลับอึดอัดขึ้นมา ทันตาเห็น เธอเปลี่ยนจากยืนบนพื้นธรรมดา เปลี่ยนแกน แรงดึงดูดไปยืนอยู่บนกำแพงแทนเพื่อเตรียมปะทะ

นายผมสีชาถอนหายใจ

“ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนดีอย่างเธอ จะทำอย่างไร กับสถานการณ์” หมอนั่นพูดพลางดีดนิ้วส่งสัญญาณ พริบตานั้นสิ่งที่ปรากฏคือระเบิดลูกเล็ก ๆ จำนวนมากจน ละลานตา ปิ่นกระโดดหลบแต่กลับเริ่มรู้สึกแปลก ๆ เมื่อ ระเบิดพวกนั้นมันไม่ระเบิดแม้จะอยู่ใกล้เธอแค่ไหนก็ตาม “…แบบนี้” หมอนั่นต่อประโยคให้จบ

“พวกแกจะทำอะไรน่ะ!” ปิ่นพูดเสียงสั่นใจคอเริ่มรู้สึกไม่ ดีอย่างรุนแรง
“ระเบิดพวกนั้นจะทำงานในอีก 1 นาทีข้างหน้า เธอจะ อยู่ช่วยคนพวกนี้หรือจะหนีก็ตามสะดวก”

“นะ…. นี่พวกแกจะบ้าหรือไง พวกแกคิดจะฆ่าใครก็ฆ่า ตามใจงั้นเหรอไง!!” ปิ่นตะโกนด่าสุดเสียง สะดุ้งเฮือกกับ คําอธิบายชวนขนลุก ความอดทนถึงขีดสุด รีบกระโดด ตรงเข้าใส่กลุ่มคนเลือดเย็นอย่างไม่คิดชีวิตหมายจะขยี้ กลุ่มคนตรงหน้าให้ยับ ทว่าจู่ ๆ พวกมันก็หายวับไปกับตา พร้อมโบกมือทิ้งคำลากวนโทโสแถมไว้ให้

เด็กสาวตัวสั่นระริกเพราะความโกรธ แต่เมื่อกรีดร้อง หรือจะร้องเรียกเท่าไหร่คนเหล่านี้ก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาง่าย ๆ ขณะที่เวลาผ่านไปทุกที ความกลัวเข้าครอบงำจนแทบ เสียสติ รู้สึกตัวอีกทีเธอก็อยู่ตรงหน้าประตูทางออกที่แง้ม รอให้หนีออกไปเสียแล้ว

ในหัวตอนนี้ไม่เหลือทางรอดอื่นนอกจากคำว่า “หนี” ไม่ อย่างนั้นเธอต้องตายไปด้วยแน่

ปิ่นฝืนกัดริมฝีปากจนเลือดไหลทั้งที่ตัวสั่นเทาเป็น ลูกแมว และรวบรวมพลังฮึดทั้งหมดสร้างแกนกลาง แรงดึงดูดกลางอากาศใจกลางห้อง คำนวณแรงที่พอจะ รวบรวมระเบิดทั้งหมดมากองไว้ ณ จุดเดียวโดยไม่ระเบิด แต่ยิ่งทำอย่างนั้นความสิ้นหวังก็ยิ่งเข้าครอบงำหนักข้อ เมื่อขนาดของมันใหญ่ขึ้นทุกที ๆ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า เธอ ไม่สามารถใช้พลังทำอย่างอื่นได้อีกแล้วนอกจาก “ฆังมั่น อัดเต็มแรงมันให้ระเบิดเร็วขึ้น” หรือไม่ ก็ “ปล่อยมันร่วงลงมาระเบิดข้างล่าง

“ทะ ทำยังไงดี จะให้ฉันทำยังไงล่ะ!!” ปิ่นลุกลี้ลุกลนหัน มองโกดังที่มีผู้คนเต็มไปหมด แต่ไม่มีใครตอบสนองกับ เสียงของเธอสักคน

“ใคร…. ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย!” เธอหวีดร้อง ในที่สุด ความหวังก็หมดสิ้นลง พอ ๆ กับเวลาที่เหลือเพียงไม่ถึง สิบวินาที จังหวะนั้นเองที่มือข้างหนึ่งกลับยื่นมาจับหัวของ เธอที่นั่งทรุดอยู่กับพื้นไว้

“ซิงโครไนซ์” เสียงนั้นมันช่างคุ้นหู เธอหันกลับไปมองทั้ง น้ำตานอง เด็กหนุ่มคนเดิมมากับเจ้าแมวดำตัวน้อย

“เฮ้ย จะมัวมองทำซากอะไร บี้มัน บี้ไอ้ก้อนนรกนั่นให้ เละเร็ว ๆ เข้า!!”

“จะ จะ จะบ้าเหรอ! มันก็ระเบิดน่ะสิ!!”

“บี้มันทั้งแรงระเบิดนั่นแหละ กลืนมันทั้งแรงระเบิดไป เลย โธ่เอ๊ย!!”

คนมาใหม่ยังคงโวยวายลั่น แถมยังโวยวายไม่เลิกอีก ต่างหาก แต่เธอไม่มีทางอื่นอีกแล้วยังไงก็ต้องลองเชื่อดู สักครั้ง เพียงแค่เธอเพิ่มแรงดึงดูดเข้าไปนิดเดียวระเบิดก็เริ่มกระเทาะเตรียมระเบิดออกมา เมื่อไม่มีโอกาสให้ คิดอีกจึงต้องทุ่มสุดแรง ระเบิดทั้งหลายเริ่มระเบิดเสียง ดังระรัว แต่กลับโดนแรงดึงดูดกลืนเอาไว้หมดอย่าง น่าอัศจรรย์ และหดตัวเล็กลงเรื่อย ๆ เพียงครู่เดียว บรรยากาศเบื้องหน้าก็เหมือนถูกกลืนกินไม่เว้นแม้แต่แสง

จากที่ตัวสั่นระริกเพราะความกลัว กลับกลายเป็นกลุ่ม ก้อนความงงและความสงสัยจับกลุ่มกันหนักข้อ เพราะนั่น มันไม่ใช่พลังของเธอ… นั่นไม่ใช่พลังของแรงดึงดูดแค่ ระดับ S ฝึกหัดอย่างเธอแน่

“น่ะ นี่ นายทำอะไร นายทำอะไร!!” ปิ่นยิงคำถามทั้งที่ ตนเองก็พอจะเดาออกอยู่บ้าง มีหลายครั้งที่มีคนพูดถึง การวิจัยเพิ่มพลังจิต หรือพลังจิตที่มีไว้เพิ่มพลังของผู้อื่น ซึ่งตราบจนบัดนี้… ในโลกใบนี้ไม่มีใครมีพลังเช่นว่าสัก คน! ที่สำคัญพลังที่หมอนี่ใช้เมื่อวานมันไม่ใช่…

จิณณ์ไม่ตอบ เอาแต่เกาหัวฟู ๆ ของตัวเอง ใบหน้ายู่ยี่ ไม่อยากให้สาวความไปมากกว่านี้อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ จวนตัวจริง ๆ เขาไม่คิดจะเผยความลับที่ซ่อนมานานปีให้ ใครรับรู้

อีกนัยหนึ่ง… ถ้าไม่ใช่เพราะยัยเด็กวอนหาเรื่องคนนี้!

“เธอ… น่าจะพอเดาได้แล้วมั้ง..….
ปิ่นชะงักเมื่อโดนย้อนคำถาม ทั้งคู่จ้องหน้ากันไม่ติดอยู่ ครู่หนึ่งจนกระทั่งรถของกำลังเสริมมาจอดอยู่หน้าโกดัง หน่วยปราบปรามจํานวนมากกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย” เสียงหนึ่งอุทานหัก เสียงนั้นทำให้จิณณ์ถึงกับ สะดุ้ง “พัดลมตั้งโต๊ะ นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง”

ฉายาเพี้ยน ๆ ทำให้สาวน้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง เมื่อ จิณณ์หันกลับไปเขาก็พบคนหน้าคุ้นคนหนึ่งบนโลกใบกล

มดิ๊ก… รุ่นพี่ที่โรงเรียนของเขานั่นเอง!

“คือผม…” จิณณ์แอบชายตามองปิ่นนิดหนึ่ง เพื่อขยิบตา ส่งสัญญาณให้ตามน้ำก่อนจะหันกลับไปตีหน้าเศร้ากับ คนตรงหน้า “คือผม… เป็นผู้ประสบภัยต้องให้คุณหนูคน นี้ช่วยน่ะครับ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ตีหน้าจ่อยเล่นละครชัด ๆ แต่คำที่สะดุดหูของเธอมากที่สุดกลับเป็นคำว่า “คุณหนู” เพราะเจอหน้ากันแต่ละทีมีแต่ค่ากวนโมโหประจํา

คุณรุ่นพี่ทำหน้าเหมือนจะเห็นใจตบบ่ารุ่นน้องเบา ๆ เหมือนปลอบใจ แต่ใคร ๆ ดูก็รู้ว่าเก๊กยืดให้เด็กผู้หญิงข้าง รๆ หน้าดู ปิ่นถอนหายใจด้วยความรำคาญ ตั้งแต่ได้รับฉายา “โนวา หรือ แม่มดแรงดึงดูด” มา ไอ้นายคนนี้ก็มาตามตื้อ เธออยู่เรื่อย จะเล่นงานก็ไม่ได้เพราะดันอยู่หน่วยปราบ ปรามเหมือนกันอีก
ปิ่นเอื้อมมาจับแมวตัวน้อยที่บ่าของจิณณ์กลับไปกอด เอาไว้ ก่อนจะตบหลังจิณณ์เบา ๆ

“สัญญากันแล้วนะ ถ้าช่วยนายจะเลี้ยงไอศครีม ‘บาร์เ นล ฉัน”

จิณณ์สะดุ้งเฮือก นี่เป็นคําขอที่ร้ายกาจที่สุดสําหรับคน เงินร่อยอย่างเขา ขืนต้องเลี้ยงไอศครีมร้านราคาขูดเลือด นั่นเดือนนี้ต้องจบสิ้นแล้วแน่ ๆ

“คุณ tize(ทีเซ่) คะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนล่ะ” ปิ่นว่าพลางเดินนำไม่สนใจใคร จิณณ์เห็นท่าไม่ดี ใจก็ อยากจะอยู่กุเรื่องให้สมบูรณ์ก่อน แต่ในเมื่อยัยเด็กแสบ ดันกุมความลับของเขาได้… แล้วจะไม่ตามไปได้ยังไงกัน เล่า! รับรองได้เลยว่าพรุ่งนี้ถึงโรงเรียนเมื่อไหร่เขาต้อง โดน ‘ข่มขู่’ ถามชุดใหญ่หมื่นล้านเปอร์เซ็นต์

“นี่ ยัย… เอ่อ… ยัย… โนวา ?” จิณณ์คิดจะเปิดประเด็น คุยระหว่างเดินตามกันไปในสวนสาธารณะเล็ก ๆ ใกล้กับ กๆ เขตโกดังเก็บของ ปิ่นตีหน้าดุใส่…

“ปิ่นย่ะ โนวา มันก็แค่ชื่อฉายาไร้สาระ” คุณเธอพูดเน้น เสียงหนักประชด ดูท่าจะไม่พอใจฉายาสุดหรู พวกนั้น เลยสักนิด “ว่าแต่นายชื่ออะไรกันแน่? คงไม่ใช่… พัดลม หรอกนะ”
“เฮ้ย ไอ้ป่าที่ไหนจะซื้อพัดลม เพราะฉันมีพลังลม ระดับ 1 บังคับลมได้แรงพอ ๆ กับพัดลมที่ใช้เสียบ usb คอมพิวเตอร์ ต่างหาก”

“นายมีพลังจิตสองสามสายได้ไง?” คำถามนี้ไม่ใช่เล่น ๆ ปิ่นแอบมองด้วยหางตาคมกริบจนเขาต้องเผลอกลืน น้ำลายก่อนตอบตรง ๆ ว่า “ไม่รู้”

แน่นอนว่ามันไม่ใช่คำถามที่ตอบได้ง่ายนัก เนื่องจากคน เราแต่ละคนก็มีความชอบ ความต้องการ และความเข้าใจ ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีคลื่นสมองซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ พลังจิต ก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งคนที่สามารถใช้พลังจิต ได้มากกว่าหนึ่งสายในปัจจุบันก็ยังไม่มีบันทึกเอาไว้ ชัดเจนนัก…

ทั้งคู่เดินกันต่อไปเงียบ ๆ จนกระทั่งจิณณ์หยุดฝีเท้าลง

ก่อน

“เป็นอะไรของนายน่ะ” ปิ่นถามง่าย ๆ

“นี่คงไม่ได้ลากฉันให้ไปเลี้ยง บาร์เนลุ จริง ๆ หรอกนะ”

“บ้าสิ” ปิ่นหยุดฝีเท้าลงบ้าง “ถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะออกมา ได้ง่าย ๆ แบบนี้เหรอ?”

“พูดถูก ออกมาจากที่เกิดเหตุง่าย แต่พรุ่งนี้ฉันแย่แน่”ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยืนบิดขี้เกียจ

“นายตามมาคงเพราะกลัวฉันเอาเรื่องของนายไปพูด เท่านั้นใช่ไหม?” จู่ ๆ ปิ่นก็พูดเข้าเรื่องก่อนจะเอ่ยเสริมต่อ ไปโดยไม่มองหน้าจิณณ์ “ถ้างั้นนายจะไปไหนก็ไปได้ แล้ว”

สิ้นคำพูดนั้น เสียงฝีเท้าที่เคยอยู่ใกล้ก็เดินห่างไปเรื่อย ๆ ไม่มีแม้คำบอกลาสักคำ เธอแอบชำเลืองมองกลับหลัง ไปก็ไม่เห็นจิณณ์อีกแล้ว

….เธอไม่กล้าตั้งตัวเขาเอาไว้ สองวันมานี้เธอติดค้างบุญ คุณมากเกินไป แล้วจะให้ขออะไรได้อีก…

ปิ่นถอนหายใจ ก่อนที่มือขวาข้างเดิมมาวางอยู่บนหัว ของเธออีกครั้ง สีหน้าของหมอนั่นยังคงบูดสนิท เธอรีบ เช็ดน้ำตาแล้วปัดมือของหมอนั่นทิ้ง มองย้อนด้วยสีหน้าดุ

“เด็กก็ทำตัวให้สมเด็กหน่อย ตอนที่ร้องให้ช่วยยังดูดี กว่านี้อีก” จิณณ์บ่นกับตัวเอง เรียกสีเลือดขึ้นที่แก้มของ เด็กสาวด้านข้าง

“ความจริงอยากให้ฉันลองใช้พลังกับเพื่อนเธอใช่ไหม ล่ะ? ถ้าสัญญาว่าจะช่วยเก็บความลับให้ล่ะก็ไม่มีปัญหา” เขาว่าพลางยิ้มบางให้ วินาทีนั้นน้ำตาของสาวน้อยก็ร่วงหล่นลงมาอีกครั้งและดูท่าจะไม่หยุดลงง่าย ๆ ในขณะที่ฝ่ายชายเหงื่อแตกหลัก มองไปทางไหนก็มี สายตาเขม่นให้อย่างกับเป็นคนใจร้ายที่คอยหลอกลวง เด็ก

ซึ่งมันชักทำให้สงสัยตะหงิด ๆ ว่า… เขาจะได้เดินไปโรง พยาบาลเพื่อลองรักษาคน หรือจะโดนคนหามไปรักษา กันแน่…

หมายเหตุ

ฉายาของจิณณ์ คือ ‘พัดลมตั้งโต๊ะ’ ระดับพลัง I คือต่ำ จนไม่สามารถวัดได้ (มีก็เหมือนไม่มี)

ฉายาของปิ่นมีหลายชื่อ ตั้งแต่ โนวา หรือแม่มดน้อย แม่มดแรงดึงดูด แต่ดูเหมือนเจ้าตัวเองจะไม่ชอบสักเท่า ไหร่

*voz ภาษาสเปนหมายความว่า “เสียง” ถ้าอ่านตรงตัว สเปนต้องอ่านว่า “บอซ” แต่ในเรื่องนี้จะใช้คำว่า “วอซ” แทน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ