ก้าวย่างสู่มาเฟียไลฟ์

บทที่9



บทที่9

วันรุ่งขึ้น หน้าประตูโรงเรียนประถมที่สี่อัดแน่นไปด้วย นักเรียนและผู้ปกครอง เพราะสถานที่สอบของนักเรียน โรงเรียนมัธยมที่สองอยู่ที่นี่

บรรดาผู้ปกครองมาให้กำลังใจลูกของตัวเอง ซึ่งมายืน อยู่ที่นี่ครึ่งค่อนวันแล้ว สามตานั่งอยู่ด้านข้าง สูบบุหรี่ม้วน แล้วม้วนเล่า แล้วมองดูนาฬิกา ถามลูกน้องว่า “เสี่ยวหัว มึงไปดูตู้โทรศัพท์สิว่าเต็มรึยัง?”คนที่ชื่อเสี่ยวหัว’อืม’หนึ่ง นําก็วิ่งออกไปด้านข้าง”หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ทำไมยังไม่ ออกมา!”สามตา รอจนเบื่อหน่ายแล้วพูดเสียงเบา

“พี่สามตา พี่ตงออกมาไม่ได้แล้วหรือเปล่า?”ลูกน้องด้าน ข้างถาม สามตาส่ายหัว เขาก็ไม่รู้

ผ่านไปห้านาทีมีคนมาตบไหล่สามตา ทำให้เขาสะดุ้ง ตกใจ เตรียมหันไปด่าสักยก แต่เมื่อเห็นเซ่เหวินตง ปาก ที่อ้าออกก็หุบทันที “พี่ตง ออกมาทางไหน?ทำไมข้าไม่ เห็นพี่เลย!”

เซ่เหวินตงหัวเราะ’คิกคิก’พูดว่าเบิกบานว่า “ประตูมีคน คุมอยู่ออกมาไม่ได้ ข้าเลยต้องปีนกำแพงออกมา”พูดใน ขณะที่เอากระดาษใบหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้ สามตา“เร็วหน่อย เดี๋ยวเวลาไม่พอ!”
“โอเค พี่ตงวางใจได้ ไม่ขาดแม้แต่คนเดียว แน่นอน!”สามตาเอากระดาษนำลูกน้องวิ่งออกไปโดยไม่ดู เลย

สุดท้ายผลสอบกลางภาคก็ออกมา พี่น้องทุกคนผ่าน กันหมด ส่วนคะแนนของเซ่เหวินตงอยู่ในอันดับหนึ่งของ จังหวัด แต่คนที่สอบได้จอหงวนสมัครใจไปเรียนต่อที่ โรงเรียนมัธยมที่หนึ่งที่ห่วยแตกสุดๆของเมือง J ทำให้ ครูจับต้นชนปลายไม่ถูก แอบเสียดายอยู่ในใจ: เสียต้น กล้าดีๆไปสักแล้ว!

พ่อแม่เซ่เหวินตงยิ่งคัดค้าน ถูกบีบจนไม่มีทางเลือกสุด ท้ายเซ่เหวินตงพูดกับพ่อแม่ว่า “พ่อแม่ ผมโตแล้ว ให้ผม เลือกทางเดินของตัวเองหน่อย!ผมรับรองว่าอีกสามปีผม ต้องสอบเข้ามหาลัยแน่นอน”

พ่อของเซ่เหวินตงพูดกับแม่ของเซ่เหวินตงว่า“เห้อ ลูก โตแล้ว เขามีสิทธิ์เลือกเอง พวกเราบังคับได้หนึ่งครั้ง แต่ บังคับไม่ได้ตลอดชีวิต”จากนั้นก็พูดกับเซ่เหวินตงว่า”เห วินตงเอ๋ย หวังว่าจะเดินทางของตัวเองดีๆ วันหลังอย่าให้มี โอกาสเสียใจภายหลังล่ะ!”

และแล้วเซ่เหวินตงก็ใช้สถานะที่หนึ่งของเมืองเข้าไป เรียนในโรงเรียนมัธยมที่หนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงป่นปี้ไปไกล เวลาเดียวกันยังพาลูกน้องร้อยกว่าชีวิตไปเรียนด้วยกัน ในที่สุดเซ่เหวินตงก็จบสิ้นวิถีชีวิตมอต้นที่พลิกชีวิตของ เขา และเริ่มเข้าสู่ช่วงใหม่ของชีวิต
ระหว่างปิดเทอมก่อนเข้าเรียนต่อม.ปลาย เซ่เหวินตงไม่ ได้อยู่เฉยๆ นับจากวันที่ดวลกับสามตา เขาก็รู้ว่าการจะ ประสบผลสำเร็จ ไม่เพียงแต่ใช้สมองและความโหดของ ใจเท่านั้น ยังจําเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ในระยะ เวลาสองเดือน เซ่เหวินตงเข้าเรียนชกมวย เรียนเทคนิค การต่อสู้ มีเวลาก็ฝึกซ่อนร่างกายสม่ำเสมอ แม้แต่สามตา ก็นับถือว่าแน่วแน่ของเขา พอรู้จักกันมานาน เขาก็รู้จัก นิสัยของเซ่เหวินตงดีแล้วคือ : ไม่ทำคือไม่ทำ ทำแล้ว ต้องทําให้ดีที่สุด หนึ่งเดือนให้หลัง เซ่เหวินตงนัดสามตา มาที่เรียนชกมวย และสวมถุงมือมวยดวลตัวต่อตัวกับ สามตา สุดท้ายไม่รู้ว่าใครแพ้ใครชนะ แต่ทั้งสองคนมี จุดจบน่าอนาถมาก บาดแผลเต็มตัวไปหมด

ครึ่งเดือนต่อมา เซ่เหวินตงก็เรียกสามตามาอีก ครั้งนี้หลี่ ส่วงกับเกาเฉียงก็ตามมาด้วย แต่ถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู พอสามตาออกมาด้วยดวงตาบวมช้ำ ทั้งสองก็รีบถามผล การต่อสู้ สามตาพูดประโยคหนึ่งว่า “พี่ตงมีพรสวรรค์ด้าน การออกกําลังกายมาก!”แล้วก็เดินจากไป

หลังครึ่งเดือนสุดท้าย เมื่อเซ่เหวินตงไปหาสามตา อีกครั้ง สามตาที่ดวงตายังบวมเล็กน้อยอยู่ที่พื้น ไม่ว่า อย่างไรก็ไม่ไปแล้ว…..……….ตงไม่มีทางเลือก เริ่ม หลอกล่อว่า“ขอแค่เอ็งไป คืนนี้ข้าเลี้ยง เอ็งเลือกสถานที่ เอง”สามตาหลับตา พลางพูดว่า “ถึงแม้พูดจนกลายเป็น ดอกไม้ ข้าก็ไม่ไป หากไม่มีชีวิตแล้วยังกินข้าวได้อีกเห รอ?”หลี่ส่วงที่อยู่ด้านข้างต้านสิ่งยั่วยุไม่ไหว เสนอตัวดวลกับเซ่เหวินตง สามตาใช้สายตาสงสารมองหลี่ส่ วงที่เดินไปไกล แล้วส่ายหัว แอบพูดในใจว่า: รักษาตัว ด้วยพวก!ผลสุดท้ายคือตอนหลี่ส่วงกับเซ่เหวินตงกินข้าว กลางคืน หลี่ล่วงคลายฟันกรามออกมาสอง

นับจากนั้นเป็นต้นมา เซ่เหวินตงหาคนไปประลองต่อสู้ เมื่อไหร่ รอบด้านระยะห้าเมตรก็จะไร้ผู้คน สามตาเคย พูดไว้ว่า “วันหลังพี่ตงลาออกจากวงการนี้แล้ว สามารถ ไปวิ่งร้อยเมตรได้ ความทะเยอทะยานของเขาเหมาะแก่ การเป็นนักประเภทนี้มาก”หลี่ส่วงได้ยินก็พยักหน้า อย่างรับรู้ได้

เวลาสองเดือนผ่านพ้นไป เเหวินตงก็เหมือนเก่า เพียง แต่หัวแหลมไปหน่อย ทำให้รู้สึกผอมและอ่อนแอมาก

โรงเรียนมัธยมที่หนึ่งห่างจากบ้านเซ่เหวินตงมาก เขา จึงได้แต่ขับจักรยานไปเรียน พอถึงประตูโรงเรียน แวบ แรกที่เห็นคือประตูโรงเรียนพังๆ เสาสองข้างประตูแปะ กระดาษเต็มไปหมด พอเข้าไปดู “ผู้เสื่อมสมรรถภาพ ทางเพศไม่ต้องเครียด…….”จะเป็นลม โฆษณาอย่างนี้ ถึงขั้นแปะที่ประตูโรงเรียนเลยเหรอ?เซ่เหวินตงส่ายหัว เดินเข้าไปในโรงเรียน เห็นหน้าประตูห้องยามมีคนแก่ดู หนังสือพิมพ์อยู่ เซ่เหวินตงเดินเข้าไปถาม “ลุง ผมเป็น นักเรียนใหม่ของที่นี่ ขอถามหน่อยว่าต้องไปรายงานตัว ที่ไหน?”

คนแก่วางหนังสือพิมพ์ลง มองเซ่เหวินตง พูดเสียงดัง”พูดอะไรนะ?ลุงไม่ได้ยิน เสียงดังหน่อย!”เซ่เหวินตง ได้แต่พูดเสียงดังขึ้นอีก”ผมบอกว่านักเรียนใหม่รายงาน ตัวทีไหน?”

“อะไร?นายจะเข้าเรียนสายแล้ว!งั้นยังไม่ไปเข้าเรียน อีก มาพูดอะไรอยู่กับลุง?!”คนแก่ส่ายหัว จากนั้นก็อ่าน หนังสือพิมพ์ต่อ

เซ่เหวินตงเกือบกระอักเลือดออกมา มียามเฝ้าประตู อย่างนี้ โรงเรียนจะไม่วุ่นได้ไง?เขาไม่สนใจตาแก่นั่นอีก ต่อไป เข็มจักรยานเข้าในโรงเรียน ไปไม่ได้กี่ก้าว ด้าน หลังก็ส่งเสียงอึกทึกมา เซ่เหวินตงไม่มีเวลาไตร่ตรองมาก กระโดดไปด้านข้างด้วยสัญชาตญาณ รถก็ล้มอยู่กับพื้น และแล้วมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็ขับผ่านตัวเขา ก่อนจะจอด ตรงที่ไม่ไกลมากนัก คนขับใส่ยีนส์ทั้งตัว ถอดหมวกกันน็ อกออกจากนั้นเส้นผมสีดำเงางามก็สบายอยู่กลางอากาศ หันมามองหน้าเซ่เหวินตง ‘สวยจัง’เซ่เหวินตงดูออกแล้ว ว่าคนขับรถเป็นผู้หญิง บนหน้ารูปไข่มีคิ้วสองเส้นบางที่มี เสน่ห์ ด้านล่างมีนัยน์ตาสว่างใสคู่งาม ริมฝีปากอิ่มเอิบน่า หลงใหลกำลังขยับขึ้นลง

“นายตาบอดเหรอ?เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเหรอ?”

เสียงไพเราะมาก แต่เนื้อหาที่พูดออกมาทำให้เซ่เหวินตง ไม่มีอารมณ์ชื่นชมความสวยของเธอต่อไป เขาพูดด้วย หน้าอยุติธรรม “เหมือนเธอจะขับมาชนก่อนนะ!ทำไมมา โทษผมได้ล่ะ”
ผู้หญิงมองประเมินเซ่เหวินตงหัวจรดเท้าปลาย หุ่นงั้นๆ หน้าตาถือว่าหล่อใช้ได้ แต่ดวงตาพิเศษจังเลย!ทั้งบางทั้ง ยาว แถมยังสว่างเป็นพิเศษ ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน

เห็นผู้หญิงจ้องตัวเองอยู่ เซ่เหวินตงรู้สึกเขินนิดๆ “เพื่อน ตัวผมมีอะไรผิดปกติเหรอ?”

เสียงของเซ่เหวินตงทําลายความคิดของผู้หญิง แก้ม สีชมพู แดงหน่อยๆ เดินลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วเดิน เข้าไปพูดกับเขา “นายเป็นเด็กนักเรียนมาใหม่?”เซ่เห วินตงพยักหน้า รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หุ่นดีชิบเป๋ง ส่วนสูง ประมาณร้อยเจ็ดสิบ เกือบเท่าๆเขาแล้ว บวกกับร่างกาย ผอมเรียว ทําให้เซ่เหวินตงเข้าใจความหมายของคําว่า สะโอดสะองเสียที

“ถ้ามาใหม่ก็ควรเรียกฉันว่ารุ่นพี่ ไม่ใช่เพื่อน ดูนายผอม มาก วันหลังมีคนรังแกก็มาหาพี่รุ่น ฉันช่วยนายออกหน้า เอง!”ผู้หญิงคนนั้นพูดพลางตบหัวเซ่เหวินตงไปพลาง เธอ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เห็นผู้ชายหล่อๆคนนี้ก็รู้สึกอยาก ปกป้องเขาอย่างใกล้ชิด อาจเป็นเพราะเขาผอมจนทำให้ เธอเกิดความรู้สึกอยากปกป้อง!ผู้หญิงคนนี้อธิบายอยู่ ในใจ เซ่เหวินตงหัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้ ผู้หญิงคน นี้ไม่ใช่ไพ่ใหญ่’ธรรมดา แต่ยังคงพยักหน้าอย่าง’เชื่อ ฟัง”“โอเค ขอบคุณรุ่นพี่มาก ผมจำไว้แล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ