นักรบจอมราชันย์

บทที่ 14 ความวุ่นวายในห้างสรรพสินค้า!



บทที่ 14 ความวุ่นวายในห้างสรรพสินค้า!

บทที่ 14 ความวุ่นวายในห้างสรรพสินค้า

พอเห็นว่าหยางล่อนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เฉินเสก็หันไปพูด กับพนักงานคนนั้นขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นเอาชุดนี้แล้วกันค่ะ แล้วก็ขอแบบนี้อีกสองชุดด้วยนะคะ” พูดปุ๊ป เธอก็มองไป ที่รองเท้าไนกี้ของก๊อปที่เท้าของหยางล่อ : “ใช่แล้ว แล้วก็ หยิบรองเท้าหนังมาด้วยสักสองสามคู่นะคะ”

“ค่ะๆๆ!” พอได้ยินเฉินเส่พูดแบบนั้น พนักงานคนนั้นก็ทำ สีหน้าดีใจขึ้นมาทันที ของพวกนี้น่ะราคาอย่างต่ำก็เป็น แสนแล้ว เธอคงจะได้ค่าคอมมิชชั่นไม่น้อยเลย เธอจึงหัน หน้ามองไปทางหยางล่ออย่างรู้สึกอิจฉา ไม่คิดเลยว่าเขา จะเกาะผู้หญิงกินได้อย่างสบายใจเฉิบแบบนี้ หรือจะพูด ได้ว่าเป็นคนที่หยิ่งยโสดีนะ

พอมองดูเฉินเส่กับด้ายเสี่ยวหลิงทั้งคู่ต่างก็ดูเป็นสาว สวยที่สูงศักดิ์ทั้งนั้น ทำให้พนักงานผู้หญิงคนนั้นอดที่จะ ทอดถอนใจไม่ได้ว่าของดีถูกหมูคาบเอาไปกินเสียแล้ว ยังดีที่ว่าหยางล่อไม่รู้ว่าในใจของพนักงานคนนั้นกำลัง คิดอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นคงจะระเบิดออกมาแน่ๆ

เกาะผู้หญิงกินงั้นหรือ? นี่ฉันเหมือนคนเกาะคนอื่นกิน หรือไง? ถึงแม้หยางล่อจะอยากทำมากแค่ไหน แต่เขาก็ ไม่เคยทำได้มาก่อนเลยในชีวิตนะ!
สักพักหนึ่ง พนักงานคนนั้นก็น่าชุดออกมาอย่างรวดเร็ว

เฉินเส่ก็หันไปพูดกับหยางล่อขึ้น : “เอาไปลองดูสิหยาง ล่อว่ามันพอดีตัวหรือเปล่า?”

หยางล่อหันไปยิ้มให้อย่างเกรงใจ : “นี่มัน…ไม่ต้องหรอ กมังครับ!”

ด้ายเสี่ยวหลิงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดเร่งขึ้นด้วย : “นายไปลอง เถอะน่าหยางล่อพวกเราก็อยากจะเห็นว่าพอนายสวม แล้วจะเป็นอย่างไร

“ก็ได้!” พอได้ยินแบบนั้น หยางล่อก็หยิบชุดนั้นเดิน เข้าไปเปลี่ยนในห้องลองเสื้อทันที

หลังจากผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง หยางล่อก็สวมชุดนั้นเดินออกมา

หา?

พอมองดู หยางล่อที่สวมชุดสูทดูแล้ว ทำให้เฉินเส่ ด้าย เสี่ยวหลิงและพนักงานหญิงคนนั้น ต่างก็แสดงสีหน้าตก ตะลึงออกมา

หยางล่อที่สวมชุดสูทสีดำ รองเท้าหนังสีดำตอนนี้ ด้วยรูปร่างที่สูงกว่าเมตรแปดสิบ แถมด้วยกล้ามเนื้อที่กำยำ ใบหน้าที่ดูกระจ่างใส ดวงตาที่นําขลับ ทำให้มองดูแล้ว หล่อทะลุแป้งออกมาจริงๆ เฉินเส่เองก็ถูกความหล่อของ หยางล่อตรึงสะกดเอาไว้ ปรกติแล้วหยางล่อมักจะทำตัว เอ้อระเหยลอยชายไปมา ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่า ที่แท้เขา จะเป็นคนหล่อถึงขนาดนี้

สีหน้าของพนักงานผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนถูกดึงดูด ให้หลงใหลไปกับเขา เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าหยางล่อที่ดู เหมือนผู้ติดตามแบบนี้ พอได้สวมชุดสูทแล้วกลับดูหล่อ เหลาขึ้นทันที มิน่าล่ะ เพราะแบบนี้ถึงได้เกาะคนอื่นกิน ได้ สุภาษิตก็ได้กล่าวไว้ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะ แต่งจริงๆ หยางล่อที่สวมชุดสูทอยู่ตอนนี้ แผ่ความหล่อ ออกมาจนแทบจะสะกดผู้หญิงทุกคนไว้จริงๆ

“นี่ทุกคนเป็นอะไรกันไปเนี่ย? มีอะไรผิดปรกติตรงไหน หรือไง?” พอมองเห็นเฉินเส่ทำท่าทางอ้าปากค้างแบบนั้น หยางล่อก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

ด้ายเสี่ยวหลิงที่เห็นแบบนั้นก็ตะโกนเรียกอย่างดีอก ดีใจ : “นายนี่หล่อจริงๆ เลยนะหยางล่อ ฉันหลงรักนาย เข้าแล้วนะเนี่ย!”

พอได้ยินด้ายเสี่ยวหลิงพูดแบบนั้น หยางล่อก็หัวเราะ แบบเขินๆ : “นี่ฉันหล่อขนาดนั้นเลยหรือ?”
เฉินเส่ได้ยินก็กุ้ยปาก : “ปรกติแล้วท่าทางนายดูเหมือน พวกอันธพาลเลยนะหยางล่อ แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพอได้ สวมชุดสูทแบบนี้แล้วจะดูเหมือนคนละคนไปจริงๆ ดู เหมือนว่าพี่จะดูถูกเธอไปหน่อยล่ะนะ” ถึงแม้ในใจเฉิน เส่ไม่อยากจะยอมรับ แต่หยางล่อในตอนนี้ก็ดูหล่อเหลา จริงๆ

“ฮ่าๆๆ!” หยางล่อได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะร่าขึ้นพลางพูด อย่างอวดๆ : “ทุกคนหลงใหลในความหล่อของผมไปแล้ว ใช่ไหมล่ะ ทำไงได้ล่ะก็คนมันหล่อ จะเดินไปไหนมาไหน คนก็อิจฉา บางทียืนอยู่หน้ากระจกยังอดไม่ได้ที่จะโค้ง คำนับให้ตัวเองเลยนะ”

แหวะ!

ในตอนแรกเฉินเส่เริ่มรู้สึกดีกับหยางล่อบ้างแล้ว พอได้ ยินหยางล่อพูดอย่างหลงตัวเองเท่านั้นแหละ ความรู้สึก ดีๆ ที่มีก่อนหน้านี้ก็สลายกลายเป็นอากาศธาตุภายใน พริบตา

เฉินเส่กลอกตามองก่อนพูดขึ้น “อย่าหลงตัวเองไม่ หน่อยเลยน่า ถึงแม้จะสวมชุดแบบนี้ก็ปิดนิสัยบ้านๆ ของ นายไม่อยู่หรอก”

คำพูดของเฉินเส่ทำให้หยางล่อเหมือนถูกเข็มนับพันเล่ม แทงเข้าที่ดวงใจจริงๆ
หลังจากที่ซื้อเสื้อผ้ากันเสร็จ ด้ายเสี่ยวหลิงก็พูดขึ้น : “นี่ พี่ ฉันรู้มาว่าใกล้ๆ นี้มีร้านเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งด้วย นะ แถมมีแต่ของดีๆ ด้วย อีกเดี๋ยวเราไปตรงนั้นกันไหม คะ?”

พอได้ยินแบบนั้น เฉินเสก็พยักหน้ารับอย่างรู้สึกสนใจ : “ได้สิ!”

หยางล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็โอดครวญขึ้น : “คงไม่ใช่หรอก ใช่ไหม ยังจะซื้อของอีกหรือ? มือทั้งสองข้างของผมถือไม่ ไหวแล้วนะ” มือทั้งสองข้างของหยางล่อตอนนี้หอบของ พะรุงพะรังเต็มไปหมด แม้แต่ที่คอของเขายังมีถุงตั้งสี่ห้า ใบแขวนไว้อยู่ หยางล่อจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นว่าการมาเดิน กับพวกเธอนี่มันเหนื่อยจริงๆ นี่มันดูยุ่งยากกว่าการฆ่าคน ชัดๆ เลยนะเนี่ย

ด้ายเสี่ยวหลิงได้ยินแบบนั้นก็ส่งเสียงหึขึ้น : “เรื่องของ นายสิ ถึงเวลานายก็คิดหาทางเอาเองแล้วกัน” พูดจบ ด้ายเสี่ยวหลิงก็เดินลากเฉินเส่ไปที่ร้านเครื่องประดับ ทันที

หยางล่อเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี จึงทำได้เพียงตามพ วกเธอไป พลันทั้งสามคนก็มาถึงที่ร้านเครื่องประดับอย่าง รวดเร็ว เครื่องประดับในร้านนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของล้ำค่า ระดับสูงโดยนักออกแบบชื่อดัง ดังนั้นของทุกชิ้นจึงแพง หูฉี่ทีเดียว
“สวยจังเลย!” พอเข้ามาในร้านก็เห็นเครื่องประดับแต่ละ ชิ้นที่ตั้งเรียงรายอย่างสวยงาม ทำให้ผู้หญิงทั้งสองคน ต่างก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา แต่สำหรับหยางล่อแล้วเขารู้สึกว่า ของพวกนี้มันไร้ประโยชน์ แม้แต่จะเอาไว้กินยังกินไม่ได้ เลย

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ?” พลันมี พนักงานคนหนึ่งเดินมาถามพวกเธอด้วยรอยยิ้มทันที

“สร้อยคอเส้นนี้สวยจังเลยค่ะพี่!” ขณะนั้นเอง ด้ายเสี่ยว หลิงก็ชี้ไปที่สร้อยเส้นหนึ่งอย่างตื่นเต้น

หยางล่อหันไปมองก็พบว่า สร้อยเส้นนั้นสร้างมาจาก ทองคำขาว ส่วนที่ห้อยอยู่กับสร้อยนั้นก็เป็นหินไพลินเม็ด งาม ดูแล้วสวยงามอย่างมาก มิน่าล่ะถึงได้ดึงดูดสายตา ของด้ายเสี่ยวหลิง เฉินเส่เองที่มองไปยังสร้อยเส้นนั้นก็ รู้สึกใจเต้นขึ้นมาเช่นกัน

พนักงานที่อยู่ด้านข้างเห็นแบบนั้นก็ยิ้มพูดขึ้น : “ทั้งสอง ท่านต่างก็ตาถึงจริงๆ ค่ะ สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยล้ำค่า ระดับสูงที่นักออกแบบที่ชื่อเฟยจื่อเดื่อเป็นคนออกแบบ จากประเทศฝรั่งเศสค่ะ แถมทั่วทั้งโลกมีแค่เพียงสามเส้น ด้วยเท่านั้น เส้นนี้จึงเป็นเส้นเดียวที่มีอยู่ในประเทศจีน ค่ะ” พอได้ยินชื่อเฟยจื่อเดื่อขึ้นมา มุมปากของหยางล่อก็ กระตุกทันที
“ว้าว ที่แท้ก็เป็นนักออกแบบเฟยอื่อเดื่อเป็นคนทำนี่เอง” อ้ายเสี่ยวหลิงพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ : “พี่สาวรู้ไหม คุณเฟยจื่อเดื่อเป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ เลยนะคะ ทุกชิ้นที่เขาออกแบบก็จะมีคนนับไม่ถ้วนที่มา แย่งชิงทั้งนี้”

เฉินเส่ถามอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ : “จริงหรือหลอก กันเนี่ย?

ด้ายเสี่ยวหลิงพยักหน้าหง็กๆ : “จริงแน่นอนสิพี่! เห็นเขา เล่ามาว่าคุณเฟยจื่อเดือเขาเคยออกแบบสร้อยคอที่ชื่อ ว่าน้ำตานางฟ้ามาเส้นหนึ่ง พอสร้อยเส้นนั้นออกมาก็มีผู้ หญิงมากมายต่างก็เข้ามาแย่งกัน แต่สุดท้ายสร้อยเส้น นั้นก็ถูกผู้ชายที่ถูกขนานนามว่ายมทูตขโมยเอาไป ว่ากัน ว่าเขาเอามันไปมอบให้คนรักของเขาด้วยนะคะ”

“จริงหรือ? ถ้าหากว่ายมทูตคนนั้นสามารถเอาน้ำตา นางฟ้านั่นมาให้พี่ได้ล่ะก็ พี่คงยอมแต่งงานกับเขาแน่” พอได้ยินแบบนั้นเฉินเส่ก็พูดกับตัวเองด้วยสีหน้าที่เต็มไป ด้วยความหลงใหล

ด้ายเสี่ยวหลิงเองก็ผงกหัวตาม : “ฉันก็ด้วย! ได้ยินมาว่า ยมทูตคนนั้นเป็นผู้ชายที่เก่งกาจที่สุดในโลกเลยนะคะ แถมมีแค่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่เคยเห็นหน้าเขา แถมเพื่อ ที่จะได้น้ำตานางฟ้าเส้นนั้นมาครอง ยมทูตถึงกลับไปแย่ง จากในห้องของกษัตริย์แถบตะวันออกกลางเองเลยนะ คะ”
“หา? ไปแย่งมาจากกษัตริย์เลยเนี่ยนะ? พูดโอเวอร์เกิน ไปหรือเปล่า?” เฉินเลไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ด้ายเสี่ยวหลิงเองก็พูดเสริม : “ฉันได้ยินมาจากเพื่อนอีก ทีน่ะค่ะ เขาเล่าว่ายมทูตบุกเข้าไปในวังที่กษัตริย์องค์นั้น อาศัยอยู่ แล้วเอาปืนกลเข้าบีบบังคับให้กษัตริย์องค์นั้น ยอมมอบสร้อยนํ้าตานางฟ้าเส้นนั้นให้ด้วยตัวเองเลยล่ะ ค่ะ”

“อะไรจะเก่งขนาดนั้น เป็นผู้ชายที่มีจิตวิญญาณของ ผู้ชายอยู่เสียจริงนะ ถ้าหากพี่ได้แต่งงานกับล่ะก็ ชีวิต พี่คงจะพอใจแล้วล่ะ” เฉินเสบ่นพึมพำกับตัวเองด้วย สีหน้าเลื่อมใส

พอเห็นแบบนั้น หยางล่อก็ทนดูต่อไปไม่ได้ เขากระแอม ขึ้นพูด : “แค่กๆ! ขอโทษที่รบกวนนะครับ จริงๆ แล้วยมทูต คนนี้ที่พูดถึงกัน ก็คือผมนี่ไงล่ะครับ” หลังจากที่พูดไป หยางล่อก็เผยรอยยิ้มอย่างมั่นใจให้เห็น

ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่เฉินเส่เห็นรอยยิ้มที่มั่นใจของหยาง ล่อนั้น ระหว่างนั้นเธอก็เหมือนจะเห็นว่าหยางล่อนั้นดูสูง ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะแววตาที่สุขุมนุ่มลึกนั้นเหมือน ว่าจะซ่อนความลับอะไรไว้มากมายด้วย

พอเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเฉินเส่ หยางล่อก็ยิ้มอย่าง มั่นใจ : “เป็นอะไรไปล่ะครับ? พี่ไม่ได้บอกว่าจะแต่งงานกับผมงั้นหรือ?” พอได้ยินแบบนั้น ภาพที่ตูสูงส่งของหยาง ล่อในสมองของเฉินเสก็พังครืนลงทันทีก่อนที่เธอจะพูด อย่างไม่สบอารมณ์ : “อย่าพูดจามั่วชั่วนะหยางล่อ คน แบบเธอจะเป็นยมทูตคนนั้นได้อย่างไรกัน?”

“ผมเป็นยมทูตคนนั้นจริงๆ นะครับ!” หยางล่อตะโกนขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ