จักรพรรดิอมตะ

บทที่20 เพียงแวบเดียวที่ตวัดนิ้ว



บทที่20 เพียงแวบเดียวที่ตวัดนิ้ว

บทที่20 เพียงแวบเดียวที วัดนิ้ว

กลุ่มแชทของตระกูลเงียบลง ในบริษัทกลับกําลังถกเถียงอยู่

“ครั้งนี้เป็นแบบนี้แล้ว หานหมู่เยนอยู่ในตำแหน่ง หลังจากนี้พวก เราก็จะใช้ชีวิตยาก น ! ”

“กลัวอะไร อย่าลืมว่าบ้านเรายังมีการจัดงานแต่งงานอีก แน่นอน ว่าต้องเป็นคุณชายตระกูลร่ำรวย พวกเรายังมีโอกาสอยู่

“นั่นสิ แต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวย ทานหมู่เยนจะไปมีอะไรได้อีก แต่พูดไป ปีนี้จะผ่านไปได้อย่างไร ?

หานหยุนซีกำหมัด พลางพึมพำเสียงเย็นชา : “ร้อนรนอะไร หานหยุนเทาเก่งกาจขนาดไหนพวกคุณไม่รู้เหรอ ตอนนี้ไม่มี ตำาแหน่งรองประธานแล้ว อยากจะฆ่าหานหมู่เยนจนทนไม่ไหว เขาเองจะต้องทําร้ายไปสารเลวนั่น พวกเราไม่ต้องเป็นห่วง ! ”

“ก็จริง ตอนนี้ฉันอยากให้คุณชายลึกลับนั่นปรากฏตัวสักที แล้วก็ เลือกคนหนึ่งในพวกเราไป” หญิงแต่หน้าจัดบ่นด้วยความเศร้าใจ

“พี่น้อง พวกเรายืนอยู่บนด้ายเส้นเดียวกัน ไม่ว่าใครจะแต่ง เข้าไปก็ต้องดูแลคนอื่นด้วย เพื่อร่วมมือกันทำลายหานหมู่เยน !

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

บริษัทตระกูลหานมีบรรยากาศอย่างไรนั้นโล่เฉินไม่ได้อยากรู้ ความเกลียดของหานหยุนเทาทั้งเขาเองก็ไม่ได้สนใจ

คุณย่าทานตอบตกลงแล้ว ก็ไม่มีปัญหาแล้ว

ในระยะเวลาหนึ่งปี เพียงพอที่จะให้หานหมู่เยนพัฒนาตัวเอง อยู่ ในบริษัทอย่างมั่นคง โล่เฉินเชื่อในตัวหานหมู่เยนเป็นอย่างมาก

“วันนี้ทำได้ไม่เลวเลย เก่งมาก ! ” หานหยู่ถึงลุกขึ้นยื่นนิ้วโป้ง

ให้

โล่เฉินหัวเราะ
หานเจี้ยนเย่สามีภรรยามองกัน หลิวเซียงหลันพูดขึ้น : “โชคดี ที่พนันถูกแล้ว แต่อย่าคิดว่าฉันจะยอมรับคุณนะ ฉลาดแค่นิดเดียว อย่าคิดว่าเก่งนะ ! ”

“แม่ ฉันจะพยายามนะ!”

หลิวเซียงหลันเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนจะเข้าไปในห้องตัว

เอง

จู่ๆ โทรศัพท์ของโล่เฉินก็ดังขึ้น เป็นเสียงจื้อสงคุณชายตระกูล เสียงที่สามโทรเข้ามา เขาร้อนรนเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้คือวัน ที่สิบห้าสิงหาแล้ว

เมื่อมาถึงในห้อง

“คุณชายตระกูลเสียงที่สาม

“คุณผู้ชายโล่ คุณไม่ลืมวันใช่ไหม ฉันอยู่ที่ชิงเฟิงซานจวนแล้ว คุณอยู่ที่ไหน ตอนนี้ฉันจะให้คนไปรับคุณ”

โล่เฉินหัวเราะ : “ไม่ลืมหรอก คู่ปรับของคุณอย่างลี่สวี้ถึงแล้ว ใช่ไหม ? ”

“ยังไม่ถึง จดหมายของเขาบอกว่าจะมาถึงตอนเที่ยงตรง
“ยังพอมีเวลา คุณไม่ต้องมารับฉัน ฉันจะนั่งแท็กซี่ไปเอง ! ” หลังจากวางสายไป โล่เฉินก็หาข้ออ้างที่จะออกจากบ้านไป

ชิงเฟิงซานจวน

เพิ่งจะลงจากรถ ก็มีชายร่างกำยำสูงราวๆ เมตรเก้าสิบเข้ามา “คุณผู้ชายโล่ คุณชายที่สามมารอนานแล้ว ตามฉันมา

ที่สวนดอกไม้ด้านหลัง

ตอนที่โล่เฉินปรากฏตัว เลี้ยงจื้อสงกำลังคุยอยู่กับชายเสื้อแขน ยาว เมื่อเห็นเขา เสี้ยงจื้อสงก็ยิ้มขึ้นมา

“คุณผู้ชายโล่ มาๆ แนะนำหน่อย คนนี้คืออู่ไต้ซือ เป็นนักบู๊คน หนึ่ง เก่งกาจและมากความสามารถเป็นอย่างมาก”

ชายเสื้อแขนยาวนั้น มีแววตาที่เย็นชาและทระนง เขาหรี่ตาลง ด้วยท่าทีสง่างาม

เมื่อมองโล่เฉิน อู๋ไต้ซือก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “คุณชายที่ สาม ทำไมถึงเชิญใครก็ไม่รู้มา เป็นแค่เด็กน้อยที่เพิ่งจะเกิดมาไม่ นาน ก็กล้ามาใช้ชีวิตดั่งคนกล้า ลีสวฉันได้ยินมาตั้งนานแล้ว ว่า มันไม่ง่ายเลย ฉันเองยังไม่กล้าบอกว่ามันจะชนะได้ง่ายๆ เลย คุณเรียกเด็กน้อยนี่มา มันใช้เหรอ ! ”

“คือว่า……” เสียงจื้อสงทำตัวไม่ถูกเลย

โล่เฉินมีสีหน้านิ่งเฉย เขาปรายตามองเสียงจื๊อสง ก่อนจะเดินไป แล้วนั่งลงข้างๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อวานซืนก่อนก็นัดกันแล้ว ตอนนี้มีนักบู๊เพิ่มมาอีกคน เห็นได้ ชัดเจนเลยว่าเลี้ยงจื้อสงไม่เชื่อกำลังของตัวเอง

แน่นอน ว่าเขาเตรียมมาเพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง มันก็ไม่มีอะไรให้

พูดมาก

แต่ทว่า ท่าทีของโล่เฉินนั้นกลับทำให้อู่ใต้ซือรู้สึกไม่ดี

“ไม่ได้เก่งกาจระดับอาจารย์ แทระนงตนน่ะเจอมาไม่น้อยเลย ตอนนี้คนหนุ่มสาว เรียนเพียงนิดหน่อย ก็คิดว่าเก่งเกินใครบน โลกใบนี้แล้ว”

อู๋ได้ซือส่ายหัวพลางถอนหายใจ “คนหนุ่มสาวแบบนี้ฉันเจอมา เยอะแล้ว ถ้าไม่ตายเร็ว ก็เป็นพวกไม่เคยประสบความสำเร็จเลย ตลอดชีวิต พยายามไปก็เท่านั้น
เสียงจื๊อสงอยู่ตรงกลาง พลางลำบากใจมองด้านซ้ายขวา

คนหนึ่งก็เป็นนักบู๊ ส่วนอีกคนก็เป็นแขกในบ้าน เขาทำได้แค่สู้ อยู่ตรงกลาง “อู่ไต้ซือ คุณผู้ชายโล่เป็นเพื่อนของฉันตระกูลเสื้ ยง”

“ช่างเถอะ เดี๋ยวให้เขาตามติดด้านหลัง ถ้าบาดเจ็บตรงไหนอย่า มาโทษฉันนะ ! ” อู๋ไต้ซือพูดจบ ก็หลับตาทำสมาธิ

โล่เฉินอยู่ที่ศาลานั้นก็มีความสุขดี และได้ชิมเหล้ามาไม่รู้กี่ชนิด แล้ว

เวลาผ่านไป

เมื่อถึงเที่ยง จู่ๆ ลมก็พัดแรงขึ้น

โล่เฉินมีแววตาเปล่งประกาย ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น : “เสียงจื้อสง ! ”

ผ่าง !

มีเสียงดังขึ้น จนหูแทบดับ

เสียงจื้อสงตกใจจนมีสีหน้าซีดลง
เสียงจื๊อสงอยู่ตรงกลาง พลางลำบากใจมองด้านซ้ายขวา

คนหนึ่งก็เป็นนักบู๊ ส่วนอีกคนก็เป็นแขกในบ้าน เขาทำได้แค่สู้ อยู่ตรงกลาง “อู่ไต้ซือ คุณผู้ชายโล่เป็นเพื่อนของฉันตระกูลเสื้ ยง”

“ช่างเถอะ เดี๋ยวให้เขาตามติดด้านหลัง ถ้าบาดเจ็บตรงไหนอย่า มาโทษฉันนะ ! ” อู๋ไต้ซือพูดจบ ก็หลับตาทำสมาธิ

โล่เฉินอยู่ที่ศาลานั้นก็มีความสุขดี และได้ชิมเหล้ามาไม่รู้กี่ชนิด แล้ว

เวลาผ่านไป

เมื่อถึงเที่ยง จู่ๆ ลมก็พัดแรงขึ้น

โล่เฉินมีแววตาเปล่งประกาย ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น : “เสียงจื้อสง ! ”

ผ่าง !

มีเสียงดังขึ้น จนหูแทบดับ

เสียงจื้อสงตกใจจนมีสีหน้าซีดลง
“บอดี้การ์ด บอดี้การ์ด ! ”

เสียงจื้อสงรีบเรียก

สวมร้ายกาจ : ไม่ต้องตะโกนหรอก ตอนที่ฉันเข้ามาก็ จัดการไปหมดแล้ว ตอนนี้เตรียมตัวตายเถอะ ! ”

มากเกินไปแล้ว ฉันจะนั่งอยู่ตรงหน้า ถ้าล้าก็เข้ามาทําร้าย คุณชายที่สาม ”

ได้ อลุกขึ้นมา

เลี้ยงจื้อสงรีบถอย ก่อนจะนําหมัดขึ้นมาทั้งสองข้าง : อาจารย์ ขอร้องล่ะ”

“วางใจเถอะ ให้ฉันทำเอง ! ”

“ให้คุณเหรอ ? ”

ลี่สวี้หัวเราะขึ้นด้วยความไม่แยแส พลางส่ายหัวแล้วพูด : “คน เมินเฉยย่อมไม่กลัว แค่เข้ามาฉันก็เห็นคุณแล้ว สวะที่เพิ่งฝึก กําลังกายในน่ะ กล้ามาสู้ต่อหน้าฉันด้วยเหรอ ! ”

“มากเกินไปแล้ว คุณควรตาย ! ”
อู๋ไต้ซือเริ่มขยับแล้ว

ที่เขาฝึกก็คือฝ่ามือพยัคฆ์ มันเป็นความหนักแน่นที่ไม่ลด ความเร็วลงเลย เปลี่ยนไปได้ มันถือเป็นหมัดที่ดีเลยทีเดียว

“ไม่รู้จักกำลังของตัวเอง ! ”

ลี่สวีถีบด้วยเท้าสองข้าง ตัวก็พุ่งข้างหน้าเหมือนกระสุน

มาปรากฏตัวตรงหน้าอู่ไต้ซืออย่างรวดเร็ว จากนั้น ก็ปัดป้องการ กำบังของอู๋ไต้ซือด้วยหมัด เข้าที่กบางหน้าอกของอู่ไต้ซือ

ก็เห็นว่าอู่ได้ซือลอยออกไปไกลราวๆ สิบเมตรไปบนภูเขาปลอม ของสวนดอกไม้เหมือนกับว่าวที่เชือกขาด

“พรวก ! ”

อู๋ไต้ซือกระอักเลือด กลับเป็นอย่างมาก “คุณ คุณ……กำลัง ภายในระดับกลาง ! ”

ลี่สวี้ลงลมาจากที่สูง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน “ตอน นี้รู้ ก็สายเกินไปแล้ว นักบู๊ภายในคุ้มค่าไม่เบาเลย รอให้ฉันได้หัว ของเสียงจื้อสงก่อนเถอะ แล้วค่อยมาเช็กบิลกับคุณ!”

ตอนที่อู่ได้ซือถูกเตะปลิว เสียงจื้อสงกลับมีสีหน้าซีดเซียว รู้ว่า วันนี้ยากที่จะหนีแล้ว

ตอนนี้ เมื่อเห็นลี่สวีเข้ามาอย่างกัดไม่ปล่อย เขาก็ควบคุมตัวเอง แทบไม่อยู่

“ตายแล้วไม่ฟื้น ถึงคุณจะฆ่าฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่างฉัน เป็นคนของตระกูลเสียง พ่อของฉันคือเสียงหยวน ! ”

“อะไรเลี้ยงหยวน หลี่หยวน หวังหยวน วันนี้คุณจะอ้างใครมา ก็ตาม ก็เปลี่ยนโชคที่กําหนดเอาไว้แล้วไม่ได้หรอก อีกอย่างฉัน เป็นแค่นักบู๊ที่มีกำลังภายในระดับกลาง จะกลัวคุณตระกูลเสียงเห รอ น่าขำ ! ”

ลี่สวีถือมีดอยู่ในมือ มีแสงวิบวับ สะท้อนแสงอยู่

เลี้ยงจื้อสงถอยไปจนติดกับกําแพง

รีบร้อนจริงๆ โล่เฉินรินเหล้าไปพูดไป “ฉันว่ากำลังของคุณก็ เพียงพอได้แล้ว จะมาหยุดตอนนี้ มันเหมือนฆ่าตัวเองชัดๆ รีบ ออกไปตอนนี้เลย”
“อือ ? ”

ลี่สวี้หันมา

อันที่จริง เพิ่งมาถึงสวนดอกไม้ด้านหลัง เขาก็สนใจโล่เฉินกับ อู๋ไต้ซือ เห็นได้เลยว่าเขาพบว่าอู่ไต้ซือเป็นนักบู๊ที่มีกำลังภายใน ระดับกลาง

แต่โล่เฉิน เขามองดูแล้วแต่ก็ยังมองระดับไม่ออกสักที แถมอายุ ของโล่เฉิน ลี่สวี้คิดไปก่อนเลยว่าเขาเป็นแค่คุณชายธรรมดาๆ

“คุณคือใคร ? ”

“โล่เฉิน”

“ไม่รู้จัก” ลี่สวีทำปากมุบมิบ พลางพูด “ไอหนุ่ม วันนี้ได้มาแก้ แค้นแถมได้จับนักบู๊กำลังภายในคนหนึ่งด้วยเลยอารมณ์ดี จะ ปล่อยคุณไป รีบออกไปซะ

“คำนี้น่าจะให้ฉันเป็นคนพูด

“ให้เกียรติแล้วดันไม่เอา ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว คุณเองก็ต้อง แก้ไขเองนะ ! ”
ลี่สวีเข้ามาพร้อมกับมีด

โล่เฉินถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ได้ไปสนใจขนาดนั้น จึงวางแก้ว เหล้าลง ก่อนจะยกมือขึ้นจับ เหมือนกับจับเหล็กแผ่นหนึ่งเลยล่ะ

ชิ้ง !

ข้อมือสั่นไหว ลมปราณที่ฝึกอย่างแพรวพราว ก็ตกมาอยู่ที่ตัว ของลี่สวี้ในทันใด ก่อนจะกระเด็นไป

“โอ๊ย ! ”

ลี่สวี้ร้องด้วยความเจ็บปวด หายใจไม่ออก เพราะจุดสำคัญในร่าย กายถูกทำร้าย สูญเสียร่างกายที่ฝึกมา และกลายเป็นคนพิการ แทน

“ยังมีเรื่องจะพูดอีกเหรอ ? ”

โล่เฉินลุกขึ้น ก่อนจะมาอยู่ที่หน้าศาลา

ความอยากฆ่านั้นมันแพร่กระจายไป อยากจะฆ่าศัตรูในอากาศ
ปรมาจารย์!!

สวแทนจะลูกตาหลุดออกมา ในโลกของนักบู๊ ปรมาจารย์ ถือว่าหาได้ยาก เขาจะไปคิดออกได้อย่างไรว่าจะได้เจอ แถมยัง เด็กขนาดนี้ด้วย

ห่างไปไม่ไกล ด้านล่างของภูเขาปลอมนั้น

ได้ซื้อชาไปหมด จนน่าขนลุก

ปรมาจารย์เหรอ เมื่อครูที่พูดจาแดกดันไปจะทำอย่างไรดีนะ ?

ปรมจารย์ไว้ชีวิตเถอะ

“ทำลายจุดสำคัญของคุณแล้ว น่าเคารพไหมล่ะ ?

สแทบจะต้องอยู่กับพื้น เหงื่อแตกเหมือนกับฝนตก “เคารพ ฉันเคารพแล้ว

“ฉันไม่อยากจะฆ่าคน ไว้ชีวิตคุณจะไม่เข้ามาที่เมืองเจียงอีก”

โล่เฉินหายใจเบาๆ เหมือนกับเป็นพระเจ้า “เข้าใจที่ฉันพูดไหม ? ”

“เข้าใจๆ คุณพูดเข้าใจดี ฉันเองก็เข้าใจแล้วเหมือนกัน”

“ไปเถอะ”

ลี่สวี้เหมือนถูกลงโทษ จนเกือบจะร้องไห้ออกมา “ขอบคุณที่ไม่ ฆ่ากัน ฉันจะออกจากเมืองเจียงตอนนี้เลย

ฟู่ๆ !

มีลมพัดมาเบาๆ สวนดอกไม้นั้นก็กลับมาสงบ

ลี่สวี้มาเร็วและไปเร็ว

อู๋ไต้ซือไม่ต้องพูดแล้ว ฟุบอยู่กับพื้นเหมือนอยากจะแกล้งตาย เป็นอย่างมาก ขนาดเลี้ยงจื้อสงเอง ถึงจะไม่ใช่นักบู๊ แต่พ่อของเสื้ ยงหยวนเป็นนักบู๊ เลยเคยได้ยินมาบ้าง

เขารู้ว่าปรมจารย์นักบู๊อยู่อย่างไร เลยเครียดและลังเลไม่ สบายใจไปด้วย

“วาบ ! ”
ทันใดนั้น อู๋ไต้ซือก็ดึงไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนกับมีมีดสองเล่มมา เสียบอยู่ด้านหลัง เขาเหงื่อออกเป็นอย่างมาก เลยเงยหน้าขึ้น อย่างสั่นเกรง ก่อนจะสบตาเย็นชาของโล่เฉิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ