ก้าวย่างสู่มาเฟียไลฟ์

บทที่8



บทที่8

สามตาก็อึ้งจนโง่ไปเลย งั้น…งั้นข้าล่ะ?”เซ่เหวินตง หัวเราะ’ฮ่าๆ”เอ็งก็ควบคุมที่นี่ต่อไป แถมยังต้องขยายทั้ง พื้นที่และอำนาจให้ใหญ่ขึ้นด้วย เป้าหมายอยู่ที่โรงเรียน ต่างๆ พวกมาเฟียที่มีอิทธิพลไม่เห็นเงินจากโรงเรียน มัธยมต้นอยู่ในสายตา พวกเขาไม่เอาพวกเราเอา และ รวบรวมเด็กเกเรอายุน้อยประจำโรงเรียนต่างๆ พวกนี้เป็น พื้นเพของพวกเรา”

สามตาพยักหน้า”พี่ตง ข้าเข้าใจแล้ว อำนาจน้อยๆอย่าง พวกเรามีอยู่ในเมืองปทุกที่ พวกเราเทียบไม่ติดกับมาเฟีย มืด สู้กับพวกเขาไม่ไหว งั้นพวกเขาเป็นมาเฟียมืด พวก เราก็เป็นอิทธิพลสีเทาล่ะกัน ไม่ดำไม่ขาวถูกป่ะ?”

เซ่เหวินตงพยักหน้าอย่างชื่นชม พูดกับหลี่ส่วงว่า “เสี่ยว ส่วง เฉียงจื่อเรียนรู้กับพี่จางเยอะไม่เสียหายหรอก”เกา เฉียงหน้าแดง แต่ยังคงไม่เข้าใจ”งั้นพวกเราเรียนม.ปลาย ทำไม?”เซ่เหวินตงลุกขึ้น ดวงตาสว่างจ้าผิดปกติไปคุม โรงเรียนมัธยมที่หนึ่งกับข้าเถอะ!”

คางหลี่ส่วงกับเกาเฉียงเกือบหลุด ควบ…ควบคุม โรงเรียนมัธยมที่หนึ่ง?โอ้พระเจ้า!”หลี่ส่วงพูดด้วยเสียง หัวเราะ“โครตรอคอยเลยว่ะ!อืม!โรงเรียนมัธยมที่หนึ่ง เป็นโรงเรียนม.ปลายที่มีชื่อเสียงอันธพาลมากสุดใน จังหวัด ฮ่าๆ!!”หันมาถามเกาเฉียงว่า“พี่เฉียง
รู้ไหมว่าทั้งจังหวัดในแต่ละปีมีนักโทษใหม่จากโรงเรียน มัธยมที่หนึ่งกี่คน?”เกาเฉียงส่ายหัว อันนี้เขาไม่รู้เรื่อง เพียงแต่ได้ยินมาว่าตรงนั้นวุ่นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เห็น เกาเฉียงส่ายหัว หลี่ล่วงส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า”ฮ่าๆ!’จาก ที่ไม่ได้รวบรวมสรุปยอดทั้งหมด ทั้งจังหวัดมีนักโทษจาก โรงเรียนมัธยมที่หนึ่งที่เมือง Jมีนักโทษร้อยละแปด’ฮ่าๆ อย่างนี้ก็เจ๋งสิวะ!”

สามตากับเกาเฉียงมองไปยังเซ่เหวินตง พูดอย่างเหลือ เชื่อว่า”พี่ตง อันนี้เป็นไปไม่ได้มั้ง?”

เซ่เหวินตงหรี่ตาพูดว่า”อันนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าเสี่ยวส่ วงฟังมาจากนั้น แต่เก้าในสิบนั้นเชื่อถือไม่ได้!”

สามตากับเกาเฉียงสบตากัน ใช้สีหน้าเข้าใจพูดว่า“ออ! ที่แท้ใครบางคนแต่งหลอกๆขึ้นมาเอง!”หลี่ส่วงพูดอย่าง ร้อนใจว่า“ข้าพูดจริง เชื่อข้าดิ!”

“เชอะ~~~~~~~”สามตากับเกาเฉียงชี้นิ้วกลางออกมา อย่างรู้ใจกัน แล้วหันหน้าไม่แยแสเขา หลี่ส่วงที่หน้าแดง ไปหมดลุกขึ้นมาตะโกนเสียงดัง “หลิวซิงอวี่อยู่ไหนว่ะ เสนอหามาซะดีๆ แม่งกล้าเอาความปลอมมาหลอกกู!”ที่ ไม่ไกลออกไปในใต้โต๊ะมีมือยื่นออกมาข้างหนึ่ง ส่งเสียง ไม่ชัดคำมาว่า“ใคร?ใคร…ใครเรียกกู?”…

มื้อนี้ทุกคนกินกันอย่างหนำใจ เรียกอีกอย่างก็คือดื่มได้อย่างหนําใจ สุดท้ายต้องจ่ายเงินคือยอดหนึ่งหมื่นกว่า เถ้าแก่ร้านไม่คิดค่าเครื่องดื่ม ซึ่งอาหารหนึ่งหมื่นกว่าทุก คนกินไปไม่ถึงไหนเลย เพราะอาหารยังไม่ทันเสิร์ฟท้องก็ มีเบียร์เต็มไปหมดแล้ว

ถึงแม้เซ่เหวินตงจะไม่ดื่มมาก แต่เขาที่ไม่ใช่คอเหล้าก็ นับว่ามากแล้ว ถึงยังมีสติอยู่ แต่ร่างกายกลับเหมือนลอย อยู่เสียอย่างนั้น เกาเฉียงกับสามตาก็ไม่ได้ดื่มน้อยกว่า กันเลย แต่ไม่ได้เมา มีเพียงหลี่ส่วงที่เมาไม่เป็นท่า เดี๋ยว ดึงมือของเซ่เหวินตงแล้วร้องไห้น้ำตาเต็มหน้า สักพักก็ ดึงเกาเฉียงแล้วหัวเราะเสียงดัง อีกเดี๋ยวก็ไปหอมแก้ม สามตา สุดท้ายทุกคนได้บทสรุปว่า: วันหลังปล่อยให้หลี่ ส่วงเมาไม่ได้ คนนี้คอไม่แข็งเลย เกาเฉียงเลยเรียกรถส่ง หลี่ส่วงกลับบ้าน ส่วนสามตาจะไปส่งเซ่เหวินตง แต่ถูก เขาปฏิเสธ

เซ่เหวินตงเดินอยู่ในถนนกลับบ้านคนเดียว สี่ทุ่มกว่า ไม่ค่อยเห็นคนเดินแล้ว ลมกลางคืนพัดผ่าน หญ้าตาม ริมทางเกิดเสียง ‘ซาซา’เวลานี้ตัวเมืองเงียบผิดปรกติ มี รถยนต์ขับผ่านเป็นครั้งคราว เซ่เหวินตงเดินไปพลาง แตะก้อนหินบนถนนไปพลาง ในใจก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆ อนาคตของตัวเองจะเป็นเช่นไร?จะเป็นอันธพาลไม่ดำ ไม่ขาวไปตลอดชีวิตดี หรือรวบรวมความกล้าเข้าร่วม อิทธิพลมืดดี ไม่ว่าจะแบบไหน ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องการ เมื่อถลำลึกมาขึ้นก็ยิ่งเข้าใจว่าสองทางนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เป็น ทางที่ย้อนกลับไปไม่ได้ ในใจเขาโผล่ความคิดนี้ขึ้นมา แม้แต่ตัวเองก็สะดุ้งตกใจ แล้วส่ายหัว สะบัดความคิดนี้ออกจากร่างกาย แต่เซ่เหวินตงคาดไม่ถึงว่า หลายปีให้หลังตัวเองจะห่างจากความคิดนี้แค่ก้าวเดียว

เซ่เหวินตงส่ายหัวไม่ไปคิดเรื่องพวกนี้ ชะตาชีวิตคนเรา บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเอง แต่บางครั้งก็ ต้องยอมรับสิ่งที่ฟ้าลิขิตมาให้

หนึ่งเดือนต่อจากนี้ เรียกได้ว่าเป็นเดือนแห่งความเจ็บ ปวดของหลี่ส่วง เกาเฉียงและลูกน้องทั้งหลายแหลก เพราะไม่มีอิสระ มีแต่การถูกบังคับ ไม่ได้การผ่อนคลายที่ สนุกสนาน มีเพียงอ่านหนังสือ จากการกดดันของเซ่เหวิน ตง คนพวกนี้ที่ถูกครูตราหน้าว่าเป็นขยะสังคมในอนาคต การเรียนพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้คุณครูแต่ละ ท่านรู้สึกอัศจรรย์ใจ พลางคิดในใจว่า หรือความทุ่มเท ของตนจะทำให้วัยรุ่นเหลวไหลพวกนี้ซาบซึ้งจนกลับตัว กลับใจ เปลี่ยนนิสัยเสียใหม่?และทางโรงเรียนยังจัดวาระ การประชุมเรื่องนี้โดยเฉพาะ และชมเชยครูประจำชั้น ม.สามทุกห้อง นักเรียนรุ่นนี้ยอดเยี่ยมกว่ารุ่นก่อนๆ เพื่อ การบำเพ็ญตนเพื่อการศึกษา ครูประจำชั้นทุกคนต่าง แสดงความคิดเห็นว่า ‘เพื่ออนาคตลูกหลานของชาติ พวก เราจะยิ่งพยายามทำหน้าที่ยิ่งขึ้น ตั้งใจสอนนักเรียนมาก ขึ้น……

ในที่สุดสอบกลางภาคก็มาถึงเสียที ก่อนสอบหนึ่งวัน เซ่ เหวินตงเรียกทุกคนที่ต้องสอบมารวมตัวกัน ถามว่าอ่าน ข้อสอบไปถึงไหนแล้ว ?ทุกคนก้มหน้าไม่ตอบ ในใจรู้ดี ว่าทิ้งการเรียนไปสามปีจะรีบกลับคืนมาได้ง่ายๆอย่างไร!เห็นทุกคนไม่ปริปาก เซ่เหวินตงพลางส่ายหัวพูด ว่า”ไม่ว่าพวกเอ็งใช้วิธีอะไร พรุ่งนี้ตอนสอบทุกคนต้องมี เพจเจอร์อยู่ในมือ!(เครื่องโทร ส่งข้อความได้อย่างเดียว)”

หลี่ล่วงถามอย่างสงสัย”พี่ตง เอาอันนั้นไปทำอะไร?”เกา เฉียงชะงัก แต่ก็เข้าใจภายหลัง เลยตบหัวหลี่ล่วงหนึ่งครั้ง “สมองหมูอ่ะมึง พี่ตงจะส่งคำตอบให้พวกกูไง!”

หลี่ส่วงทำหน้า’กูรู้ดีมาก’พูดเสียงดังว่า”ไสหัวไปเลยมึง อะ คิดว่ากูไม่รู้เหรอ?”จากนั้นก็หันไปพูดเสียงเบากับลูก น้อง “ใช้เพจเจอร์ส่งคำตอบคืออะไร?”ลูกน้องที่ถูกถาม ทำหน้าเบื่อหน่าย พี่เฉียงพูดถูก สมองหมูจริงๆ แต่เขาไม่ กล้าพูด อธิบายอย่างละเอียดให้เขาฟัง

เซ่เหวินตงเห็นทุกคนปรึกษากันด้วยรอยยิ้ม พูดเสียงดัง ว่า”ใครยื่นเครื่องนี้ไม่ได้ยกมือ ข้าจะหาวิธีให้!”

มีลูกน้องหลายคนยกมือ หลี่ล่วงมองซ้ายขวาแล้วหน้า แดง ก้มหน้ายกมือด้วย เกาเฉียงที่อยู่ข้างๆดึงมือเขากลับ มา เอง” “ไอ้อ้วนเอ๊ย มึงอย่าขายหน้าได้ไหมว่ะ กูช่วยมึงยืม

หลี่ส่วงยิ่งก้มหน้าต่ำลง พูดเสียงเบาอย่างเขินอาย บ้าน เค้าจนเนี่ย!”ฮ่าๆ’พี่น้องรอบๆหัวเราะออกมาเซ่เหวินตงก็หัวเราะพูดว่า “ใครหายืมมาได้เยอะเท่าไหร่ก็ พยายามยืมมาให้มากที่สุด ช่วยพี่น้องผ่านด่านนี้ไปก่อน เข้าใจไหม?”มีหลายคนที่บ้านฐานะร่ำรวยพูดเสียงดัง ว่า”รู้แล้วพี่ตง!”

เซ่เหวินตงพยักหน้าอย่างพอใจ หลี่ล่วงถามว่า”พี่ตงคิด วิธีนี้ช่วยพวกเราสอบผ่านตั้งนานแล้วใช่ไหม?”

“เออ!อันนี้เรียกว่าล้อมคอกก่อนวัวหาย น้ำหมึกแค่นั้นใน ท้องเอ็งพอใช้ไหมล่ะ?”

“งั้นพี่ตงบังคับให้พวกเราอ่านหนังสือตั้งหนึ่งเดือน ทำไม?”หลี่ส่วงช่วยทุกคนพูดความสงสัยในใจ

เซ่เหวินตงพูดอย่างจริงจังว่า “เพราะข้าไม่อยากให้พวก เอ็งขึ้นม.ปลายแล้วยังเง่า พวกเอ็งจำไว้เลย อนาคตถ้า ไม่มีการศึกษา พวกเอ็งจะไม่ใช่ห่าอะไรในสังคมเลย!ไม่ ว่าจะไปถึงไหนก็ไม่มีใครให้เกียรติ ถึงอีกหน่อยเข้าไป ในมาเฟียแล้วก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน”ทุกคนถึงเข้าใจ เจตนารมณ์ของเซเหวินตง มันเป็นความหวังดีต่อพวกเขา จริงๆ เลยรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รู้ แล้ว พี่ตง!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ