ก้าวย่างสู่มาเฟียไลฟ์

บทที่ 1



บทที่ 1

ยุค 90 ในศตวรรษที่ 20 บนระเบียงทางเดินชั้นตึก อาคารเรียนโรงเรียนมัธยมที่สองในเมือง J

“อ้าวเฮ้ย ไอ้เวร เอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้!”วัยรุ่นสองคน ย้อมสีผมฉูดฉาดขู่ให้นักเรียนหุ่นผอมจอมขี้ขลาดหลบ อยู่ในมุมผนัง

นักเรียนก้มหน้า พลางพูดเสียงเบาๆ”ผมไม่มีเงิน”

‘เพียะ’หนึ่งในวัยโจ๋ที่มีร่างสูงใหญ่ตบหนึ่งฝ่ามือใส่ ใบหน้านักเรียน แม่งมึงดิ อย่ากวนโอ๊ยกูนะโว้ย เร็ว หน่อย!”

นักเรียนคนนี้ถูกตบจนเลือดออกมุมปาก น้ำตาไหล พรากอย่างไม่ได้เรื่อง เวลานี้วัยโจ๋ร่างอ้วนเตี้ยข้างๆวัยโจ๋ ร่างสูงใหญ่พูดว่า “ช่างเถอะ อย่าตีมันแรงเกินไป ไอ้เวรนี่ เป็นเด็กเรียนห้องกูเอง ฮ่าๆๆ!”

วัยโจ๋ร่างสูงใหญ่มองนักเรียนคนนี้ “แม่งดูสารรูปมันดิ เรียนดีมีประโยชน์ห่าอะไร”หันไปพูดกับวัยโจ๋อ้วนเตี้ย ว่า“ไอ้อ้วน ไปค้นกระเป๋ากางเกงมันดิ กูไม่เชื่อว่ามันไม่มี เงิน!”

วัยรุ่นอ้วน’อืม’หนึ่งคำก็เดินไปถึงด้านหน้าเด็กนักเรียนคนนี้”เซ่เหวินตง เอามือออก ที่แท้เด็กนักเรียนคนนี้ได้ยิน คำพูดของวัยโจ๋ร่างสูงใหญ่ก็ใช้มือจับกระเป๋ากางเกงไว้ แน่น

เห็นนักเรียน อเซเหวินตงเอามือปิดกระเป๋ากางเกงไว้ เหมือนไม่ได้ยิน “แม่ง มึงคิดว่ากูผายลมเหรอว่ะ”ไอ้อ้วน ถีบเซเหวินตงที่ท้องน้อย ตัวเซ่เหวินตงลอยไปกระแทกที่ กําแพง ไอ้อ้วนดึงมือเขาออก อีกข้างหนึ่งล้วงเข้ากระเป๋า กางเกงเขา จากนั้นก็เอาธนบัตรห้าหยวนที่ยับยู่ยี่มา

ไอ้อ้วนยื่นเงินให้วัยรุ่นร่างสูงใหญ่ จากนั้นก็ถุยน้ำลาย ลงพื้น”แม่มึงดิ ไว้หน้าแล้วไม่เอาอีก”พูดจบก็เดินจากไป กับวัยโจ๋ร่างสูงใหญ่อย่างร่าเริง ทิ้งเซ่เหวินตงที่มีความ เจ็บปวดเต็มหน้าไว้

เซ่เหวินตงเป็นนักเรียนม.3ของโรงเรียนมัธยมที่สอง ในเมืองJ เป็นคนตั้งใจเรียน สมองดี ผลการเรียนดีเด่น ได้อันดับหนึ่งของโรงเรียน แต่มีนิสัยขี้อาย ไม่มีเพื่อน ฝูง บวกกับร่างกายผอมเล็ก จึงมักถูกรังแกเป็นประจำ โรงเรียนมัธยมที่สองไม่ใช่โรงเรียนอันดับต้นๆของเมือง J ระบบการจัดการในโรงเรียนก็ไม่เข้มงวดมากนัก มักมีวัย รุ่นเกเรนอกรั้วเข้ามาเพ่งพ่านเป็นประจำ วัยรุ่นกลุ่มนี้อายุ ไม่ได้เยอะ ด้วยสาเหตุต่างๆจึงไม่ได้ไปเข้าเรียน ทำตัว เถลไถลอยู่ในสังคม เมื่อเห็นนักเรียนอ่อนแอน่ารังแก ก็ จะเข้าไปหาเรื่องหรือรีดไถเงิน อาจเป็นเพราะได้กระทำ เช่นนี้แล้วพวกเขาถึงจะรู้สึกประสบความสําเร็จมั้ง!

ยืนอยู่บนระเบียงทางเดินของโรงเรียนได้สักพัก เซ่เหวิน ตงก็ก้มตัวเก็บกระเป๋าที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น จากนั้นก็เดิน ออกจากโรงเรียน ระหว่างทางกลับบ้านดวงตาของเซ่เห วินตงเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความขมขื่น พลางถามตัวเอง ในใจ ทําไม?ทําไมพวกเขาต้องรังแกผมตลอดเลย?ทำไม พวกเขาไม่ไปรังแกคนอื่น?ทำไมต้องเป็นผม?

ไม่มีใครให้คําตอบแก่เขา ความมืดยามค่าคืนปกปิด น้าตาของเขา เซ่เหวินตงกลับถึงบ้าน ก่อนเข้าบ้านก็เช็ด น้ำตาให้แห้งก่อน เขาไม่อยากให้คนที่บ้านรู้ว่าตัวเองถูก รังแกในโรงเรียน คนอ่อนแอไม่ได้หมายความว่าพวกเขา จะไม่มีศักดิ์ศรีของตัวเอง บางครั้งศักดิ์ศรีของพวกเขา อาจจะแรงกล้ากว่าคนอื่นก็ได้ เซ่เหวินตงใช้กุญแจเปิด ประตู ตอนนี้ในบ้านมีเพียงแม่ของเขาเท่านั้น กับข้าวที่ ทําเสร็จวางอยู่เต็มโต๊ะ รอให้เขาเลิกเรียนแล้วกลับมากิน หลังเห็นเขากลับมา คุณแม่เซ่พูดว่า “รีบกินเร็วสิ เดี๋ยว เย็นหมด”

เซเหวินตงพยักหน้าถาม “พ่อผมล่ะครับ?”

“พ่อของลูกทำงานกะกลางคืน ไม่กลับบ้านแล้ว”แม่ ของเซ่เหวินตงเอาข้าวไปพลางพูดไปพลาง เซ่เหวินตง ‘อืม’หนึ่งคำ นั่งลงมามองกับข้าวบนโต๊ะ แต่ไม่มีความ อยากอาหารเลยสักนิด
เห็นเซ่เหวินตงนั่งนิ่งๆไม่กินข้าว แม่ของเขาถามอย่าง เป็นห่วงว่า “เหวินตง เป็นอะไรเหรอ?ไม่สบายหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ครับ!”เพื่อไม่ให้คุณแม่สงสัย เซ่เหวินตงยกถ้วย ข้าวขึ้นมากินเงียบๆ

เซเหวินตงเติบโตมาจากครอบครัวธรรมดาทั่วไป คุณ พ่อทํางานเป็นคนขับรถไฟ ทำงานกะกลางคืนเป็นประจำ ส่วนคุณแม่ว่างงาน ต่อมาก็หาของกระจุกกระจิกไปขาย ถึงฐานะทางบ้านเรียกไม่ได้ว่าร่ำรวย แต่เขาไม่เคยขาด เงินใช้จ่ายเลย เนื่องจากผลการเรียนของเขาดี พ่อแม่จึง รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ขอเพียงเขายื่นมือของเงิน พ่อแม่ก็ ไม่เคยปฏิเสธมาก่อน

วันต่อมา เซ่เหวินตงยังคงตื่นตีห้าครึ่งดังปกติ หลังดู การบ้านสักพัก แล้วกินข้าวเสร็จก็ขอเงินแม่ไปโรงเรียน สิบหยวน บ้านของเขาอยู่ไม่ไกลโรงเรียนนัก แค่ห่างกัน แค่ถนนสองสาย เดินไม่ถึงห้านาทีก็ถึงโรงเรียนแล้ว เซ่ เหวินตงเดินมาถึงห้องเรียนตัวเอง ซึ่งประตูห้องปิดอยู่ ยัง ไม่มีใครมา เซ่เหวินตงใช้กุญแจห้องเปิดประตูเข้าไป

เขานั่งแถวหน้าสุดของห้อง ไม่ใช่เพราะตัวเตี้ย แต่เป็น เพราะเรียนดี หลายๆโรงเรียนในเมือง Jก็มักมีระบบเช่นนี้ คนเรียนดีนั่งแถวหน้า คนเรียนไม่เก่งนั่งแถวหลัง ที่นั่งจัด ตามเกรดเฉลี่ยของเทอม ทางโรงเรียนมีคำอธิบายต่อการ จัดระบบที่นั่งแบบนี้ว่า คนเรียนไม่เก่งเพราะชอบคุยกันหรือไม่ตั้งฟัง ดังนั้นให้คนกลุ่มนี้นั่งด้าน หลัง จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อนักเรียนอื่น ให้เด็กที่ตั้งใจ ฟัง เด็กที่มีความหวังมีสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า

เซ่เหวินตงนั่งอ่านหนังสืออยู่บนที่นั่งของตน ผ่านไปสัก พัก เพื่อนร่วมห้องต่างทยอยกันเข้ามา ห้องเรียนที่เงียบ กริบค่อยๆคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนที่สนิทกันก็ร่วมกลุ่มกัน คุยละครที่ดูเมื่อคืนว่าเป็นอย่างไร และยังคุยถึงเรื่องนัก ร้องออกเพลงใหม่อะไรกันบ้าง มีนักเรียนหญิงนั่งอยู่ด้วย กัน พลางแลกเปลี่ยนสติ๊กเกอร์ที่เก็บสะสมไว้ ห้องเรียน คึกคักเหมือนตลาดสด

เสียงยิ่งดังกึกก้องขึ้นเรื่อยๆ เซ่เหวินตงขมวดคิ้ว พลาง วางหนังสือในมือลง เวลานี้เด็กอ้วนที่แย่งเงินของเขาเดิน เข้ามาในห้องเรียน เอากระเป๋าหนังสือวางที่โต๊ะของตัว เอง เมื่อเห็นเซ่เหวินตงที่นั่งอึ้งอยู่ พลางเดินเข้ามาด้วย เสียงหัวเราะร่าเริง พอเข้ามาใกล้ก็ดึงหัวของเซ่เหวินตง “เฮ้ย!วันนี้เอาเงินมามั้ยว่ะ”เซ่เหวินตงสะดุ้งตกใจ พลาง ส่ายหัวไม่ได้เอาเงินมา

“ไม่ได้เอามาเหรอ”เด็กอ้วนหัวเราะฮ่าๆ”งั้นมึงให้กูจับดู สิ”พูดพลางยื่นมือไปจับกระเป๋ากางเกงของเซ่เหวินตง

เซ่เหวินตงปัดมือของเขาออก น้ำเสียงสั่นระริก อย่าค้น เลย เงินของผมยังต้องซื้อข้าวกลางวันอีก”เห็นเขามีเงิน แต่ไม่ให้ เด็กอ้วนก็สะบัดมือตบหน้าเซ่เหวินตง“แม่งมึงดิ ตอแหลกับกูเหรอ?!”ความเจ็บแปลบบนใบหน้าทำให้เซ่เหวินดงตาแดง เ

ยามนี้สายตาเพื่อนในห้องทั้งหมดจับอยู่ที่ตรงนี้ บางคน มองด้วยแววตาสงสัย บางคนมองด้วยแววตามีความสุข บนความทุกข์ของคนอื่น เห็นเพื่อนร่วมห้องต่างมองมาที่ ตน ใบหน้าเซ่เหวินตงพลางแดงระเรื่อ เขารู้ว่าถูกหยาม ศักดิ์ศรีอย่างแรง จนถูกเหยียบอยู่บนพื้นแล้ว เพื่อนร่วม โต๊ะของเซ่เหวินตงทนดูต่อไปไม่ได้ ผู้หญิงใบหน้ากลมมน มองไปยังเด็กอ้วน พลางพูดว่า “หลี่ส่วง นายอย่ามากเกิน ไปนะ ทําไมถึงลงมือตีคนล่ะ?”

หลี่ส่วงชี้ไปยังผู้เหญิงคนนี้“หลีกไป เกี่ยวห่าอะไรกับมึง วะ!”

เด็กนักเรียนหญิงเบิกตาโตๆพูดว่า“แล้วจะทำไม ตีคนก็ ไม่ถูกแล้ว”เพื่อนที่สนิทกับนักเรียนหญิงคนนั้นช่วยเธอ พูด “ช่างเถอะ หลี่ส่วงอย่ามีเรื่องกันเลย เดี๋ยวครูก็มากัน แล้ว”“สวีน่า พอเถอะ เธอก็ไม่ต้องพูดแล้ว”สวีน่าเป็นชื่อ นักเรียนหญิง นั่งโต๊ะเดียวกับเซ่เหวินตง ปกติชอบก่อเรื่อง มาก ทําตัวเหมือนทอมบอย แต่ผลการเรียนดีมาก

หลี่ส่วงพยักหน้า มองเซ่เหวินตงที่ไม่พูดจา จึงเอ่ยขึ้นมา

ว่า”ได้ แม่งมึงดิ มึงรอกูดีๆนะโว๊ย!”หันหลังเดินไปนั่งยังที่

ของตัวเอง พลางหายใจหอบเหนื่อย สวีน่าพูดเสียงดังใส่เซ่เหวินตงที่ก้มหน้าอยู่“กลัวอะไร?รอดูว่าเขาจะทําอะไรได้?”พูดจบก็นั่งลงอย่างไม่สบ อารมณ์ ดันเซ่เหวินตงที่อยู่ด้านข้าง พลางกล่าวว่า “ทำไม นายขี้ขลาดอย่างนี่ล่ะ?นายยิ่งกลัว เขาก็ยิ่งรังแกนาย บ้านนายไม่มีคนที่โตกว่าอย่างพี่ชายเหรอ!ให้อัดเขาสัก ยกก็จ่อยไปเองแหละ

เซ่เหวินตงพยักหน้าอย่างมึนงง พลางกล่าวว่า“ขอบใจ เธอนะ”

สวีน่าเห็นท่าทางของเขาก็โมโหนัก เบือนหน้าหนี ไม่ สนใจเขาอีก

ผ่านหนึ่งวันที่แสนทุกข์ทรมานไปได้สักที หลังเลิกเรียน นักเรียนในห้องต่างกลับไปกันหมดแล้ว แต่เซ่เหวินตงไม่ กล้ากลับ เขากลัวหลีสวงชวนคนมาดักรอเขาที่ระเบียง ทางเดิน สุดท้ายเหลือเขากับเวรทําความสะอาดห้อง นักเรียนที่เป็นเวรวันนี้ชื่อว่าจางเฉียง เมื่อก่อนเขาก็เคย ถูกหลี่ส่วงรังแกด้วย เขาเห็นเซ่เหวินตงยังไม่กลับ กวาด ห้องไปพลาง ถามไปพลาง “เซ่เหวินตง ทำไมนายยังไม่ กลับอีก?จะหกโมงเย็นแล้วนะ(โรงเรียนเลิก17:30)”

เซ่เหวินตงจับหัวอย่างเก้อเขิน พลางพูดว่า “ผมยังไม่ เข้าใจเรขาคณิตอีกข้อหนึ่ง เดี๋ยวก็กลับ”

“คิกคิก นายตั้งใจเหลือเกิน มิน่าล่ะถึงเรียนดีอย่างนี้!”ผ่านไปสักพัก จางเฉียงกวาดห้องจนสะอาดสะอ้าน เอากระเป๋าหนังสือแล้วพูดว่า “เซ่เหวินตง ผมกวาดเสร็จ แล้ว นายจะกลับหรือเปล่า?ถ้ากลับ พวกเราก็กลับด้วย กัน”

เซ่เหวินตงส่ายหัว”นายไปก่อนเลย ยังไงซะพวกเราก็ไม่ ได้กลับทางเดียวกันอยู่แล้ว”

จางเฉียงพูดว่า ‘บ๊ายบาย’จากนั้นแบกกระเป๋าวิ่งออกจาก ห้องเรียน เซ่เหวินตงรอต่อหนึ่งสักพัก ดูนาฬิกาก็หกโมง กว่าแล้ว รู้สึกว่าถึงหลี่ส่วงจะรอเขาก็คงไม่รอจนดึกขนาด นี้หรอกมั้ง บางทีอาจคิดว่าตนกลับบ้านเร็วๆ แล้วก็ได้

เซ่เหวินตงเก็บกระเป๋าเข้าที่เสร็จก็ยกกระเป๋าออกจาก ห้องเรียน หลังล็อกประตูแล้วก็หันหลังเดินออกไป

(อาคารเรียนของโรงเรียนมัธยมที่สองใหญ่ไม่ใช่น้อย เลย เพราะมีทั้งหมดห้าชั้นด้วยกัน ชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่สาม เป็นห้องเรียนของระดับชั้นต่างๆ ส่วนชั้นสี่กับชั้นห้าเป็น ห้องทดลอง ห้องคอมพิวเตอร์ และห้องเรียนภาษาต่าง ประเทศเป็นต้น ห้องเรียนของเซ่เหวินตงอยู่ชั้นสอง)

เวลานี้นักเรียนส่วนมากกลับกันหมดแล้ว ไฟในระเบียง ทางเดินปิดไปหลายดวงแล้ว ทำให้มืดเล็กน้อย เซ่เหวิน ตงเดินมาถึงระเบียงชั้นหนึ่ง ซึ่งตรงนี้คือจุดที่เขากลัวที่สุด เพราะพวกหลี่ล่วงมักจะรอเขาอยู่ที่นี่ เดินมาถึง ระเบียงไม่มีใครเลยสักคน ความกังวลของเซเหวินตงก็ หมดไป แต่เดินมาถึงครึ่งทางตรงระเบียง ประตูห้องเรียน ด้านข้างก็เปิดออก มีคนเดินออกมาจากด้านใจสี่ถึงห้าคน ด้านในมีหลี่ล่วงกับวัยโจ๋ที่แย่งเงินเขาเมื่อวาน

หลี่ล่วงทำหน้ายิ้มอย่างโหดร้าย” เซ่เหวินตง นายออกมา ได้สักทีนะ ให้พวกกูรอสักนานเลย!”พูดพร้อมกับล้อมเช่ เหวินตงทั้งกลุ่ม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ