Domineering Dad คุณพ่อหยิ่งผยอง

บทที่9 โมโหเพื่อหญิงคนนี้



บทที่9 โมโหเพื่อหญิงคนนี้

หน้าที่แสบอยู่นั้น ทำเงินอึ้งอยู่กับที่

“ประ…….ประธานเซียว ไม่ใช่คุณให้ฉันมาหรือ เฉิน จับหน้าตัวเองแล้วถามด้วยความงงและความเสียใจ

“ผมให้คุณมา

เซียวหยางรู้สึกว่าตลกจนจะบ้า

“ผม เซียวหยาง จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยดังของ ประเทศอเมริกา คุณดูเรซูเม่ของคุณสิ คุณมีสิทธิ์อะไร

“นักเลงบนท้องถนนยังมีเรซูเม่ที่ดีกว่าคุณเลยมั้ง

“เมื่อก่อนยังเคยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นหนักอีก ไอ้แก่นั้นส่งคุณ มา เพราะจงใจจะไล่ผมออกใช่ไหม”

“ผม เซียวหยาง เหมาะกับผู้ช่วยระดับอย่างคุณหรือไง” คำพูดเหล่านี้เหมือนมีดที่กำลังแทงเฉิน ทำให้เธอรู้สึกว่าเจ็บ จนอยากมุดดินหนี

สิ่งที่เขาพูดมานั้น ทำเธอรู้สึกหายใจลำบากจนหมดแรงที่จะ

ตอบโต้

โดยเฉพาะประโยคเมื่อกี้ นักเลงบนท้องถนนยังมีเรซูเม่ที่ดี กว่าคุณเลยมั้ง
เธอแย่ขนาดนั้นจริงหรือ “เธอออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ

เขียวหยางดึงแขนของเฉินให้ออกจากห้องทำงาน ไม่ว่าเงิน

ยี่จะพยายามดึงแขนตัวเองออกมายังไง เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ พอมาถึงหน้าประตูแผนกผู้ช่วย เขาชี้ไปที่ผู้ช่วยกลุ่มหนึ่งแล้ว

พูดว่า

“เธอดูดีๆ ผู้ช่วยกลุ่มนี้ คนไหนไม่ใช่จบมาจากมาหาวิทยาลัย ชื่อดัง”

“ไม่ว่าจะเป็นประวัติการศึกษาหรือประสบการณ์ คุณไม่มีด้าน ไหนที่สู้คนอื่นได้เลย แล้วเงินเดือนยังเป็นปีละห้าแสนอีก ”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เฉินรู้สึกว่าตนเองไร้จุดยืน ถ้าตอนนี้

สามารถมุดดินหนีได้ เธอคงหนีไปจากที่นี่แล้ว ตอนนี้เธอไม่เข้าใจจริงๆ ในเมื่อที่เรซูเม่ของเธอแย่ขนาดนี้ แล้วทำไมเป่ยเฉิงกรุ๊ปต้องให้เงินเดือนเธอต่อปีห้าแสนล่ะ แล้วทําไมเขียวหยางถึงยอมให้เธอมาทำงาน เพื่อที่จะทำให้เธอรู้สึกขายหน้าต่อหน้าผู้คนหรือไง ความเศร้าที่ซัดเข้ามาเหมือนคลื่น ทำให้จมูกและขอบตาของ เฉินแดงขึ้นมา

ถ้าไม่ใช่มีคนอยู่ที่นี่เยอะขนาดนี้ เธออยากร้องไห้ออกมาดังๆ เพื่อปลดปล่อยความเศร้าที่อยู่ในใจ
ใช่ เรซูเม่ของฉันไม่ดี

แต่เพียงเหตุผลแค่นี้

เธอเลยต้องเป็นตัวตลกสำหรับคนอื่นหรือไง

เธอก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เหมือนกัน

เธอก็มีใจอยากประสบความสําเร็จอย่างมากเช่นกัน แต่โชคชะตาไม่ยุติธรรมกับมนุษย์จริงๆ ตอนเผชิญกับเรื่องบางเรื่อง เธอไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ อย่างเช่นตอนที่ถูกเฉียงเขาทำร้าย

สายตาของคนมากมายจ้องมาที่เฉิน

พวกเธอได้ข่าวมาหมดแล้ว ว่าเฉินที่เป็นผู้ช่วยเพียงคนเดียวที่ มีรายได้ต่อปีห้าแสนในทั้งบริษัท

ขนาดหัวหน้าแผนกผู้ช่วยยังได้แค่เงินเดือนนี้เลย เรื่องนี้ทำให้พวกหล่อนอิจฉามาก จึงเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เธอขึ้น

มา

“ฉันเคยเห็นเรซูเม่ของเธอ ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย อีก อย่าง เป็นเพียงแค่เด็กที่จบมาจากมหาวิทยาลัยธรรมดาอีกด้วย ในเมื่อที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย แล้วเธอทำยังไงถึงให้ตนเอง สามารถได้เงินเดือนต่อปีห้าแสน ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่เลย
“เฮ้ย ผู้ช่วยแบบนี้ ถ้าอยู่ในสังคม น่าจะมีเพียงแค่นายที่สาวๆ ไม่มีความรู้อะไรและชอบคนสวยถึงรับละ อย่างน้อยหน้าตา และรูปร่างเธอใช้ได้จริงๆ น้อยคนที่จะสวยขนาดนี้

“เงินเดือนต่อปีห้าแสน บริษัทกล้าให้ เธอก็มีหน้ารับเนาะ ไม่รู้ ว่าใช้เส้นอะไรเข้ามา ตลกจัง”

“ทําไมเธอถึงรับไว้ไม่ได้

ขณะนี้ เสียงที่เย็นชาดังขึ้นมาจากที่ไกล

“ผู้ช่วยของผมเจียงเยว ทำไมไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินเดือนต่อปี ห้าแสน”

ในเวลานั้น สายตาของทุกคนหันไปมองที่ลิฟต์กันหมด

ในไม่ช้า ก็มีผู้ชายที่คุมเสื้อกันลม สวมรองเท้าทหารเดินมา

สีหน้าเย็นชา รูปร่างสูงส่ง ใบหน้าที่แหลมคมนั้นมีความเป็น ผู้นำชั้นสูงอยู่

เปรียบเสมือนดาบที่ชักออกมา สามารถครอบงำผู้อื่น

ไม่มีใครกล้าสบตาของเขาเกินสามวิ

ทุกคนเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา

โดยเฉพาะออร่าที่ทรงพลังนั้น ทำให้พนักงานหนุ่มสาวทั้ง หลายรู้สึกกดดันเหลือเกิน
เจียง……เจียงเยว่

เปรี้ยง

ทันใดนั้น ในหัวของเฉินตกใจจนว่างเปล่า พอเห็นเจียงเยวที่ เดินเข้ามา สติของเธอหลุดไปหมด จนไม่สามารถคิดอะไรได้ ขณะที่เห็นใบหน้าของเขา เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองคือ

ผู้ช่วยของเจียงเยว่

ในตาของเฉินยี่เริ่มมีความโมโหเกิดขึ้น

เธอกำหมัดไว้แน่นๆ พยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เฉินที่มีอารมณ์แปรปรวน แต่หลังจากมี ลูกสาว อาการของเธอก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ

แต่พอเห็นเจียงเยวภายใต้สถานการณ์แบบนี้

เธอก็ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองอยู่ดี

ในสมองมีภาพตอนที่เจียงเยาทำร้ายเธอลอยขึ้นมาอยู่เสมอ คนนี้เอง ที่ทำลายชีวิตของเธอ

ทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกที่ถูกคนอื่นเยาะเย้ย

“ผู้จัดการคนใหม่….

โดยทั่วไปแล้ว เซียวหยางเป็นคนที่เย่อหยิ่งในบริษัทมาตลอด จึงไม่กลัวเจียงเยว่เลย เขายิ้มแล้วถามว่า

“ประธานเจียง เมื่อกี้คุณพูดว่า ผู้ช่วยของคุณคุ้มกับเงินเดือนต่อปีห้าแสน ใช่ไหม ยอดที่คุณทําผมไม่ได้ ประวัติการศึกษา ของคุณก็สู้ผมไม่ได้ ผู้ช่วยของผมยังได้เงินเดือนแค่สองแสนต่อปี ผู้ช่วยของคุณมีสิทธิ์อะไรที่จะได้ห้าแสน

“มีสิทธิ์อะไร”

มุมปากของเจียงเยยิ้มขึ้นมานิดๆ แต่ตาของเขาจ้องไปที่ เซียวหยาง

“เพราะเธอเป็นผู้ช่วยของผม เหตุผลนี้เพียงพอไหม

“คนที่มีเรซูเม่แบบนี้ มีสิทธิ์อะไรมาทำงานที่เป่ยเฉิงกรุ๊ป สำหรับเป่ยเฉิงกรุ๊ปแล้วเป็นสิ่งที่ทำให้ขายหน้ามากกว่า ถึงแม้ เธอจะเป็นผู้ช่วยของคุณ ผมก็จะไล่เธอออกอยู่ดี”เซียวหยาง มี ท่าทีที่มุ่งมั่นมาก

ตอนนี้ยิ่งทำให้เฉินรู้สึกว่าตนเองเหมือนตัวตลก เธอพยัก หน้าเบาๆและมีน้ำตกตกลงมา

เธอไม่พูดอะไรเลยแล้วหันหลังเดินออกไปจากที่นั้น ถึงแม้เธอ ต้องการเงินมากๆ และต้องการงานนี้จริงๆ

แต่เธอไม่อยากขายหน้าต่อหน้าคนอื่นแบบนี้

และสิ่งที่สำคัญกว่านั้น

เธอไม่เป็นผู้ช่วยของเจียงเยวหรอก

นั้นเป็นการลบหลู่อย่างหนึ่งสำหรับเธอ

ขณะที่เฉินยี่เดินผ่านเจียงเยว่
เจียงเยวจับแขนของเฉินไว้ ดึงเธอมายืนหน้าตนเอง หน้า เขียวหยางแล้วพูดว่า

“ไหน ในเมื่อที่คุณอยากไล่เธอออก งั้นก็ไล่เธอออกต่อหน้า ผม”

“คุณคิดว่าผมไม่กล้าหรือ

เชียวหยางหายใจเข้าลึกๆ จ้องหน้าเฉียงเยวแล้วถามเช่นนี้

“งั้นคุณก็ไล่เธอออก”

เจียงเยวมีสีหน้าเย็นชา ออร่าที่ทรงพลังนั้นพุ่งเข้าหาเขียว หยางอย่างกับคลื่นทะเล

ทำให้เซียวหยางไม่กล้าพูดค่าว่าไล่ออก ในวินาทีนั้น เขามอง เจียงเยวสายตาที่เย็นชา

“ถึงแม้เราเป็นระบบผู้จัดการสองคน มีอำนาจเท่ากัน แต่คุณก็

อย่าทําเกินไป”

“ปัก”วินาทีต่อมา เจียงเยว่ยกมือขึ้นมาตบหน้าเซียวหยาง แรงๆไปทีหนึ่ง

ทันใดนั้น ทั้งชั้นวุ่นวายขึ้นมาโดยทันที

หลายคนยืนขึ้นมามองไปที่เซียวหยาง เพราะเขาทั้งหมดตกใจ กับพฤติกรรมที่เจียงเยวทำลงไปจนถึง

ถึงแม้จะเป็นเซียวหยางที่เป็นเจ้าตัว หัวก็ยังอื่นๆ เขาหันไป มองเจียงเยวอย่างเหลือเชื่อ
“นายกล้าตบฉันหรือ

พูดจบ เซียวหยางก็พุ่งเข้าไปจะต่อยเจียงเย

เขาออกกำลังกายบ่อยมาก และชอบชกมวย เขาเชื่อว่าตนเอง สามารถเอาชนะเจียงเยวได้ภายในสิบท่า

แต่เขาเพิ่งพุ่งเข้าไป ก็โดนเจียงเยวถีบจนกระเด็นออกไป

นอนร้องอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร ขนาดแรงที่จะยืนขึ้นมายัง ไม่มีเลย

“ประธานเชียว………ระธานเซียว

หลายคนตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงรีบวิ่งเข้าไป “หยุดเดี๋ยวนี้”

เสียงตะโกนด้วยอารมณ์โมโหของเจียงเยวที่ดังขึ้นมา ทำให้ ทุกคนหยุดอยู่กับที่ไม่กล้าขยับเลย

“พวกคุณจำไว้ ผู้หญิงที่ยืนอยู่หลังผมชื่อเฉิน ไม่ว่าเรซูเม่ของ เธอเป็นยังไง ไม่ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นคนยังไง ตอนนี้เธอคือผู้ช่วย ของผมเจียงเยว่ ผู้ช่วยของผม มีแค่ผมเท่านั้นที่สามารถแกล้งได้ ถ้าพวกคุณใครกล้าเธอ ว่าเธอ ถึงแม้จะทำลายโลกทั้งใบ ผมก็ ไม่ให้พวกคุณมีทางอยู่ในสังคมอีกต่อไป สิ่งที่ผมพูดออกมานั้น ผมพูดจริงทําจริง…….

พอเฉินได้ยินคำพูดเหล่านี้ ตาเธอแดงก็ขึ้นมาโดยทันที

นี่หรือ ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นปกป้อง
หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อแปดปีที่แล้ว ชีวิตของเฉินยี่แตก สลายไปหมด

กลายเป็นคนที่ไม่มีใครรักไม่มีใครหวง เธอลืมความรู้สึกที่ถูก คนอื่นปกป้องไปหมดแล้ว แต่วันนี้ วิธีปกป้องอย่างเอาแต่ใจของเจียงเยว่

ทำให้ใจของเธอที่แข็งและแตกสลายนั้น เริ่มมีความอบอุ่นขึ้นมา

“ตามผมมา”

เจียงเยวถึงเฉินที่มีหน้าอึ้งๆเข้าไปในห้องทำงาน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ