นักรบจอมราชันย์

บทที่ 18 ผู้สร้างสร้อยคอ!



บทที่ 18 ผู้สร้างสร้อยคอ!

บทที่ 18 ผู้สร้างสร้อยคอ!

“สมัยนี้ยังมีคนใช้มือถือแบบนี้อยู่อีกหรือเนี่ย นี่มันดูถูก สายตาฉันชัดๆ เลยนะเนี่ย” พอมองเห็นมือถือโนเกียรุ่น โบราณของหยางล่อ ดิงพ่างก็ทำสีหน้าประหลาดใจ ขณะ นั้นเองเฉินเส่กับด้ายเสี่ยวหลิงก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก พวกเธอ คิดไม่ถึงเลยว่า หยางล่อจะใช้มือถือรุ่นโบราณแบบนี้

พอได้ยินดิงพ่างพูดแบบนั้น หยางล่อก็อดไม่ได้ที่จะ กลอกตามอง

เจ้าดิงพ่างนี่มันจะไปรู้อะไร มือถือโนเกียของหยางล่อ เครื่องนี้ ผ่านการดัดแปลงแบบพิเศษมา ไม่เพียงแค่ใช้ สกัดการสะกดรอยเท่านั้น แถมยังเอาไปใช้ได้ทุกที่ใน โลกนี้อีกด้วย ถึงแม้จะดำน้ำอยู่ก็สามารถเอาออกมา ใช้ได้ ประสิทธิภาพการป้องกันน้ำสูงกว่ามือถือปรกติ ทั่วไปด้วยซ้ำ พลันหยางล่อก็กดโทรทันที โดยไม่ได้สนใจ สายตาแปลกประหลาดที่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเองอยู่ ตอนนี้

พลันสิ่งที่ได้ยินก็คือเสียงที่ทุ้มลึกของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ขืน

“ฮัลโหล ใครกันครับ?”
“นี่ฉันเอง ยมทูต!” หยางล่อพูดอย่างเรียบเฉย

“หา? หยางล่อ นี่นายพูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วยหรือเนี่ย!” หลังจากที่ได้ยินหยางล่อพูด สีหน้าของด้ายเสี่ยวหลิงก็ เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

เฉินเส่เองก็ถามอย่างสงสัย : “เสี่ยวหลิง นี่หยางล่อเขา กำลังพูดภาษาฝรั่งเศสอยู่หรือ?”

ด้ายเสี่ยวหลิงพยักหน้ารับ : “ใช่ค่ะ”

“ถ้างั้นเธอฟังออกไหมว่าเขาพูดอะไรกันอยู่?” เฉินเส่ ถามขึ้น

ด้ายเสี่ยวหลิงส่ายหัว : “ฉันเข้าใจภาษาฝรั่งเศสแค่ นิดเดียวเองนะคะพี่ พี่เองก็รู้นี่ว่าฉันไปเรียนที่อังกฤษ ไม่ใช่ฝรั่งเศส ฉันพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง แต่กับภาษา ฝรั่งเศสนี่ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”

“เอาเถอะ” ถึงแม้เฉินเส่จะสงสัยมากแค่ไหนว่าหยางล่อ ใช้ภาษาฝรั่งเศสพูดอะไรอยู่ แต่ก็น่าเสียดายที่เธอไม่ เข้าใจภาษาฝรั่งเศสเลย

“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่า หยางล่อจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีความลับเยอะถึงขนาดนี้” ด้ายเสี่ยว หลิงบ่นพึมพำเบาๆ ขณะเดียวกันสายตาของเฉินเส่ก็เต็มไปด้วยความสงสัย เป็นเพราะเหมือนเธอจะค่อยๆ พบว่าเธอแทบจะไม่รู้จักหยางล่อคนนี้ดีเลย

เดิมทีเฉินเส่คิดว่าหยางล่อเป็นเพียงแค่คนเอ้อระเหย ใช้ ชีวิตไปวันๆ เท่านั้น แต่หลังจากที่ได้อยู่กับหยางล่อมาก ขึ้น เธอก็พบว่าหยางล่อคนนี้เก็บความลับไว้มากมาย ไม่ เพียงแค่ฝีมือดีเท่านั้น แต่เรื่องภาษาฝรั่งเศสก็พูดได้คล่อง ทีเดียว

“พูดภาษานกภาษาไม้อะไรกันน่ะ?” ดิงพ่างกลอกตาม องอย่างดูถูก เมื่อเทียบกับคนปัญญาอ่อนที่ไม่ได้เล่า เรียนมาอย่างดงพ่างแล้ว ผู้จัดการหลิวที่ฟังหยางล่อพูด อยู่ข้างๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เขาเองก็เคยเรียนภาษา ฝรั่งเศสมาก่อน แถมพูดได้ก็พอจะคล่องแคล่วเลยด้วย

“อะไรนะ? นายคือยมทูตงั้นหรือ?” ผู้ชายที่อยู่ในสายอีก ฝั่งนั้น พอได้ยินหยางล่อพูด ก็ตะโกนร้องอย่างประหลาด ใจ

“ใช่แล้ว! ฟีลด์ นี่นายยังไม่ตายหรือเนี่ย?” หยางล่อพูด อย่างไม่สบอารมณ์ ที่แท้ หยางล่อก็โทรหาเฟยจื่อเดื่อที่ เป็นนักออกแบบเครื่องประดับระดับโลกนี่เอง และทันที ที่หยางล่อพูดชื่อของเฟยจื่อเดื่อออกมา สีหน้าของ ผู้ จัดการหลิวก็เปลี่ยนไปทันที

เฟยจื่อเดื่อก็บ่นเบาๆ : “อย่ามาสาปแช่งอะไรฉันนะยมทูต”

“ชิ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่านายไปมั่วสุมกับผู้หญิงไม่ เว้นแต่ละวัน สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็วนายต้องจบเห่แน่ๆ” หยางล่อพูดอย่างดูถูก

เฟยจื่อเดื่อพูด : “นายจะไปเข้าใจอะไรยมทูต ผู้ชาย ที่ใช้ชีวิตบนโลกนี้ ถ้าหากไม่มีผู้หญิงแล้วจะไปมีความ หมายอะไร อ้อใช่แล้ว ยมทูต แล้วหรือ? เรื่องจริงหรือเปล่า?” ได้ยินว่านายออกจากหน่วย

หยางล่อพูด : “เรื่องจริง ฉันออกมาจากหน่วยยมทูตแล้ว

ล่ะ”

เฟยอื่อเดื่อพูด : “นี่เป็นข่าวร้ายเลยนะเนี่ย หลังจากนาย ออกไป โลกนี้ก็เหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจอยู่เลยนะ แล้ว ตอนนี้นายไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะ?”

หยางล่อพูด : “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ประเทศจีนน่ะ ฉันมีบาง เรื่องที่อยากให้นายช่วยหน่อย”

พอได้ยินแบบนั้นเฟยอื่อเดื่อก็รีบพูดขึ้น : “ถ้าหากจะ มาพูดถึงเรื่องเงินล่ะก็ ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่มีเงินเลยสัก บาท

พอได้ยินแบบนั้นหยางล่อก็กลอกตา ถ้าหากมีคนรู้เรื่องในสิ่งที่หยางล่อพูดกับเฟยชื่อเดื่อจริงล่ะก็ ลูกตา คงถลนออกมานอกเบ้าแล้วอย่างแน่นอน ระดับคนที่ มีเกียรติสูงศักดิ์ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ เป็นนักออกแบบ เครื่องประดับระดับชาติที่มีทรัพย์สินกว่าพันล้าน แต่พอ มาอยู่ต่อหน้าหยางล่อแล้วเรื่องเงินนี้เขากลับกลัวทันที

จริงๆ แล้วเฟยจื่อเดื่อก็กลัวหยางล่อจริงๆ นั่นล่ะ เป็น เพราะทุกครั้งที่หยางล่อไปหาเฟยอื่อเดื่อที่บ้าน เขาจะ ต้องหยิบเครื่องประดับล้ำค่าติดตัวกลับไปกว่าสิบชิ้นทุกที แถมทุกครั้งก็ไม่เคยคืนกลับมาด้วย ดังนั้นพอทุกครั้งที่เฟ ยอื่อเดื่อเจอกับหยางล่อ เขาจึงรู้สึกกังวลเรื่องนี้อย่างมาก

“วางใจเถอะเฟยจื่อเดื่อ ครั้งนี้ฉันแค่อยากให้นายช่วย

เรื่องเล็กๆ เท่านั้น” หยางล่อพูด

พอได้ยินว่าหยางล่อไม่ได้โทรมาเพราะเรื่องเงิน เฟ ยอื่อเดื่อจึงถอนหายใจโล่งอก : “ยมทูตที่รักเอ๋ย มีเรื่อง อะไรก็รีบพูดมาเลย ถ้าฉันช่วยได้ฉันช่วยแน่ๆ”

หยางล่อกลอกตาก่อนจะถามขึ้น : “เจ้าสร้อยคอไพลินนี่ ใช่นายเป็นคนออกแบบหรือเปล่า?”

เฟยจื่อเดื่อได้ยินก็หัวเราะ : “ใช่แล้ว! แต่นั่นก็เป็นของ เล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ฉันสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้แป๊บเดียว เองนะ ทำไมล่ะ? หรือว่านายสนใจของพวกนี้หรือ? มันดูจะไม่เหมาะสมกับระดับของนายไปหน่อยนา ของที่นาย ขโมยไปจากที่นี่ยังมีมูลค่ามากกว่ามันหลายเท่าเลย” พูด ถึงตรงนี้ เฟยจื่อเดื่อก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจไปด้วย

หยางล่อหาวก่อนพูดขึ้น : “เอาล่ะ ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อน กันทั้งนั้นเฟยจื่อเดื่อ พูดแบบนี้มันก็ไม่มีความหมายอะไร คือว่าอย่างนี้นะ เพื่อนของฉันคนหนึ่งสนใจเจ้าสร้อยเส้น นี้ของนายเข้าน่ะ แต่ว่าดันบังเอิญไปเจออีกคนที่สนใจ เหมือนกัน สรุปก็คือผู้จัดการของร้านเครื่องประดับนี้ดัน ขายสร้อยเส้นนี้ให้กับอีกคนไป ดังนั้นฉันก็เลยอยากให้ นายช่วยน่ะ”

“นี่ยมทูต ที่นายพูดนี่ใช่ร้านเครื่องดับนานาชาติคือลา หรือเปล่า? ฉันเองก็เป็นนักออกแบบเครื่องประดับของ ร้านนั้นพอดีเลย แถมยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกด้วย ดังนั้น นายช่วยเอามือถือให้ผู้จัดการมาคุยกับฉันหน่อยสิ”

“ได้สิ!” หยางล่อพยักหน้า ก่อนที่จะยื่นมือถือไปให้ผู้ จัดการหลิว : “มีคนต้องการจะพูดกับคุณน่ะ!

สีหน้าของผู้จัดการหลิวตอนนี้แทบจะซีดเผือดไม่เห็น เลือดเลย เขาหยิบมือถือนั้นมาอย่างสั่นเทิ้มด้วยความ กลัว : “ฮัลโหล”

เฟยจื่อเดื่อที่อยู่ในสายอีกฝั่งก็พูดขึ้น : “ฉันคือเฟยอื่อเดือนะ สร้อยเส้นนั้นห้ามขายให้คนอื่นเด็ดขาด ขาย ให้ได้เพราะเพื่อนของฉันที่เป็นเจ้าของเครื่องนี้เท่านั้น ฟัง เข้าใจใช่ไหม?”

“เข้าใจแล้วครับ คุณเฟยจื่อเดื่อที่เคารพ!” พอรู้ว่าอีกฝั่ง เป็นเฟยอื่อเดือจริงๆ ผู้จัดการหลิวก็ตกตะลึงจนแทบจะ กลั้นไว้ไม่อยู่ เฟยจื่อเดือนั้นไม่เพียงแค่เป็นนักออกแบบ เครื่องประดับระดับสูงของโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นเถ้าแก่ ใหญ่ของร้านเครื่องประดับแห่งนี้ด้วย

หยางล่อหยิบมือถือของตัวเองกลับมาแล้วหัวเราะพูด : “ครั้งนี้ขอบคุณนายมากเลยนะเฟยจื่อเดื่อ ไว้ว่างๆ ฉันจะ ไปเที่ยวเล่นที่บ้านนายนะ”

“พูดว่าอะไรนะ? เหมือนสัญญาณจะไม่ค่อยดีเลย จะมา บ้านงั้นหรือ? พอดีฉันย้ายบ้านไปแล้วน่ะ เอาล่ะ ไม่พูด เยอะแล้ว สัญญาณไม่ค่อยดี วางสายล่ะนะ!” พูดจบ เฟ ยออเดือก็วางสายทันที

พอได้ยินเสียงตุ๊ดๆ มาจากอีกฝั่ง หยางล่อก็อดไม่ได้ที่ จะสบถออกมา

“ไอ้เจ้าบ้าน สักวันสงสัยต้องแวะไปเยี่ยมที่บ้านหน่อย ล่ะ” หยางล่ออดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ หลังจากที่วางสายไป เรียบร้อย หยางล่อก็มองมาทางผู้จัดการหลิวแล้วยิ้มพูด : “เป็นอย่างไรบ้าง? สรุปว่าจะขายสร้อยเส้นนี้ให้ใครล่ะ?”

“สร้อยเส้นนี้เป็นของคุณเลยครับ คุณผู้ชาย” พูดปุ๊ป ผู้ จัดการหลิวก็หยิบสร้อยมาจากในมือของพนักงานคนนั้น แล้วหันมายิ้มให้หยางล่ออย่างสุภาพนอบน้อม : “ขอโทษ ด้วยนะครับ! ผมไม่รู้ว่าคุณรู้จักกับคุณเฟยจื่อเดื่อ สร้อย เส้นนี้เป็นของคุณครับ”

พอเห็นว่าท่าทีของผู้จัดการคนนั้นเปลี่ยนไป หยางล่อก็ อดไม่ได้ที่จะดูถูกเขาอยู่ในใจ

หยางล่อยื่นสร้อยเส้นนั้นไปให้เฉินเส่ก่อนจะยิ้มพูดขึ้น : “สร้อยเส้นนี้เป็นของพี่แล้วครับ พี่เส่”

เฉินเส่มองดูสร้อยหินไพลินในมือ ก่อนจะรู้สึกสับสนไป หมด เฉินเส่คิดไม่ถึงเลยว่า หยางล่อเพียงแค่โทร ก็ทำให้ ผู้จัดการคนนั้นมอบสร้อยเส้นนี้ได้มาอย่างง่ายๆ เลย

“นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันผู้จัดการหลิว?” พอเห็น ว่าผู้จัดการหลิวเอาสร้อยเส้นนั้นไปให้หยางล่อ ดิงพ่างก็ ถามขึ้นด้วยสีหน้ามืดทึม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ