Hello!! My Girl ถอยไป ถ้าไม่อยา...

Chapter 13 : ค่ายอาสาฯ ที่ไม่ได้อาสาไป



Chapter 13 : ค่ายอาสาฯ ที่ไม่ได้อาสาไป

ภายในหอประชุมมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วประมาณเกือบ 50 คนได้ รวมคณะอาจารย์และทีมแพทย์ด้วย ไบรอันซึ่งเข้า มาก่อนเดินไปรวมตัวกับพวกผู้ดูแลค่ายที่ยืนรวมตัวกัน อยู่ตรงมุมด้านข้างหน้าเวที

ฉันเดินไปนั่งยังที่ว่างซึ่งอยู่ด้านหลังสุดของผู้เข้าร่วม ประชุม โดยมีสายตาคมของไบรอันจ้องมองมาเป็นพักๆ คงกลัวว่าฉันจะหนีล่ะมั้ง

เห็นทีมแพทย์แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว แมก ก็ไปออกค่ายอาสานด้วยเหมือนกัน ปีนี้เขาติดประชุม สําคัญเลยไม่สามารถเข้าร่วมได้

ดูเหมือนว่าฉันจะเข้ามาประชุมเป็นคนสุดท้ายจริงๆ ด้วย…

พี่มดดำปรึกษาหารือกับพวกคณะผู้ดูแลค่ายสักพัก พอ เสร็จแล้วเธอก็เดินถือไมค์ขึ้นเวทีไป

“กราบสวัสดีคณะอาจารย์ที่เคารพทุกท่าน และก็ขอ สวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคนนะคะ ^_^

พี่มดดำกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่แกคงจะถือไมค์อยู่ หน้าเวทีบ่อยมากจึงไม่มีท่าทีเคอะเขินเวลาพูด น่าอิจฉา จัง เวลาฉันอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆแบบนี้ฉันจะตื่นเต้นจนพูดผิดพูดถูกเลยล่ะ

“ทุกท่านคงจะทราบกันแล้วนะคะว่าที่เรามาร่วมประชุม กันในวันนี้คือเรื่องที่เราจะไปออกค่ายอาสากันในวัน พรุ่งนี้ สถานที่ที่เราจะไปในค่ายอาสาครั้งที่ 5 นี้ก็คือ โรงเรียน….”

พี่มด าเข้าเรื่องอย่างไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันล้วง สมุดโน้ตเล่มหนาที่พกติดตัวเสมอออกจากกระเป๋าเป้ สะพายมาจดรายละเอียดสำคัญ ฉันเป็นคนชอบจดน่ะ พี่ แมกซ์ปลูกฝังนิสัยนี้ให้ฉันตั้งแต่เด็กแล้ว

ในเมื่อถอนตัวไม่ได้ ก็คงจะเลยตามเลยแล้วล่ะ…

“เรามาดูภาพจากสถานที่จริงกันเลยนะคะ”

พูดจบภาพโรงเรียนที่พี่มดดำพูดถึงก็ปรากฎบนจอ มอนิเตอร์ขนาดยักษ์บนเวที ในภาพเป็นโรงเรียนไม้เก่าๆ ที่โทรมมากๆ หลังคาทำจากใบไม้แห้งซึ่งตอนนี้แหว่งเป็น ช่องโหว่ขนาดใหญ่ตามอายุหรือไม่ก็อาจจะเป็นผลจาก พายุด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวโรงเรียนก็สร้างจากเศษไม้ใหญ่ น้อยที่เอามาตอกต่อๆกัน

“โรงเรียนแห่งนี้มีถึงแค่ชั้นป.6 แต่ห้องเรียนมีแค่ 3 ห้อง เท่านั้น ห้องน้ำก็มีแค่ 2 ห้องซึ่งก็เก่ามากแล้ว นักเรียนที่นี่ ก็มีแต่พวกเด็กเล็กๆ กับผู้ใหญ่บางส่วนที่ต้องการเรียนภาษาไทยเพราะชาวไทยภูเขาที่นี่เป็นชนเผ่ามูเซอนั่นเอง

ฉันตั้งใจฟัง มด จนลืมไปเลยว่ามีใครบางคนมองมาที่ ฉันอยู่บ่อยครั้ง…

“อาคารของน้องๆเก่ามากจริงๆ คุณครูที่ไปสอนมีกันแค่ สองท่านค่ะ และอาศัยอาคารเรียนของน้องนอน เพราะ ถ้าจะไปกลับระหว่างบ้านพักที่อยู่ในเมืองกับโรงเรียน เห็นทีจะลำบากนะคะ เพราะหนทางที่ใช้สัญจรนั้นลำ บากมากๆนั่นเอง ถ้าไม่ชำนาญทางมากๆอาจจะประสบ อุบัติเหตุได้เลยนะคะ”

สิ่งที่พี่มดดำบอกมาทั้งหมดทำให้ฉันแอบดีใจอยู่ลึกๆที่ ฉันได้มีโอกาสเรียนโรงเรียนดีๆ

“อาจารย์ที่ปรึกษาค่ายและผู้ดูแลค่ายทั้งสิบคนไปสถาน ที่จริงมาแล้วเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเราเอาสิ่งของที จําเป็นที่ต้องใช้ในการสร้างโรงเรียนไปไว้ที่นั่นแล้วโดย ใช้เฮลิคอปเตอร์แน่นอนว่าหมู่บ้านอยู่ห่างไกลความ เจริญขนาดนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ เพราะฉะนั้นทุกคนควรจะ เอาไฟฉายไปด้วยนะคะ ส่วนที่พักของเราคงจะนอนใน ตัวอาคารเรียนไม่ได้เพราะเราต้องทำการรื้อแล้วทำใหม่ ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องเตรียมไปอีกอย่างนั่น ก็คือเต็นท์ค่ะ”
ฉันจดสิ่งที่พี่มดด่าพูดลงไปในสมุดโน๊ตอย่างตั้งใจ ที่ฉัน ไม่เจอไบรอันเลยตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเพราะเขา คงจะยุ่งอยู่กับการเตรียมค่ายและการสอบสินะ แต่น่า แปลกนะว่ามั้ย ทำไมคนอย่างเขา พี่ดีแซม พี่คอปเตอร์ นิสัยสามคนนี้ไม่น่าจะมาทำอะไรเพื่อสังคมแบบนี้ได้เลย นี่ฉันไม่ได้ว่าพวกเขานะ ก็แค่สงสัย —

“ใครที่สนใจจะบริจาคเสื้อผ้า หนังสือหรือของใช้ต่างๆก็ ทำได้นะคะ ค่ายอาสาในครั้งนี้จะมีระยะเวลาทั้งสิ้นสี่คืน ห้าวัน เราจะเดินทางไปที่จังหวัดตากกัน ใช้เวลาเดินทาง จากกรุงเทพถึงที่นั่นประมาณ 5 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นในวัน พรุ่งนี้เราจะเดินทางกันแต่เช้าตรู่ 04.00 น. ตรง ล้อเลื่อน นะคะ รถทัวร์สองคันจะจอดอยู่ที่บริเวณหน้าตึกคณะ บริหารฯเหมือนทุกปีที่ผ่านมาค่ะ เพื่อที่เราจะไปถึงที่นั่น ประมาณเก้าโมงเช้าแล้วเราก็จะพักรับประทานอาหารกัน ก่อนที่จะออกเดินทางกันด้วยการเดินขึ้นหมู่บ้าน ใช้เวลา เดินประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ”

เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ฟังเวลาที่เดินทาง และต้องเดินถึง 2 ชั่วโมง มันก็แน่อยู่แล้วล่ะว่าออกค่าย อาสาที่แบบนี้ทั้งทีมันไม่ได้สบายหรอก

“มดดำขอความกรุณาจากอาจารย์ทุกท่านและพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆคนนะคะว่าอาหารเช้าพรุ่งนี้ขอให้ เตรียมกันไปเอง เพราะทางเราเกรงว่าอาหารจะเสียก่อน ที่จะได้ทานกัน แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะมื้อต่อไปทาง เราจะจัดการให้ไม่มีขาดตกบกพร่องเลยล่ะค่ะส่วนใครที่มีโรคประจำตัวก็อย่าลืมพกยาไปด้วยนะ

ฉันจดรายละเอียดที่สำคัญๆ ที่พี่มดดำพูดโดยไม่ละเลย การที่เราจะไปที่ไหนสักที่นึง เราก็ควรจะศึกษาข้อมูลถึงที่ นั้นๆให้ดี ฉันคิดว่างั้นนะ

“ส่วนเรื่องอาบน้ำไม่ต้องห่วงค่ะ มดดำติดต่อผู้ใหญ่บ้าน ให้แจ้งกับลูกบ้านเรียบร้อยแล้ว เราสามารถไปขออาบ น้ำจากที่บ้านชาวบ้านได้ค่ะ หรือใครที่สนใจอยากเล่นน้ำ หลังหมู่บ้านนี้ก็มีธารน้ำตกเล็กๆอยู่ ไม่ลึกมากแถมน้ำยัง ใสแจ๋วเลยล่ะค่ะ ที่นั่นอากาศเย็นตลอดทั้งปี ตอนกลาง คืนอากาศจึงค่อนข้างหนาว จึงขอเรียนให้ทุกคนทราบนะ คะว่าให้เตรียมเสื้อกันหนาวและผ้าห่มหนาๆไปด้วย

จากที่พี่มดดำพูดมา มีของสำคัญๆหลายอย่างเลยล่ะ ไม่รู้ว่าฉันจะเตรียมทันรึเปล่ากับเวลาเตรียมของแค่คืน เดียว

“อ้อ มดดำเกือบลืมบอกไป พอเราไปถึงที่โน่นแน่นอนว่า รถทัวร์ของเราไม่สามารถพาเราไปส่งยังจุดหมายปลาย ทางได้ เราจะลงกันที่ตีนเขานะคะ จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจะ เอารถกระบะของชาวบ้านซึ่งทั้งหมู่บ้านมีแค่ 2-3 คันม ขนข้าวของขึ้นไปไว้ให้ที่โรงเรียน ส่วนเราก็จะเดินขึ้นเขา กันค่ะ คิดว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัวก็ได้ค่ะจะได้ ไม่เหนื่อยมาก”
แล้วจากนั้นพี่มดดำก็บอกรายละเอียดต่างๆของค่ายอยู่ พักใหญ่…

“เฮ้อออออ~”

ฉันถอนหายใจออกมาเชือกใหญ่เพื่อระบายความรู้สึก บางอย่างที่เกาะกินใจมันเป็นความรู้สึกที่ฉันเองก็อธิบาย ไม่ถูก ความรู้สึกที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหายไปสัก

พอประชุมเสร็จฉันก็ออกมาจากหอประชุมทันทีและพบ ว่าพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ฉันเดินก้มหน้าอย่างคิดหนัก ขณะเดินมารอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหา’ลัย

“มันไม่มีอะไรหรอกน่าเมลล์”ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ

ฉันอยู่ในอารมณ์ขมุกขมัวได้ไม่นาน รถเก๋งสีดำสุดหรู ที่คุ้นตาก็วิ่งเข้ามาจอดดักหน้าฉันไว้…ไม่บอกก็รู้ใช่มั้ยว่า เจ้าของรถเป็นใคร

“ออกมาก่อนทําไม ทำไมไม่รอฉัน”ไบรอันถามเสียง เขียวทันทีที่เขาลงจากรถแล้วเดินมาดักหน้าฉันไว้ความ รู้สึกบางอย่างที่เกิดกับฉันทำให้ฉันลืมไปเลยว่าก่อนเข้า ประชุมฉันมากับเขา ช่างเถอะ มันไม่สำคัญอะไรหรอกจำเป็นด้วยเหรอที่ฉันต้องรอเขา

“ทำไมฉันต้องรอนายด้วย”

“เพราะเธอมากับฉัน เธอก็ต้องกลับกับฉัน”

“ไม่จําเป็น”

ฉันพูดแค่นั้นแล้วเดินผ่านเขาไป แต่ไบรอันไม่ยอมให้ ฉันเดินหนีเขาไปง่ายๆ มือเรียวยาวของเขาจึงคว้าต้นแขน ฉันไว้แน่นพร้อมกับออกคำสั่งเสียงเข้ม

“ขึ้นรถ”

“นี่ เลิกออกคำสั่งกับฉันสักทีเถอะ”ฉันเงยหน้าขึ้นสบตา คนตัวสูงตรงๆ

บอกตรงๆนะ ว่าฉันเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง ถ้าอยากให้ฉันทำก็ขอแค่บอกมาดีๆ…แต่จะทำรึเปล่า ก็ อีกเรื่อง

“งั้นก็ขึ้นรถ”

“ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย””ถามแบบนี้อยากยั่วโมโหฉันใช่มั้ย

“เปล่า ฉันก็แค่อยากบอกว่าในเมื่อฉันกลับบ้านเองได้ แล้วทำไมฉันจะต้องไปกับนายด้วย

“ได้! ไม่ยอมขึ้นดีๆใช่มั้ย”

พอสิ้นเสียงเท่านั้นแหละ ไบรอันก็ลากฉันไปที่รถ เขา เปิดประตูฝั่งข้างคนขับออกก่อนจะดันฉันเข้าไปนั่งอยู่ ข้างในด้วยแรงที่ไม่ต่างจากเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมาเลย

เขาเป็นพวกไม่พอใจอะไรก็ใช้แต่กำลัง! ถ้าเขาใช้เท้า ยันฉันได้คงจะทำไปนานแล้วล่ะ เหอะ!

สุดท้ายแล้วไบรอันก็จับฉันเข้าไปนั่งในรถเขาได้สำเร็จ ก่อนจะปิดประตูแล้วรีบวิ่งมาประจำที่คนขับ เขากระชาก รถออกอย่างรวดเร็ว ฉันได้แต่นั่งกัดฟัดกรอดด้วยความ โกรธที่ทำอะไรเขาไม่ได้เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ