การแต่งงานคือสายฝน: ภรรยาสุดรักของ ประธานาธิบดี

บทที่ 15 เอมมิกา เธออยากกินบัตรไหม?



บทที่ 15 เอมมิกา เธออยากกินบัตรไหม?

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยาก แต่ข้าน้อยทำไม่ได้นี่ค่ะ คุณก็เห็นแล้ว ว่าท่านประธานรังเกียจ ฉันแค่ไหน” เอมมิกาพูดด้วยความจริงใจ

“นั่นเพราะว่าคุณไม่เข้าใจบอสผม น้อยคนนักที่จะเข้าถึงตัวท่านประธาน แต่คุณมี โอกาสนั้นบ่อยนะ” พชรตอบกลับ

เอมมิกาขมวดคิ้ว “ข้างกายเขามีภรีมไม่ใช่หรอ?”

เธอจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเรียนทนายจบที่ฮาวาร์ด เป็นคนหยิ่งพอตัว

“พวกเขาโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ว่าไม่มีโอกาส ถ้ามีก็มีไปตั้งนานแล้ว” พชรพูด ด้วยความแน่ใจ

เอมมิกาคิดตามมันก็จริง

บางทีอาจจะเป็นเพราะสนิทกันเกินไป อีกอย่างภรีมเขาดีว่าชอบ บางทีที่ศาลอาจจะมีอารมณ์สวนตัวได้ ทำให้ไม่เหมาะที่จะมาทำคดีหย่านี้

“เอ่อใช่ นายบอกว่าจะแนะนำคนให้ฉันไม่ใช่หรอ? ฉันรอมาหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ” เอม มิกาเปลี่ยนเรื่อง

“ช่วงนี้ผมยุ่งเรื่องที่ท่านประธานสั่งให้ทำ อาทิตย์หน้าผมจะร้องหาดูนะ แล้วจะ แนะนำให้คุณ”

ยักหน้า “ได้ค่ะ”

เธอเดินออก

“คุณอย่าลืมเรื่องที่ผมบอกนะ” พชรพูดด้วยความกังวล

เอมมิกาหันไปหาพชร “นายบอกฉันเรื่องอะไรหรอ?”

พชร:

“ดูแลท่านประธานของผมให้ดี วันนี้ท่านอารมณ์ค่อยดี ถ้าท่านอารมณ์ดีเมื่อไหร่ มันก็ดีทั้งกับคุณและก็ผม” พชรบอกพร้อมใส่สีไข่ไปอีกนิด

เอมมิกาทำมือokให้พชรด้วยความขี้เกียจ ยังไงสะเธอก็ได้รายชื่อผู้ติดต่อทั้งหมดของเอกภาพแล้ว อยู่ที่สวรรค์บนดินนี้ก็ไม่มี ประโยชน์อะไร อีกอย่างพรุ่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานที่นี่แล้วด้วย เธอเดินเตรดแตร่ออก ไป เอกภาพก็ยังคงไปกดเลือกเพลงอยู่

เอมมิกาวางโทรศัพท์ของเอกภาพลงบนโต๊ะ ภัครเห็นเขาเลยส่งสายตาสงสัยไปทาง

เธอ

เอมมิกาเดินอ้อมไปด้านหลังของภัคร วางมือพาดลงบนโซฟา “เอ่อ คุณภัครคะ พา ฉันออกไปจากที่นี่ที”

“” พชรถึงกับแอบฟุ่งอยู่ในใจ แบบนี้ไม่ตรงไปหรอ

ภัครมองไปยังเอมมิกา สายตาดูเคร่งครีมแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน

เธอรู้ดีว่ายังไงภัครก็ไม่สนใจเธอหรอก เลยส่งยิ้มให้เขาพร้อมพูด ” ที่ฉันบอกว่าออก ไปไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ พชรบอกว่าวันนี้คุณอารมณ์ไม่ดี ฉันรู้จักคนคนหนึ่งที่มี วิธีทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้ สนใจไปด้วยกันไหมคะ?”

พชร: 8

นี่เขานั่งรับกระสุนรีไง

ท่านประธานจะยอมออกไปกับเอมมิกาได้ยังไง

คนแบบบอส เอาใจยากมาก

ภัครนิ่งไปสักพัก แล้วยืนขึ้น เดินไปทางออก

พชร: * )

คำพูดที่วาไม่ไปแน่นอนละ?

เอมมิกาโบกมือให้กับพชร ถือเป็นการบอกลา

เธอวิ่งตามภัครออกไป “คุณรอฉันที่ประตูทางออกนะ ฉันไปเปลี่ยนชุดเปปนึง ไม่ ต้องให้ค่าออกไปข้างนอกด้วย วันนี้ฉันแค่มาฝึกงานเฉยๆ ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ไม่มาที่นี่แล้ว”

ภัครตอบด้วยเสียงนิ่ง “อม” เอมมิการีบไปเปลี่ยนเป็นชุดของตนเอง เอาชุดที่เปลี่ยนเสร็จคืนให้กับผู้จัดการ “ขอโทษนะคะผู้จัดการ ฉันว่าฉันไม่เหมาะกับงานนี้เท่าไหร่”

“ไม่เหมาะได้ยังไง ผมว่าคุณทำได้ดีนะ ถ้าอยู่ต่อต้องหาเงินได้เยอะมากแน่” ผู้

จัดการบอก

“ขอโทษนะคะ ไว้มีโอกาศฉันจะเลี้ยงข้าวนะ ” เอมมิกาบอกกลับด้วยรอยยิ้ม แล้วเดิน

เข้าลิฟท์ไป

ชั้นล่าง รถของภัครจอดรอที่ประตูแล้ว

หน้าต่างรถเปิดลงมา เขามองไปข้างหน้าด้วยหน้าตาที่เย็นชา มือก็ชี้ไปที่พวงมาลัย เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

ผู้ชายคนนี้ เดี๋ยวดีเดียวร้าย

เอมมิกานั่งตรงที่ข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง “ลุย”

ภายใต้การนำทางของเอมมิกา ภัครจอดรถตรงหน้าบ้านหลังเก่าหลังหนึ่งแล้วขมวด คิ้ว “ที่นี่หรอ?”

เอมมิกาปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย พูดแล้วหัวเราะ “อย่ามองว่าข้างนอกดูแย่สิคะ ข้างใน มีเครื่องรางเลยนะ”

เอมมิกาเดินลงจากรถ

ภัครลงจากรถด้วยแววตาหวาดระแวง

เอมมีกากระโดดไปข้างหน้า พิงอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้วยความขี้เกียจ แล้วเคาะโต๊ะ

ชายหนุ่มอายุห้าสิบกว่าเดินออกมาหาเธอ “หนูเอม ไม่มาที่นานเลยนะ”

“งานยุ่งนะคะ คุณลุงสง่าคะ ขอห้องเปิด203ให้หน่อยคะ เดี๋ยวตอนออกมาหนูจ่าย เงินให้นะ ห้องนั้นสะอาดดีนะคะ”

“สะอาดครับ ยังไงก็ต้องสะอาด นี่ใคร แฟนหนุหรอ” ลุงสง่าถามพร้อมมองไปทาง

ภัคร แล้วยื่นคีย์การ์ดห้อง 203 ให้กับเอมมิกา เอมมิกาแย่งกุญแจมาจากมือของลุง “หนูไม่มีดวงแบบนั้นหรอกคะ ยังไงก็ไม่มีวันเป็น แฟนฉันหรอก ผู้ชายแบบนี้ หนูเข้าไปก่อนนะ”

เอมมิกาเดินนำทาง

ภัครเดินตามหลังเอมมิกามาติดๆ ทุกก้าวที่เดิน สีหน้าของเขาก็จะแย่ลงหน่อย พอ เห็นหนูวิ่งผ่านไป เขายิ่งเดินเร็วขึ้น

“ยิ้ม ยิ้ม เร็วหน่อย.. เร็วเข้า.ห้อง201มีเสียงที่ไม่ปกติเล็ดลอดออกมา

เอมมิกาเองก็ได้ยิน เธอถึงกับหน้าแตง พูดด้วยความประหม่า “เข้ามาก็ไม่ได้ยินแล้ว

ค่ะ ข้างในนี้ลำโพงดีมาก”

“ลำโพง” ภัครเดินเข้าไปด้วยความปะหลาดใจ ในใจก็คิดนี่มันที่ไหนเนี่ยทำไมถึง ได้สกปรกขนาดนี้

ทางด้านเอมมิกาที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กำลังใช้เมาส์ลากไปมา อธิบายให้ฟัง “ที่นี่ คือบ้านภาพยนต์ อยากดูอะไรก็เสริชหาเองได้เลย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงหนังเลย นะ ดีมาก”

ภัครหัวเราะฮือออกมา แล้วมองไปทางลำโพง มูลค่าบ้านของเขาอย่างน้อยๆก็แพงกว่า ที่นี่ไม่รู้กี่สิบเท่า จากนั้นหันไปบอกกับเอมมิกา “ที่นี่ก็คือที่ที่เธอบอกว่ามีวิธัสามารถทำให้ ฉันอารมณ์ดีขึ้นงั้นหรอ?”

“ฉันมาที่นี่ทุกครั้งที่เสียใจเลยนะ ลองดูไหม? หนังเริ่มแล้ว” เอมมิกาเดินไปปิดประตู

แล้วนั่งลงที่โซฟา

ภัครมองไปทางโซฟา ดูแล้วไม่สกปรกจึงจัดสูทแล้วนั่งลงไป

เอมมิกาเปิดถุงมันฝรั่งทอดกรอบออกมา แล้วยื่นให้เขา

ภัครไม่มองด้วยซ้ำ พร้อมตอบ “ฉันไม่กินอาหารขยะ”

“ค่ะ” เอมมิกาเลยหยิบเข้าปากตัวเองแทน เสียงดังกรับ

ภัตรขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเธอ

เอมมิกายิ้มตาหยี “ฉันเป็นตัวแทนของความถูกต้อง ช่วยนายทำลายมันไง” ภัคร: 48

หนังเริ่มฉายแล้ว ภัครมองไปที่หน้าจอมีชื่อหนังขึ้นว่า : (หนึ่งแสนเรื่องตลก)

แล้วมันก็ดำนานไปด้วยความเรียบง่าย หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสั้นแต่เป็นการ์ตูนสั้น เป็น

ตอนๆไป

ภัครรู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้ว ที่มาสถานที่แบบนี้กับเอมมิกา แล้วยังดูหนังแบบนี้อีก ประเด็นคือยังนั่งดูต่อไม่ได้ลุกไปไหน

การ์ตูนสั้นนี้ไม่มีเรื่องราวสาระอะไรเลย ภาพก็ฉายแวบไปมา แทบไม่มีความประติด

ประต่อกันเลย

ทางด้านภัครยิ่งดูยิ่งรู้สึกโมโห เขาได้ยินเสียงเอมมิกาหัวเราะอยู่ข้างๆ

“มีอะไรตลกหรอ?” ภัครถามด้วยเสียงเรียบ สีหน้าของเขาทำคนฟังตกใจได้เลย

“คุณน่าจะเคยดูอภินิหารเจ้าหนูน้ำเต้าทั้ง 7 ใช่ไหมคะ?”

“ไม่เคย”

“เข้าใจความหมายของคำว่าขับรถไฟไหมคะ?”

“หมายความว่าอะไร?” ภัครคิ้วขมวดด้วยความสงสัย

เอมมิกาดูจากสีหน้าภัครแล้วถ้าจะไม่รู้จริงๆ เลยอธิบายให้ฟัง “เอ่อ เรื่องราวของ ปีศาจงูที่ตกหลุมรักเสี่ยวจึงกัง เสี่ยวจิงกังคือการรวมร่างของน้ำเต้าทั้งเจ็ดตัว น้ำเต้าที่เป็น พี่ใหญ่สามารถขยายร่างกายให้ใหญ่และเล็กลงได้ ส่วนน้ำเต้าที่สามมีพลังที่ฟันแทงไม่ เข้าค่ะ”

“น้ำเต้าตัวที่หกละคืออะไร?” ภัครถาม

เอมมิกาหน้าแดง เม้มปากแล้วบอก “ก็คือสิ่งที่เสี่ยวจิงกังใช้มาตลอดไงคะ”

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่พอเข้าใจเนื้อเรื่องแล้ว การ์ตูนนี้ก็รู้สึกไม่ได้น่าเบื่อ…”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ