Hello!! My Girl ถอยไป ถ้าไม่อยา...

Chapter 9 : ศึกชี้ชะตา



Chapter 9 : ศึกชี้ชะตา

ในที่สุดก็มาถึงเกมสุดท้าย…

แสงไฟโฟโลไลท์สองตรงมายังสนามที่ๆผู้เข้าแข่งขัน เกมสุดท้ายยืนรวมตัวกัน รอบๆสนามมืดมิดและมีแต่ ความเงียบเท่านั้นที่อยู่เป็นกองเชียร์ -_-* มืดค่ำขนาดนี้ คนอื่นๆก็คงจะแยกย้ายกันกลับบ้านหมดแล้วมั้ง

ผู้เข้าแข่งขันได้รับเสื้อแจ็กเก็ตตามสีของทีมเรียบร้อย แล้ว ข้างหลังจะมีป้ายชื่อและชั้นปีของแต่ละคน เสื้อที่มี ป้ายชื่อแบบนี้ทำให้ฉันนึกถึงเกมวาไรตี้ชื่อดังของประเทศ เกาหลีใต้ขึ้นมาเลยล่ะ

“ทำไมเกมสุดท้ายมันเงียบเหงาแบบนี้ล่ะ คนดูกลับกัน หมดแล้วเหรอ”สายฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆฉันถามขึ้นอย่างอด สงสัยไม่ได้

“ฉันก็ไม่รู้”

“เกมนี้ทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมายังไงไม่รู้สิ”

“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”ฉันว่าแล้วลูบป้ายชื่อที่ติดแน่นอยู่ ข้างหลัง

“เอาล่ะค่ะทุกคน ในที่สุดวันนี้เราก็ดำเนินมาถึงเกมสุดท้ายของเรากันแล้ว”

พิธีกรสาวเริ่มทำหน้าที่ตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าสวยจ้อง มองไปที่กล้องซึ่งกำลังถ่ายพวกเราอยู่เหมือนทุกเกมที่ ผ่านมาเพื่อที่จะถ่ายทอดสดไปตามห้องต่างๆที่เตรียมไว้ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะถ่ายไปให้ใครดูก็ในเมื่อคน ดูอันตรธานหายไปหมดแล้ว

“ใช่แล้วล่ะครับคุณโมเม

“เกมวันนี้สนุกมากจริงๆนะคะคุณเติ้ลตอนนี้เรามาสรุป ผลคะแนนกันดีกว่า ทีมสีฟ้ามี 6 แต้ม”พี่โมเมพูดเสียงตื่น เต้นเพื่อดึงบรรยากาศให้กลับมาครึกครื้น

“เป๊ วี้ดวิ้วววว~”เสียงเฮ เสียงเป่าปากและเสียงปรบมือ จากทีมสีฟ้าดังขึ้นอย่างร่าเริง และอาจจะเพื่อข่มคู่แข่ง อย่างทีมสีชมพูด้วยเช่นกัน

“ทีมสีชมพูมี 5 แต้มมมม

ทีมสีชมพูก็ร้องเฮ และตบมือดังเกรียวกราวไม่แพ้กันเพื่อ บ่งบอกว่าถึงแม้คะแนนเราจะตามแต่เราก็ไม่เคยคิดที่จะ กลัว

“ทีมสีฟ้ามีคะแนนนำทีมสีชมพูอยู่ 1 คะแนนนะครับ เอา เป็นว่าเราเริ่มเข้าเรื่องของเราเลยดีกว่านะ ในที่นี้มีใครรู้จักวาไรตี้ชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้อย่างรายการ รันนิ่งแมนบ้างมั้ยเอ่ยแบบ”พี่เติ้ลถามเสียงร่าเริงชวนให้ ตื่นเต้น เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

อย่าบอกนะว่า…

“เกมสุดท้ายของวันนี้เราจะเลียนแบบรายการรันนิ่ง แมนนั่นเองค่ะ แต่เราไม่มีตากล้องคอยวิ่งตามเหมือน คาราในรายการนะคะ สถานที่เล่นเกมของเราก็คือตึก คณะบริหารธุรกิจ เกือบทุกห้องและทุกมุมสำคัญๆเราได้ ทําการติดตั้งกล้องไว้หมดแล้ว ภาพจากกล้อง CCTV จะ ถูกถ่ายทอดสดไปยังหอประชุมแบบ Real time ซึ่งตอนนี้ คนดูคงจะนั่งลุ้นดูพวกคุณจนที่นั่งไม่เหลือแล้วก็ได้นะคะ”

ฉันเดาถูกจริงๆ ฉันรู้สึกตงิดๆมาตั้งแต่เสื้อมีป้ายชื่อ แล้ว(-.-) รายการรันนิ่งแมนเป็นรายการโปรดฉันเลย ล่ะ เรียกว่าดูทุกตอนก็ว่าได้ ส่วนคนดูก็ย้ายไปรอชมการ แข่งขันเกมสุดท้ายที่หอประชุมกันหมดนี่เอง ถึงว่าสิ เกม สุดท้ายแบบนี้มันต้องมีอะไรพิเศษ คนดูไม่น่าพลาดแล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ดึกนะ

ในรายการรันนิ่งแมนน่ะ ฉันว่าเวลาซ่อนหากันตากล้องก็ มีส่วนที่ทำให้ศัตรูหาเราเจอเวลาที่เราซ่อนนะ ฉันว่าไม่มี ตากล้องแบบนี้สะดวกเวลาซ่อนตัวดี พูดแล้วก็อดที่จะตื่น เต้นไม่ได้แฮะ กลับมาฟังพี่เติ้ลอธิบายเกมกัน
“ผมว่าไม่มีที่เหลือให้นั่งเลยล่ะมั้งครับคุณโมเม เรามา อธิบายกติกาของเกมกันต่อดีกว่านะครับ สำหรับทีมที่ได้ คะแนนนำหรือก็คือทีมสีฟ้าจะได้รับสิทธิพิเศษให้เลือก เล่นเกมก่อนนะครับ ว่าพวกคุณจะเป็นฝ่ายไล่ล่าหรือฝ่าย ทำภารกิจ เชิญปรึกษากันได้เลยครับ”

สิ้นเสียงพี่เติ้ลเท่านั้นแหละ ทีมสีฟ้าก็จับกลุ่มประชุมกัน ใหญ่เลย ไม่นานพวกเขาก็ได้คำตอบที่เป็นเอกฉันท์

“พวกเราขอเป็นฝ่ายไล่ล่าครับ”ตัวแทนกลุ่มอย่างไท รอันตอบเสียงหนักแน่น

“โอเคครับ แสดงว่าทีมสีชมพูเป็นฝ่ายทำภารกิจ ตอนนี้ ขอเชิญให้ทีมไล่ล่าทุกคนผูกกระดิ่งติดกับรองเท้าคุณให้ เรียบร้อยด้วยนะครับ”

พี่สตาฟฟ์สามคนวิ่งเอากระดิ่งขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็ก จนเกินไปมาแจกให้ทีมสีฟ้า ทีมสีชมพูได้แต่แอบบ่นแต่ ทำอะไรไม่ได้เพราะคะแนนเราเป็นรอง ใครที่ดูรายการ รันนิ่งแมนจะรู้ว่าส่วนใหญ่ทีมไล่ล่าจะได้เปรียบมาก เพราะไม่ต้องคอยหลบๆซ่อนและคอยหวาดกลัวตอนทำ ภารกิจ

“คะแนนที่พวกคุณสะสมกันมาก็แค่มีไว้เพื่อให้คนชนะเลือกว่าจะเป็นผู้ไล่ล่าหรือว่าเป็นผู้ทำภารกิจ และผู้ที่ชนะ ในเกมนี้ก็คือผู้ชนะอย่างแท้จริงค่ะ”

เสียงพูดคุยอย่างฮือฮาดังขึ้นทันทีที่พี่โมเมประกาศจบ ประโยค

เหมือนมีแสงไฟแห่งความหวังของฉันจุดประกายขึ้น มาทันที งั้นแสดงว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะชนะเกมนี้ได้อย่างนั้น

ฉันหันไปสบกับนัยน์ตาสีดำทรงพลังที่มองฉันอยู่ก่อน แล้วอย่างหยั่งเชิง ไบรอันเพียงแค่กระติกยิ้มมุมปากนิดๆ เป็นนัยๆว่าเกมนี้เขาจะไม่อ่อนข้อให้ฉันอย่างที่เขาเคย พูดไว้แน่ๆ

และฉันก็ไม่หวังให้เขามาอ่อนข้อให้หรอก ฉันเหยียด ยิ้มร้ายไปให้เขาเพื่อบอกว่าฉันก็จะไม่ยอมแพ้เขาง่ายๆ เหมือนกัน

“แน่นอนครับว่าทีมไล่ล่าสามารถขัดขวางไม่ให้ทีมคู่แข่ง ทำภารกิจสำเร็จได้โดยการดึงป้ายชื่อที่ติดอยู่ข้างหลัง พวกเขาออกและคนที่ถูกดึงป้ายชื่อออกก็จะออกจากเกม ทันที อ้อ แล้วอย่าลืมโชว์ป้ายชื่อที่ดึงออกให้กล้องนะครับ เพื่อที่สตาฟฟ์ของเราจะได้ประกาศชื่อคนออก”
กติกาของเกมที่พิเคิลอธิบายมานั้นมันเป็นเกมที่ค่อน ข้างแสดงความได้เปรียบเสียเปรียบออกมาชัดเจนมาก แต่ทีมฉันก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไรได้อยู่ดี

“เกมนี้เราจะกำหนดเวลาไว้ที่ 1 ชั่วโมงนะคะ ทีมท้ ภารกิจต้องทำภารกิจให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด เกม จะจบลงทันทีเมื่อทำภารกิจสำเร็จ หรือฝ่ายไล่ล่ากำจัด ฟ้มภารกิจหมดทุกคน

“เราจะปล่อยตัวทีมทำภารกิจไปก่อน ที่นั่นจะมีคนมอบ ภารกิจให้พวกคุณอยู่ และ 10 นาทีต่อมาเราก็จะปล่อย ทีมไล่ล่าออกไปกำจัดพวกคุณ”

“เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ เริ่มเกมได้!”

ปรี๊ดดดดดดดดดดดด~

พอพี่โมเมพูดจบประโยคพี่เติ้ลก็เป่านกหวีดทันที เท่านั้น แหละฝูงลิงสีชมพูก็วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายมุ่งหน้าไปยัง ตึกคณะบริหารฯทันที ระยะทางจากที่นี่ไปที่นั่นค่อนข้าง ไกลพอสมควร วิ่งแบบนี้เล่นเอาเหนื่อยมากเหมือนกันนะ ถือเป็นการตัดกำลังกันทางอ้อมเลยนะเนี่ย

“เกมนี้เราเสียเปรียบชัดๆเลย กำจัดพวกนั้นก็ไม่ได้ มี ทางเดียวที่เราจะทำได้คือต้องทำภารกิจให้เร็วที่สุด”
สายฟ้าที่วิ่งอยู่ข้างๆปนเป็นชุดเขาเป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง เลยล่ะ ดูอย่างตอนนี้เขาก็มาคอยอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งๆที่ เขาจะวิ่งน่าหน่าฉันไปก็ยังได้

“ไซแล้วล่ะ ไม่ว่ายังไงเกมนี้ฉันจะต้องชนะเขาให้ได้ ฉัน บอกอย่างมุ่งมั่นสุดๆ

*ใครเหรอ??”

*ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดไปงั้นแหละ เราไปรับภารกิจ

กันเถอะ”

คำถามของสายฟ้าทำให้ฉันรู้ว่าฉันหลุดในสิ่งที่ไม่ สมควรพูดออกไปก่อนที่ฉันจะเบี่ยงไปประเด็นอื่นเมื่อ เหลือบไปเห็นเพื่อนๆหลายคนไปยืนออรวมกันอยู่ที่คนให้ ภารกิจจนเกือบครบแล้วและสายฟ้าก็ไม่ได้ถามอะไรฉัน ต่อ

เมื่อทุกคนมารวมตัวกันครบแล้ว สภาพทุกคนในตอนนี้ ไม่ต่างกันนัก คือยืนหอบจนลิ้นห้อยเพราะมันเหนื่อยเอา มากๆ

“ให้ทีมภารกิจหากล่องสีดำเล็กๆที่ถูกซ่อนอยู่ตามห้อง ต่างๆให้เจอ ภายในนั้นมีคำใบ้และมีสิ่งที่ทำให้พวกคุณ สามารถกำจัดทีมไล่ล่าได้”
เพื่อนซี้ชื่ออะตอม จากคณะวิทยาศาสตร์ (ดูจากป้ายชื่อ ข้างหลังเขานะ) เดินไปเอาภารกิจจากพี่สตาฟฟ์คนหนึ่งที่ เป็นคนให้ภารกิจมาอ่านดังๆให้เพื่อนๆได้ฟัง

ทุกคนหันมองหน้ากันเลิกลักพร้อมกับคำถามหลายร้อย คําถามที่ถามกันไม่หยุด แต่แล้ว…

กรุ้งกริ่งๆๆๆ

เสียงกระดิ่งที่ดังมาแต่ไกลเป็นเครื่องบอกว่าสัญญาณ ชีวิตพวกเราเหลือน้อยเต็มที ไม่รอช้าทุกคนก็แยกย้ายกัน ไปหากล่องเล็กๆสีดำทันที

ฉันเลือกที่จะวิ่งขึ้นมาชั้น 2เพื่อนๆในทีมสิบกว่าคน กระจายไปตามห้องต่างๆทั้งหกชั้นของตึก ฉันกับสายฟ้า แยกกันไปหา เขาวิ่งขึ้นไปชั้น 3 แล้ว

ชักช้าไม่ได้การ ฉันต้องเข้าไปหาสักห้อง…

คิดได้อย่างนั้นฉันก็พุ่งเข้าไปในห้องๆหนึ่งที่อยู่ใกล้ ที่สุด ภายในห้องมีเพียงโต๊ะเรียนกับเก้าอี้ที่จัดอย่างเป็น ระเบียบ ฉันเดินเข้าไปหาที่โพเดียมหน้าห้องเรียนแต่ก็ไม่ เจอกล่องสีดำอย่างที่ตามหา ฉันเปลี่ยนเป้าหมายมาก้ม หาตามใต้เก้าอี้แทน และฉันก็ได้แต่ความผิดหวัง

ปกติฉันเป็นคนหาของไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว แต่หวังว่าวันนี้โชคจะเข้าข้างฉันบ้าง…

และฉันก็ไม่ได้โชคร้ายเสมอไป ในจังหวะที่ฉันจะเดิน ออกจากห้องนี้ก็หันไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่บนตู้ หนังสือใกล้กับประตู

ฉันวิ่งไปยังที่หมายทันทีแต่เหมือนฉันจะเตี้ยเกินไปจึง เอื้อมไม่ถึง()ฉันยกเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดมาอย่าง เบามือก่อนที่ฉันจะขึ้นไปยืนบนนั้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบ กล่องสีดำใบนั้นมาเปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในอย่างไม่รีรอ

ปรากฏว่า…สิ่งที่อยู่ข้างในคือความว่างเปล่า

“อะไรกันเนี่ย”ฉันโพล่งขึ้นอย่างหงุดหงิด

ลองเป็นแบบนี้แสดงว่ากล่องแบบนี้มันก็ต้องมีเยอะมาก แน่เลย ให้ตายสิ! แล้วเมื่อไหร่จะทำภารกิจสำเร็จกันนะ

กรุ้งกริ๊งๆๆ~

ฉันตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเสียงกระดิ่งมรณะดังลอดบาน ประตูมาเข้าหู ขืนฉันยืนหัวโด่แบบนี้ได้ออกจากเกมคนแรกแน่!!

ฉันรีบเก็บเก้าอี้ไว้ตามเดิมพยายามไม่ให้เกิดเสียงมาก ที่สุด หันซ้ายหันขวาพยายามหาที่ซ่อนเพราะถ้าขืนวิ่ง ทะเล่อทะล่าออกจากห้องไปตอนนี้มีหวังโดนดึงป้ายชื่อ อย่างไม่ต้องสงสัย

สุดท้ายฉันจึงอาศัยข้อดีของการเกิดมาตัวเล็กมุดเข้าไป ชั้นใต้สุดของตู้หนังสือที่พอมีที่ว่างให้ฉันเข้าไปได้ ทุก คนที่เห็นอาจจะตกใจที่ฉันสามารถยัดตัวเองเข้าไปในนี้ ได้ยังไง แต่ถ้ามาอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบฉัน ฉันว่า หลายๆคนก็คงจะทำแบบฉันได้แน่

เมื่อเข้าไปอยู่ในตู้เรียบร้อยฉันก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูและ เอากล่องสีดำติดมือมาด้วยเพราะถ้าเอาไว้ข้างนอกทีมไล่ ล่าก็จะเห็นและรู้ว่าทีมภารกิจกำลังตามหาอะไรอยู่ และ นั่นอาจจะเป็นจุดจบของทีมฉันก็ได้

แอ๊ดดด~

ฉันถึงกับกลั้นหายใจทันทีที่ใครบางคนเปิดประตูเข้ามา ในห้อง เสียงกระดิ่งดังก้องทั่วห้องตามจังหวะการก้าวท้าว เมื่อคนๆนั้นเดินใกล้เข้ามาที่ๆฉันซ่อนอยู่เสียงหัวใจฉัน ตอนนี้มันดังกว่าคนตีกลองซะอีก จนฉันกลัวว่ามันจะเด้ง ออกมาเต้นให้คนที่อยู่ข้างนอกนั่นได้ยินแม่จ๋า!! ช่วยเมลล์ด้วยยยย T[]T

ภายในหอประชุม…

ภายในหอประชุมใหญ่แห่งนี้ ทุกที่นั่งเต็มไปด้วยเหล่า นิสิตและเหล่าอาจารย์บางท่านที่สนใจชมการแข่งขันเกม สุดท้ายของงาน Family Games ครั้งที่ 8 หน้าเวทีมีจอ มอนิเตอร์ขนาดยักษ์ 3 จอวางเรียงกันอยู่ ในจอนั้นเป็น ภาพบรรยากาศที่ตึกคณะบริหารฯตามที่ได้มีการติดตั้ง กล้องไว้ ภาพจากกล้องทุกตัวคมชัดทั้งภาพและเสียง

บรรยากาศในหอประชุมตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทุกคนคอยลุ้นกับทีมที่ตัวเองเชียร์อย่างสุดใจ เหมือนกับ น้ำว้าที่นั่งเชียร์เมลล์อย่างใจจดใจจ่อในตอนนี้

“นี่เธอจะอินเกินไปรึเปล่า ตื่นเต้นอย่างกับไปลงแข่ง เอง”คอปเตอร์ แฟนหนุ่มน้ำว้าอดไม่ได้ที่จะหันไปแขวะ ร่างบางข้างกายอย่างขำๆ

“ก็คนมันตื่นเต้นนี่”น้ำว้าตอบทั้งๆที่ดวงตากลมโตไม่ยอม ละไปจากจอภาพจากกล้องตัวหนึ่งที่กำลังฉายภาพใน ห้องที่เมลล์เข้าไปซ่อนตัวอยู่
หลายๆคนที่เห็นภาพจากล้องตัวที่น้ำว้ากำลังดูอย่างไม่ ละสายตาไปไหนนั้นต่างก็ประหลาดใจที่เมลล์สามารถ เข้าไปหลบอยู่ในตู้ใส่หนังสือเล็กๆได้ นี่แหละมั้งข้อดีของ คนตัวเล็ก

“ไม่นะ…”

น้ำว้าครวญครางเบาๆ เมื่อเธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งของทีม สีฟ้าเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เมลล์ซ่อนตัวอยู่หลังจากที่ คนตัวเล็กเพิ่งจะปิดประตูตู้ได้แค่ 3 วินาทีเท่านั้น ป้ายชื่อ ที่ติดอยู่ข้างหลังผู้บุกรุกโชว์หราว่าเธอชื่อมายด์ จากคณะ พยาบาล

มายด์เดินช้าๆไปทั่วห้องโดยหารู้ไม่ว่าเมลล์ซ่อนตัวอยู่ ในตู้ที่เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงนั้น เธอมองไปรอบห้องอีก ครั้งเพื่อหาที่ๆคนสามารถซ่อนได้ และมันก็มีที่เดียวก็คือ ในตู้ที่เธอยืนอยู่ใกล้ๆนั่นเองทั้งๆที่แอบคิดในใจว่าถ้าไม่ ตัวเล็กจริงๆก็เข้าไปไม่ได้เด็ดขาด

มือเรียวสวยเอื้อมไปเพื่อจะเปิดตู้นั้น ทว่า…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ