บทที่ 5 บังเอิญพบกันอีกครั้ง
ผู้ที่นั่งตรงข้ามนางคือหญิงสาวในชุดสีแดง ศีรษะถูกปกคลุมด้วย ผ้าคลุมบาง จนไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน
“ไม่จำเป็น สุนัขกัดเจ้าครั้งหนึ่ง เจ้าจำเป็นต้องไปกัดตอบเพื่อ
แก้แค้นงั้นหรือ?”
ซูหรูชื่อขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่าหยินผิงช่างน่าขันอย่างยิ่ง
ผ่านมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว นับจากวันที่นางถูกลงโทษ คุกเข่าจนสลบไป
วันนั้นหลังจากที่นางสลบไป นางก็เริ่มมีไข้สูงและสลบไสลไม่ ฟื้น ราวกับว่าความเจ็บปวดทั้งหมดบนร่างกายของนางกำลัง ปะทุขึ้นมา ผ่านไปสิบวันเต็มๆ นางถึงมีสติขึ้น
นับแต่นั้นมา ร่างกายของนางก็แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นไม่น้อย อีก ทั้งนางก็สามารถเริ่มออกกำลังกายได้อีกด้วย เวลายี่สิบวันมานี้ ร่างกายของนางเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เข้าร่างแล้ว นับว่าดีขึ้น อย่างมาก
วันนี้นางรู้สึกอุดอู่น่าเบื่อจึงพาหยินผิงออกมาเดินเล่น ถึงค่อย ได้รู้ว่าที่แท้ตนเองมีชื่อเสียงมากขนาดไหน ในเมืองหลวง
“คุณหนูกล่าวถูกต้อง! ฮ่าฮ่าฮ่า หยินผิงไม่ลดตัวลงไปอยู่ระดับ เดียวกับพวกเขาหรอก!” หญิงสาวชุดเขียวหัวเราะน่ารัก เมื่อ ได้ยินคำพูดของซูหรูชื่อนางก็สงบความโกรธของตนลง
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” ซูหรูอยิ้มเบาๆ เมื่อมองไปที่ใบหน้า ยิ้มแย้มของหยินผิงก็นึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันสั้นๆ นี้ขึ้นมา
จากปากของหยินผิง นางถูกขายให้กับตระกูลซูตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุแปดขวบก็เริ่มดูแลซูหรูชื่อมาตลอด ดังนั้นความรู้สึก ระหว่างนายบ่าวจึงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เป็นเพราะซูหรูชื่อคนก่อน นั้นอ่อนแออย่างยิ่ง ดังนั้นจึงดีกับคนรับใช้ของตนอย่างมาก
ดังนั้นนับแต่เด็ก หยินผิงจึงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพื่อปกป้อง คุณหนูของตน
หลังจากสังเกตการณ์มาหลายวัน หยินผิงผู้นี้มีความภักดี อย่างยิ่ง แต่กลับใสซื่อเกินไป
แค่นางบอกว่าตนสมองกระทบกระเทือนจนลืมเรื่องราวหลาย อย่างไป หญิงผิงก็เอ่ยเล่าให้นางฟังทีละเรื่องๆ
จากคำบอกเล่าของนาง ตนถึงได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับโลก
ใบนี้
นี่คือประเทศที่ไม่มีอยู่ในประวัติศาสตร์ ประเทศหยุนหนึ่ง ตอนนี้สถานะของนาง เป็นบุตรคนที่สามของอัครมหาเสนาบดี ซู หลังจากอายุเจ็บขวบเกิดเจ็บป่วยครั้งใหญ่ นางก็กลายเป็นคน อัปลักษณ์เช่นนี้ไป
ส่วนสาเหตุที่นางกลายเป็นพระชายาของอ๋องสี่ซือหม่าซิ่น นั่น ก็เป็นเพราะก่อนอายุเจ็ดขวบ นางเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ราวกับหยกสลัก ดังนั้น ในเวลานั้นฮ่องเต้จึงออกรับสั่งให้นางเป็นคู่หมายของอ๋องสี่ และแต่งตั้งให้นางเป็นพระชายาเอก
ต่อมาแม้ว่านางจะอัปลักษณ์อย่างยิ่ง แต่ราชโองการยากถอน
คืน อีกทั้งยังไม่อาจคัดค้านได้ด้วยสาเหตุนี้ ดังนั้นเมื่อนางอายุ 15 ปี ซือหม่าซิ่นก็แต่งกับนางทันที หลัง จากสามปีอันเฉยชา เขาก็หาเหตุผลมาหย่าร้างกับนาง ช่างเป็น
พวกสวะเสียจริง!
สีหน้าของซูหรูชื่อภายใต้ผ้าคลุมเผยรอยยิ้มเยาะ ผู้ชายเช่นนี้ โชคดีแล้วที่นางหย่าไป ไม่อย่างนั้นนางคงไม่อาจรับประกันได้ว่า ตนเองจะอดใจไม่ตัดเจ้านั่นของเขาทิ้งไปได้ไหว
ขณะนั้นเอง ที่ชั้นสองของร้านอาหารที่มีเสียงดังวุ่นวายขึ้น ซูหรูชื่อที่มีทักษะการฟังยอดเยี่ยมเองก็ได้ยินบทสนทนาด้าน
บน
“แม่งเอ๊ย คนพิการอย่างเจ้ากล้าบังอาจยึดครองที่ของข้างั้น
หรือ?”
“ไสหัวไปซะ! เจ้าขยะไร้ค่า ขาพิการก็อย่าเสนอหน้าออกมา! ”
“ไสหัวไป เจ้าขยะ อย่าได้มาทำให้พี่ใหญ่ของพวกเราเสียการ รับรส!”
มีผู้ชายหลายคนสบถค่าขึ้นมา
ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดเช่นกัน หลังจากซูหรูชื่อได้ยินคำว่าขา พิการ ในหัวของนางก็ปรากฏภาพของชายหนุ่มผู้นั้นขึ้น สง่าราวกับเทพเซียนแต่กลับเป็นบุรุษน่าชังกว่าใคร
นางได้ยินแค่คำสบถของคนเหล่านั้น หลับได้ยิน การตอบโต้ใดจากอีกฝ่ายหนึ่งถูก
แม่งเอ๊ยเจ้ากล้าใช้สายตาแบบนี้มองข้าชั้นสองเสียงดังขึ้น จากนั้นตามด้วยเสียงของเก้าอี้เข็นล้มลงกับพื้น
“คุณหนู ชั้นบนเพียงเสียงเอะอะจากด้านบนเท่านั้น
ทันทีที่นางเอ่ยปากถาม พอกลับไป คุณหนูหายแล้ว
เอ๊ะ คุณหนูล่ะ?
ชื่อกลับมา ตนเองกำลังยืนอยู่ที่นอกประตูของ ห้องชั้นสองแล้ว
การกระทำเข้าใจ
แต่ไหนแต่ไรกลับ
ใครบางคนที่อาจเป็น “เขานางได้สอดเข้ามา เกี่ยว
ซูหรูโดยชายใหญ่ท่าทางโหดเหี้ยม
“เฮ้ พี่ชาย หลบหน่อย”
ว่ากันว่ายิ้มถูกลงมือ นั้นหรูชื่อรีบฉีกยิ้มขึ้นก่อนจากนั้นจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ใช้กำลังแก้ไขปัญหา! นี่ นางถือว่าสุภาพ มากๆ แล้ว
ชายที่ยืนอยู่ที่ประตูเมื่อได้ยินคำร้องขออันนุ่มนวล เขาก็รีบ
เปิดทางให้ทันที
จนกระทั่งหญิงสาวในชุดแดงเดินเข้าไปในห้องแล้ว เขาจึง ค่อยได้สติกลับมา
แม่งเอ๊ย!
นี่ไม่ใช่เทศกาล! จู่ๆ มีสตรีพุ่งเข้ามาได้ยังไง? นี่คุณลุงตัวโต คนนี้สมองมีปัญหาหรือไม่ถึงได้เปิดทางให้แบบนี้?
ขณะที่ชายคนนั้นกำลังเปิดทางให้หญิงสาวเจ้าไป เขาก็ถูก หญิงสาวถลึงตาใส่อย่างดุร้าย
ดวงตาที่ไม่นับว่าดูดีคู่นั้น แฝงด้วยความโกรธ
ไม่รู้เหตุใด ชายคนนี้ถูกดวงตาคู่นั้นครอบงำอย่างจัง จากนั้น จึงลูกจมูกของตน ก่อนจะก้าวถอยหลังไปไม่กล้าเข้ามาขวาง
ซูหรูชื่อเก็บสายตากลับมา จากนั้นจึงมองไปยังชายหนุ่มที่ กำลังล้มลงกับพื้น
โต๊ะกลมและอาหารในห้องกระจัดกระจายออกไปเละเทะ ทั้ง ซุปและอาหารปนเปกันไปหมด รถเข็นสีน้ำเงินคว่ำลงอยู่ด้าน หนึ่งข้างโต๊ะ ชายร่างยักษ์หลายคนกำลังยืนอยู่หนาชายหนุ่มที่ ล้มลงอยู่กับพื้น นางมองไม่ชัดถึงหน้าตาของชายหนุ่มผู้นั้น
“ถอยไป!” นางขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์อย่าง
น้ำเสียงอ่อนนุ่มที่ดังขึ้นดูขัดกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างยิ่ง
เมื่อคนเหล่านั้นหันกลับมา ก็เห็นชัดว่าเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นกะลิ้มกะเหลี่ยขึ้นมาทันที
“โอ๊ะ ใครเป็นคนเรียกแม่นางผู้นี้มากัน?” ชายร่างใหญ่ในชุด เขียวซึ่งเป็นหัวหน้าเหล่ตาของเขา จากนั้นจึงเดินไปหาซหรูชื่อ ด้วยท่าทางหยาบกระด้าง
ซูหรูชื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ได้สนใจชายร่างใหญ่ แต่ กลับหันไปข้างๆ เล็กน้อย และมองข้ามไปยังข้างหลังเขา
ครั้งนี้เอง นางจึงค่อยเห็นชายที่ล้มลงอยู่บนพื้นอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มพยายามจะลุกขึ้นจากพื้น แต่ขาของเขากลับได้ เรี่ยวแรง อาศัยแรงพยุงจากรถเข็นก็ยังแทบไม่สามารถลุกขึ้นยืน ได้ หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง ผลคือเขากลับล้มลงไปครั้ง ท่าทางยากล่ามาก
ผมยาวราวกับน้ำหมึกของเขาตกลงไปกับพื้นและปิดกั้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาเอาไว้ แต่ใบหน้าอีกด้านหนึ่งที่เผยออก มากลับยังดูตื่นตะลึงน่าทึ่ง
คิ้วเฉียบคมและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนยังคงดูสงบนิ่ง แม้ใน กระทั่งตอนนี้ เขากลับไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธใดๆ ออกมา แม้แต่นิด ยังคงสงบนิ่งอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความเย็นชาเช่นเคย
ใช่ เป็นบุรุษในวันนั้น
บุรุษในชุดขาวราวกับหิมะ
เขาในตอนนี้ สวมชุดสีขาวเช่นเดิม แต่มันกลับเปื้อนไปด้วย
คราบซุปและอาหาร เขามองดูแล้วได้รับความลำบากอย่างยิ่ง อย่างไม่รู้สาเหตุ จู่ๆ ในใจของซูหรูชื่อก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาชั่ว
ชายชุดเขียวร่างใหญ่ผู้นั้นเมื่อเห็นว่าซูหรูชื่อไม่สนใจตนและ ไร้ปฏิกิริยาต่อการหยอกล้อใดๆ เขาก็ยิ่งโกรธขึ้นมา
“กล้าเดินข้างั้นหรือ?” ชายร่างใหญ่จ้องมอง กล้ามเนื้อบน ใบหน้าของเขาสั่นสะท้านด้วยความโมโห
“แล้วไง?” ซูหรูชื่อขมวดคิ้ว มุมปากยกขึ้นเกิดเป็นรอยยิ้มที่ดู
หยิ่งจองหอง คำพูดเต็มไปด้วยการยั่วยุ
นางยอมรับว่านางโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว
ชายร่างใหญ่เมื่อเห็นความหยิ่งผยองของนางก็ไม่สบอารมณ์ ขึ้นมาทันที
เขาถลึงตาใส่ จากนั้นจึงยกมือกวาดเข้าใส่ซูหรูชื่อ ซูหรูชื่อเลิกคิ้ว พร้อมจะโต้กลับ
แม้ว่าร่างกายนี้จะไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนชาติก่อน แต่ ในกระดูกของนางยังคงเป็นหน่วยพิเศษผู้ยอดเยี่ยมคนนั้น! นางยังไม่ลืมทักษะอันเฉียบคมไปแต่อย่างใด
ในขณะที่ซูหรูชื่อกำลังจะปล่อยหมัดออกไป ชายในชุดขาว ราวกับหิมะก็ล้มลงไปอย่างแรง!
มือที่กำลังโต๊ะของเขาพลันลื่นหลุดออกไปโดยไม่ทันระวัง ทั้งร่างของเขาล้มลงไปด้านหน้า ทั้งตัวล้มลงกับพื้นอย่างแรง อย่างทุลักทุเล น้ำแกงบนโต๊ะถูกเขาพลิกคว่ำจนสาดกระจายไป ทั่วพื้น ใบหน้าราวกับเซียนของเขาก็เปรอะเปื้อนไปด้วยนางแกง บนพื้น
เอวด้านข้างของเขากระแทกเข้ากับรถเข็น ความเจ็บปวด ทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
การเคลื่อนไหวเอะอะ ดึงดูดความสนใจของชายร่างยักษ์ชุด เขียวให้ย้ายมาที่เขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างสมกับเป็นเศษขยะจริง! ช่าง….ข้าพูดไม่ผิดเลย
สักนิด!”
ชายชุดเขียวเริ่มหัวเราะลั่น เมื่อเขาโพล่งคำว่าช่างออกมาก็ กลืนคำที่เหลืออย่างรวดเร็ว จนคนอื่นๆ ในห้องก็หัวเราะตามไป ด้วย
ชายหนุ่มชุดขาวไม่พูดจา เขาจับรถเข็นไว้ข้างหนึ่งอย่าง เงียบๆ และพยายามที่จะลุกขึ้นยืน ในช่วงเวลานี้เขาทำเพียงแค่ เหลือบมองไปที่ซูหรูชื่ออย่างเรียบๆ ช่วยนางแก้ไขสถานการณ์ รูปลักษณ์ที่ไม่แยแสของชายชุดขาวไม่มีท่าทางอับอายเลยแม้แต่น้อย ท่าทางของเขากลับยิ่งทำให้ผู้มาหาเรื่องยิ่งเกรี้ยว กราดมากขึ้น
“แม่งเอ๊ย! เจ้าขยะพิการไร้ประโยชน์คนหนึ่งถึงกับกล้าเป็น ข้า? คิดว่าข้าเอ้อหูเป็นใคร?” ชายชุดเขียวใช้สายตาโง่งมถูก แขนเสื้อขึ้น และเตรียมตัวจะลงมือกับชายชุดขาวที่ไร้เรี่ยวแรงจะ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ