นักรบจอมราชันย์

บทที่ 16 อัดทีเดียวก็เชื่องแล้ว!



บทที่ 16 อัดทีเดียวก็เชื่องแล้ว!

บทที่ 16 อัดทีเดียวก็เชื่องแล้ว!

“คนต่ำต้อยอย่างเธอหัดไว้หน้าฉันซะบ้างนะ ไม่ว่าใคร ในเมืองเจียงเฉิงก็ไม่กล้าผิดใจฉันคนนี้ ดิงพ่างด้วยซ้ำ” พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของชายพุงพลุ้ยก็คล้ำลงทันที

พอถูกด่าว่าเป็นคนต่ำต้อย เฉินเส่ก็ทำสีหน้าฉุนเฉียว ส่วนหยางล่อเห็นว่าพี่สาวที่เคารพรักของตัวเองถูกดูถูก ถ้าเขาไม่ออกหน้าเขาก็คงไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะ

“ล้างปากให้มันสะอาดๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นฉันไม่ให้อภัย นายแน่” หยางล่อเดินออกมาพูดอย่างเย็นชา

“แกเป็นใคร?” ชายพุงพลุ้ยมองไปที่หยางล่อแล้วถาม อย่างสงสัย

หยางล่อก็ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “นายไม่คู่ควรที่ จะถามคำถามนี้หรอกนะ!”

ชายพุงพลุ้ยมองหยางล่อแล้วพูดอย่างเหยียดหยาม : “แกอย่ามาลุ้นเรื่องคนอื่นจะดีกว่านะ อย่างดีที่สุดก็ไสหัว ไปซะ ไม่งั้นแกได้เห็นดีแน่ๆ”

“เหอะ!” หยางล่อหัวเราะเยาะก่อนจะมองไปที่เฉินเส่แล้วหันมาพูดว่า : “ฉันจะบอกอะไรให้นะไอ้อ้วน เธอเป็น พี่สาวของฉัน นายต้องขอโทษพี่สาวฉันซะที่ว่าเธอแบบ นี้ ไม่อย่างนั้นวันนี้นายไม่ได้ออกไปจากที่นี่แน่” พอเห็น สีหน้าและน้ำเสียงของหยางล่อดูเผด็จการแบบนี้ เฉินเส่ ก็หน้าแดงก่ำ ในใจรู้สึกทั้งซาบซึ้งทั้งใจหวิวไปด้วย นี่เจ้า หมอนี่มันเห็นตัวเองเป็นแค่พี่สาวงั้นหรือ?

“ฉันจะพูดอีกครั้ง ขอโทษพี่สาวฉันซะ อย่าให้ฉันพูดเป็น ครั้งที่สาม” หยางล่อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ชายพุงพลุ้ยคนนั้นพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ : “ฉันไม่ ขอโทษ แล้วแกจะทำไม?”

เพียะๆ!!

พอได้ยินแบบนั้น หยางล่อก็ประทับฝ่ามือลงไปบน ใบหน้าของชายคนนั้นอย่างไม่ลังเล พอชายพุงพลุ้ยโดน ไปแบบนั้นก็รู้สึกชาไปหมด

หยางล่อแค่นเสียงด่าขึ้น : “กล้ามาพาลใส่ฉันแบบนี้ บอกไว้ให้นะ ฉันไม่ได้เก่งแต่ปากนะ ถ้ากล้าทำอีกล่ะก็ ระวังฉันจะอัดนายจนบวมเป็นหัวหมูแน่ๆ”

เฉินเส่กับด้ายเสี่ยวหลิงเห็นแบบนั้นก็ตะลึงอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก พวกเธอคิดไม่ถึงเลยว่าหยางล่อจะกล้า ลงมือแบบนั้น
“หยางล่อ ตบได้ดีมาก! นายสุดยอดไปเลย!” ด้ายเสี่ยว หลิงตะโกนอย่างดีใจ สําหรับด้ายเสี่ยวหลังแล้ว ชายพุง พลุ้ยคนนี้เกะกะลูกตาเธอมาตั้งนาน ดังนั้นการที่หยางล่อ สั่งสอนเขาให้แบบนี้ เธอจึงรู้สึกมีความสุขสุดๆ ไปเลย

เฉินเส่ขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้น : “พอได้แล้ว! เสี่ยวล่อ อย่าทําให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้เลย” ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เฉินเสก็คือประธานของบริษัทการ์เม้นท์คนเสน่ห์อยู่ดี เพราะฉะนั้นเวลาทําอะไรเธอจึงไม่ชอบใช้กำลังเพื่อ แก้ไขปัญหา

หยางล่อหัวเราะ : “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้ามีบางคนที่ ชอบกวนบาทา ก็ต้องสั่งสอนเขาเสียบ้างจะได้เชื่อง” แต่ กับหยางล่อนั้นเขาคิดต่างกับเฉินเส่ เขาคิดว่าวิธีแก้ไข ปัญหาได้ดีที่สุดก็คือกําปั้น ในมุมมองของหยางล่อแล้ว ขอเพียงมีกําลังที่แข็งแกร่ง คนอื่นๆ ก็จะคุกเข่าอยู่แทบ เท้าของเขาอย่างว่าง่ายไปโดยปริยาย

“นี่แกกล้าลงมือกันฉันงั้นหรือ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ชายพุงพลุ้ยนั้นตะเบ็งเสียงออกมาด้วยความเดือดดาล แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ทำให้ตอนนี้เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

หยางล่อพูดด้วยสีหน้าดูถูก : “ไม่ใช่เรื่องของฉันว่านาย เป็นใคร แต่ถ้านายกล้ามายุ่งอีกล่ะก็ ระวังฉันจะอัดนาย อีกแล้วกัน”
“นี่แก…” พอเห็นหยางล่อทำท่าทีอันธพาลใส่แบบนี้ ทําให้ชายพุงพลุ้ยไม่กล้าที่จะพูดอะไรสัก

พอเห็นแบบนี้หยางล่อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเยือกเย็น มีคนบางคนที่ต่ำเข้าแบบนี้มาแต่กำเนิด ไม่ว่าใครเขาก็อยู่ สูงกว่าคนพวกนั้นทั้งหมด ถ้าไม่สั่งสอนเขาสักทีล่ะก็ เขา ก็คงจะไม่ประพฤติตัวดีแน่นอน

“รอเดี๋ยวก่อน!” ยิ่งได้เห็นความแข็งแกร่งของหยางล่อ แบบนี้ ชายพุงพลุ้ยก็กัดฟันพูดออกมา

“สร้อยเส้นนี้ราคาเท่าไหร่กัน?” ชายพุงพลุ้ยจ้องถามไป ที่พนักงานคนนั้น

พนักงานก็พูดขึ้นอย่างลังเล : “หนึ่งล้านค่ะ!”

“อ่ะนี่ หนึ่งล้าน แล้วก็เอาสร้อยเส้นนั้นมาให้ฉัน” พอได้ ยินแบบนั้น ชายพุงพลุ้ยก็หยิบเช็คราคาหนึ่งล้านออกมา โยนลงไว้ที่โต๊ะ

“นี่คือ…” พอพนักงานเห็นแบบนั้น ก็ทำสีหน้าลำบากใจ

“นี่นายมันอย่างไรกันล่ะเนี่ย? เห็นๆ อยู่ว่าพวกเราสนใจ สร้อยเส้นนี้ก่อน นายเอาอะไรมาพูดซื้อก็ซื้อเลยแบบนี้!” ด้ายเสี่ยวหลิงออกมาพูดด้วยสีหน้าฉุนเฉียว
ชายพุงพลุ้ยเองก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น : “เธอยังไม่ได้จ่าย เงินนี่ ไม่ใช่ว่าจ่ายไม่ได้หรือไง?”

“นาย…นายมัน!” เจอกับผู้ชายที่ไร้ยางอายแบบนี้ ด้าย เสี่ยวหลิงก็โกรธจนพูดอะไรไม่ออก

เฉินเส่มองไปที่พนักงานแล้วพูดขึ้น : “ฉันขอเตือนอะไร เธอหน่อยนะ ฉันสนใจสร้อยเส้นนี้ก่อน ถ้าเธอกล้าขาย มันให้กับคนอื่นไปล่ะก็ ฉันฟ้องได้นะ”

พนักงานคนนั้นตอนนี้เหมือนกับหนูที่อยู่ในกรง เธอ กัดฟันแน่นก่อนจะหันไปพูดกับชายพุงพลุ้ยว่า : “ขอโทษ นะคะคุณผู้ชาย ฉันขายสร้อยเส้นนี้ให้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”

“อะไรนะ?” พอได้ยินพนักงานพูดแบบนั้น ชายพุงพลุ้ยก็ ตะโกนเสียงลั่น : “เรียกผู้จัดการเธอมาเดี๋ยวนี้! ฉันจะคุย กับผู้จัดการ”

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” ทันใดนั้น ก็มีผู้ชายวัยกลางคน สวมชุดสูทสีดำาวาวเดินออกมา

พอพนักงานคนนั้นเห็นก็รีบทักทายอย่างนอบน้อม : “สวัสดีค่ะ ผู้จัดการหลิว!”

ผู้จัดการหลิวถามพนักงานคนนั้นขึ้น : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเสี่ยวเหอ?”

เสี่ยวเหอพูด : “คืออย่างนี้ค่ะผู้จัดการหลิว คุณผู้หญิง ท่านนี้เกิดสนใจในสร้อยเส้นนี้แล้วต้องการจะซื้อ แต่ ทันใดนั้นคุณผู้ชายท่านนี้ก็โผล่มาแล้วบอกว่าสนใจสร้อย เส้นนี้เหมือนกัน แล้วเขาก็จ่ายเงินเพื่อจะซื้อมันด้วยค่ะ”

หลังจากฟังสิ่งที่เสี่ยวเหอพูดเสร็จ ผู้จัดการหลิวก็พูดขึ้น ว่า : “เสี่ยวเหอเธอไปก่อนเถอะ ตรงนี้ให้ฉันจัดการเอง

“ค่ะ ผู้จัดการ!” พนักงานคนนั้นถอยไปถอนหายใจอย่าง โล่งอก ในสายตาของเธอไม่ว่าจะเป็นเฉินเส่หรือว่าผู้ชาย คนนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดาเลย ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าจะไปล่ วงเกินอะไรด้วย

“ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านมีอะไรที่พอจะให้ช่วยได้ไหม ครับ?” ผู้จัดการคนนั้นถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วย รอยยิ้ม

“นายเป็นผู้จัดการที่นี่ใช่ไหม?” ชายพุงพลุ้ยถามขึ้น

ผู้จัดการหลิวพยักหน้ารับ : “ใช่ครับ ผมเป็นผู้จัดการของ ร้านเครื่องประดับแห่งนี้”
“ฉันชื่อว่าดิงพ่าง นี่คือนามบัตรฉัน” พูดปุ๊ป ก็เห็นชายพุง พลุ้ยนั่นยื่นนามบัตรของตัวเองไปให้

ผู้จัดการหลิวรับนามบัตรนั้นมา ทันทีที่มองดูก็แสดง สีหน้าประหลาดใจทันที : “คุณคือผู้บริหารดึงฟางของบริ ษัทมาวหยวนหรือครับ?”

ดิงพ่างพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ : “ถูกต้อง! ผู้จัดการหลิว ฉันชอบสร้อยเส้นนี้ ขายสร้อยเส้นนี้ให้ฉันเถอะ!”

บริษัทม่าวหยวนเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทรัพย์สินระดับ ร้อยล้านของเมืองเจียงเฉิง ที่สำคัญที่สุดคือได้ยินมาว่า บริษัทแห่งนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ โดยเฉพาะผู้บริหารดึง พ่างเองก็มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับข้าราชการระดับ สูงในเมืองด้วย

พอคิดได้แบบนี้ ผู้จัดการหลิวก็ยิ้มพูด : “ไม่มีปัญหาเลย ครับประธานดิง ผมจะขายสร้อยเส้นนี้ให้คุณเลยครั

“ฮ่าๆๆ! ผู้จัดการหลิว หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยล่ะ ก็มาหาฉันได้เลยน” พอได้ยินแบบนี้ ดิงพ่างก็หัวเราะร่า ขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณประธานดิงมากๆ เลยครับ!” พอได้ยินแบบนั้น ผู้จัดการหลิวก็เผยสีหน้าดีอกดีใจ
“นี่ทําแบบนี้ได้อย่างไรกันน่ะ? เห็นชัดๆ อยู่ว่าสร้อยเส้น นี้พวกเราสนใจก่อนนะ” พอเห็นว่าผู้จัดการหลิวจะขาย สร้อยเส้นนั้นให้กับดิงพ่าง ด้ายเสี่ยวหลงก็รีบออกมาพูด ด้วยความไม่พอใจทันที

ดิงพ่างเห็นแบบนั้นก็พูดอย่างดูถูก : “เธอสนใจก่อนแล้ว มันอย่างไรล่ะ? ฉันมีเงินที่จะจ่ายสร้อยเส้นนี้ในราคาสอง ล้านแล้วกัน”

“ไอ้คนหน้าไม่อาย!” พอได้ยินแบบนั้น ด้ายเสี่ยวหลิงก็ ก่นด่าด้วยสีหน้าฉุนเฉียว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ