Hello!! My Girl ถอยไป ถ้าไม่อยา...

Chapter 12 : เจ้ากรรมนายเวร



Chapter 12 : เจ้ากรรมนายเวร

สองอาทิตย์ต่อม

บริเวณหน้าตั้งคณะแพทยศาสตร์

“บ๊าย บาย พรุ่งนี้เจอกันนะ

“พรุ่งนี้เจอกันจ๊ะ (^_^)

ฉันบอกก่อนจะปิดประตูรถเมื่อยัยคุณหนูขึ้นไปนั่ง เรียบร้อยแล้ว และยืนส่งจนรถเก๋งคันหรูขับลับสายตาไป

“เฮ้อออ~”

ฉันถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งทั้งกายและใจใน ที่สุดการสอบก็ผ่านไปแล้วววว ( อย่างที่รู้ๆกันว่าหลัง การสอบมิดเทอมทางมหา’ลัยจะหยุดเรียนหนึ่งอาทิตย์ เต็ม พรุ่งนี้ฉันกับลูกตาวเลยนัดกันไปดูหนังกัน

มาอัพเดตกันหน่อยดีกว่าว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมาหลัง จากงาน Family Games ไปแล้วเป็นยังไงบ้าง

ดูเหมือนว่าฉันจะได้รับผลตอบรับที่ดีขึ้นมาหน่อย ย้ำว่า หน่อย (-..-)*วันนั้นในเกมสุดท้าย หลายๆคนได้ดูฉันแก้คำใบ้ปริศนาต่างก็ชื่นชมในไหวพริบของฉัน เลยเข้า มาทักทายกันบ้าง แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ

ฉันกับสายฟ้าเราก็เจอกันบ้าง น่าแปลกที่ตึกคณะวิศวะฯ กับคณะแพทย์ฯห่างกันคนละโยชน์ แต่ฉันมักจะเจอเขา บริเวณตึกคณะฉัน บ่อยครั้งที่เจอกันเพื่อนๆของเขาจะ แซวเสมอว่าเขาจะมาขอเบอร์ฉัน ฉันไม่ได้ให้ไปหรอก เพราะเขาไม่ได้ขอ ถ้าเขาขอก็อีกเรื่องนะ ก็เขาเป็นเพื่อน ฉันนี่นา มีเบอร์กันก็ไม่แปลก

ฉันเพิ่งมารู้ว่าวันนั้นพี่แมกซ์แอบหนีงานมาดูฉันด้วยแล้ว เราก็กลับบ้านด้วยกัน ก่อนถึงบ้านเขายังพาฉันไปเลี้ยง ก๋วยเตี๋ยวร้านประจำของฉันเพื่อเป็นการปลอบใจในความ พ่ายแพ้ T_T เหมือนตอกย้ำอยู่ในที ส่วนเพื่อนในทีม สีชมพูก็เข้ามาปลอบใจกันใหญ่ว่าไม่เป็นไรที่แพ้ไป พี่ๆ ทีมสีฟ้าก็เข้ามาชื่นชมในความเอาตัวรอดของฉันที่ไปถึง ด่านสุดท้ายได้และเฉียดถ้วยรางวัลไปเพียงแค่นิดเดียว

ไบรอันน่ะเหรอ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาหายไปเลยนะ คงเพราะยุ่งๆอยู่กับการสอบด้วยแหละ มันก็ดีแล้วไม่ใช่ เหรอที่เขาไม่มายุ่งกันฉัน ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปแล้ว กัน สาธุ…

ฉันเดินทอดน่องมาอย่างสบายใจ วันนี้แม่กับพี่แมกซ์ไป งานทำบุญร้านขายเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของ เพื่อนแม่ เห็นว่าจะกลับค่ำๆ ฉันว่าจะไปหาอะไรกินก่อนเข้าบ้านหน่อยน่ะนะ

แต่แล้วความสบายใจที่มีกลับหมดไป เมื่อมีรถสีดำสุด หรูคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดดักหน้าฉันไว้ก่อนที่ฉันจะทันได้ เดินห่างจากบริเวณตึกคณะไปไกล

เจ้าของรถเปิดประตูรถลงมาแล้วก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรง หน้าฉันด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างามทุกย่างก้าวใบหน้านิ่งๆที่ดู หยิ่งแบบนี้ก็คงจะมีคนเดียวนั่นแหละ…ไบรอัน

“จะไปไหน”ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ เราสบตากันผ่านแว่นกันแดดสีชาของเขา

“กลับบ้าน”ฉันบอกเขาตามตรง เพราะรู้ว่าการมาของ เขาครั้งนี้ฉันได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ขืน กวนโมโหเขาไป อาจจะทำให้ลางสังหรณ์ฉันเป็นจริงขึ้น มา

“เธอไม่รู้รึไงว่าคนที่จะไปออกค่ายอาสาพรุ่งนี้เขานัด ประชุมกันเย็นนี้”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”ฉันขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ เข้าใจกับคำพูดของเขา

งงนะเนี่ย บอกไว้เลย
เรื่องค่ายอาสาอะไรนั่นน่ะ ฉันรู้มาได้สักพักแล้วจากที่พี่ มดนํามาประชาสัมพันธ์ว่าหลังจากการสอบมิดเทอมจะมี การออกค่ายไปช่วยเหลือเด็กยากไร้ที่อยู่ต่างจังหวัด

“ทำไมจะไม่เกี่ยวกับเธอ ก็ในเมื่อเธอเป็นหนึ่งในนั้นที่ ต้องไปจังหวัดตากวันพรุ่งนี้”

“อะไรนะ!”ฉันถึงกับโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ

จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่ได้ใส่ชื่อสมัครไป หรือ 27…

“อย่าบอกนะว่านายเป็นคนใส่ชื่อฉันลงไป”ฉันพูดพร้อม กับจ้องหน้าไบรอันเขม็ง

ความเงียบและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เผยขึ้นบนใบหน้าหล่อ

เหลาเท่านั้นที่เป็นคำตอบให้ฉันได้อย่างดี

อีกแล้วนะ!!

“นี่! สองครั้งแล้วนะที่นายแกล้งฉันแบบนี้”ฉันตวาดคน ตรงหน้าเสียงดัง ไม่สนแล้วว่าใครจะมองยังไงไม่รู้ล่ะ ใน เมื่อฉันไม่ได้เต็มใจลง ฉันก็จะไม่ไป”
“แต่เธอมีชื่ออยู่ในนั้นแล้ว และเธอก็ถอนตัวไม่ได้ด้วย

“แต่ฉันไม่ได้เต็มใจสมัคร ”

“แต่เธอต้องไปประชุมกับฉันเดี๋ยวนี้”

“ฉันไม่ไป หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ไป นายเป็นคน ลงชื่อฉัน เพราะฉะนั้นนายก็ต้องรับผิดชอบถอนชื่อฉัน ออกด้วย นายเป็นหนึ่งในผู้ดูแลค่ายนี่”

ใช่แล้วล่ะ ไบรอันก็เป็นหนึ่งในสิบผู้ดูแลค่าย แต่วันนั้น ที่พี่มดนํามาประชาสัมพันธ์ที่คณะฉัน เขาไม่ได้มาด้วย เพราะติดธุระ

“ฉันรับผิดชอบแน่ แต่ตอนนี้เธอต้องไปกับฉัน”

“ฉันไม่ไป

ฉันเดินหนีทันทีที่พูดประโยคนั้นจบ แต่เขากลับไม่ยอม ให้ฉันหนีออกมาง่ายๆ ไบรอันตามมากระชากต้นแขนฉัน แล้วออกแรงลากฉันไปยังรถเขาก่อนจะเปิดประตู เขา ผลักฉันให้ขึ้นไปนั่งบนรถฝั่งข้างคนขับอย่างรวดเร็ว

“ฉันไม่ไป บอกว่าไม่ไปไงเล่า!”ฉันตะคอกเขาเสียงดัง แล้วพยายามลงจากรถ แต่ก็โดนมือใหญ่ของเจ้าของรถดันหัวเข้าไปตามเดิม ฉันใช้เท้าที่ยังอยู่ข้างนอกรถเตะ หน้าแข้งเขาไปเต็มแรง “บอกว่าไม่ไปไง ไม่ได้ยินเหรอ”

ไบรอันยกขาข้างนั้นขึ้นกุมด้วยความเจ็บปวด ฉันจึงใช้ จังหวะนี้ออกมาจากรถแต่ก็โดนไบรอันคว้าตัวไว้ก่อนที่ เขาจะจับฉันยัดเข้าไปในรถตามเดิม ขอทั้งสองข้างของ ฉันถูกรวบเข้าไปในรถอีกครั้ง

เจ้าของรถกระแทกประตูปิดอย่างรุนแรงด้วยความ โกรธ เขาวิ่งกลับมาประจำที่คนขับก่อนที่ฉันจะทันได้เปิด ประตูรถแล้วหนีไปไบรอันก็กระชากประตูรถปิดจากนั้นก็ จัดการกดล็อคประตูรถทันที

“ดื้อมากใช่มั้ย ก็ดี!!”ไบรอันตวาดลั่นรถ มือหนากระชาก ต้นแขนฉันอย่างแรงให้หันไปประจันหน้ากับเขา

“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ไป!!”ฉันตะคอกใส่คนตรงหน้า อย่างไม่กลัวตาย

“เงียบซะ ถ้าไม่อยากเจอ “ไบรอันบอกเสียงเย็นเพื่อข่ม อารมณ์ของตัวเอง

“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ”ฉันบอกแล้วพยายามจะแกะมือเห นียวๆที่บีบต้นแขนฉันออก เขาไม่คิดเลยรึไงกันนะว่าฉันก็ มีความรู้สึก นี่แขนนะไม่ใช่กิ่งไม้
“เจ็บก็อยู่นิ่งๆซะ!”

พูดแค่นั้นไบรอันก็ปล่อยมือจากแขนฉันเหมือนมีตัวเชื้อ โรคน่ารังเกียจอยู่ยังไงยังงั้น

ฉันมองคนเขาอย่างเกลียดชังแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไบรอัน กระชากรถออกทันทีเพราะไม่ต้องการให้ฉันพยายามหนี อีกและเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะคุยกับฉันด้วย

ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปออกค่ายอาสาขนาดนั้นหรอกนะ แต่ฉันมี ‘สาเหตุ’ บางอย่างที่ทำให้ฉันไม่อยากไปต่างหาก

รถของไบรอันค่อยๆเคลื่อนเข้าไปจอดในโรงรถของหอ ประชุม เขาเปิดประตูลงจากรถไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่ คำเดียวแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูรถทางฝั่งฉัน

ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเป็นนางเอกที่ต้องการให้ใครมาเปิด ประตูรถให้หรอก ก็ฉันบอกเขาแล้วนี่ว่าฉันไม่ไป ที่มาอยู่ ที่นี่ก็เพราะเขาบังคับทั้งนั้น

“ลงมา”ไบรอันสั่งเสียงเย็นเยียบ สายตาที่มองมาบ่งบอก ว่าเขาไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
“…”ฉันไม่ตอบและเอาแต่นั่งนิ่ง

“หรือต้องให้ฉันใช้กำลังเธอถึงจะทำตาม”ไบรอันใช้มือ ทั้งสองข้างเท้ากับหลังคารถ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมา พูดกับฉัน น้ำเสียงเขาแสดงความหงุดหงิดออกมาชัดเจน

โดยไม่ต้องรอให้เขาใช้กำลังอย่างที่เขาขู่เอาไว้ฉันก็ลง จากรถแต่โดยดี

ฉันไม่ได้กลัวเขานะ ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาจ้องหน้า กดดันแบบนี้นานๆ แล้วอีกอย่าง คนอย่างไบรอันไม่ได้ดี แต่ขู่หรอก ถ้าเขาโกรธเขาก็จะทำอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ

เมื่อลงจากรถแล้วฉันเลือกที่จะเดินหนีแทนที่จะอยู่ ให้เขาข่มขู่ต่อ ฉันจะไม่ไปร่วมประชุมอะไรทั้งนั้นฉันมี เหตุผลของฉันก็แล้วกัน

“เธอมันก็เป็นแค่เด็กที่เอาแต่รักสบาย พอรู้ว่าไปออก ค่ายอาสาแล้วไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ในเมืองก็เลยไม่ อยากไปสินะ”

คำพูดดูถูกจากไบรอันพูดไล่หลังมาขัดขาฉันไว้ ฉันหัน ขวับกลับไปประจันหน้าเขาอย่างไม่พอใจ
ใช่ ฉันรักสบาย ฉันเชื่อว่าทุกคนนั่นแหละต่างก็รักสบาย แต่ไม่ใช่ว่าฉันรักสบายจนไปออกค่ายที่ไม่มีความสะดวก สบายอะไรพวกนี้ไม่ได้ ถ้าฉันอยากไปด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนฉันก็ไปได้ทั้งนั้นนั่นแหละ

“ฉันมีเหตุผลของฉันก็แล้วกัน”ฉันบอก

“เหตุผลอะไร?”

ฉันเงียบพลางจ้องหน้าเขานิ่ง

เขาเป็นใคร แล้วทำไมฉันต้องบอกเหตุผลส่วนตัวกับเขา ด้วย…

เมื่อต่างคนต่างเอาแต่เงียบไปนาน ไบรอันจึงเป็นฝ่าย พูดขึ้นในที่สุด

“เงียบแบบนี้แสดงว่าไม่มี

“ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ทุกคนคงรออยู่”
“การประชุมจะไม่เริ่มถ้าทุกคนไปไม่ครบ มันคงไม่ดีแน่ ที่ต้องให้คนเกือบ 50 คนและคณะอาจารย์ต้องรอเธออยู่ คนเดียว”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ชายเธอซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ก็คงจะ ถูกมองไม่ดีไปด้วย หึ!”

พูดแค่นั้นไบรอันก็เดินผ่านหน้าฉันไป

ฉันเกลียดเขาจริงๆ…

เขารู้ใช่มั้ยว่าถ้าพูดแบบนี้แล้วฉันไม่มีทางดิ้นไปไหนได้

ฮีย!!!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ