เสด็จอา ข้าเป็นหวางเฟยของท่าน

บทที่10 สตรีดุร้าย



บทที่10 สตรีดุร้าย

ฮูหยินรองผู้นั้น อู๋ชื่อปัจจุบันนางเป็นถึงแม่ใหญ่ของตระกูลซู อีก ทั้งยังเป็นมารดาแท้ๆ ของซูหรูเสาและซูหรูเย็น เมื่อรู้ว่าตนไป ทำให้ลูกสาวของนางอุ่นเคือง ก็เลยแก้แค้นนางให้แทนบุตรีของ ตน

“คุณหนู!” หยินผิงมองไปที่หญิงสาวอย่างไม่เชื่อสายตา ด้วย นิสัยของนาง จะยอมตกลงขึ้นเกวียนวัวนี้ได้อย่างไร!

นี่บ่งบอกจริงๆ ว่าสตรีไร้ขีดจำกัดผู้นั้นสามารถทำเรื่องไร้ คุณธรรมจริยธรรมเช่นนี้ออกมาได้จริงๆ

นางเลิกคิ้ว จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปนั่งบนเกวียนตัวอย่างไม่ รักษาภาพลักษณ์ใดๆ

“คุณป้าคุณยาย เด็กๆ รู้จักยืดหยุ่นได้ไม่ใช่หรือ? อีกทั้งยังมี คนขับรถมาด้วย ขึ้นมาขึ้นมา อย่าได้พูดมาก”

ซูหรูชื่อดึงหยินผิงให้ขึ้นมาบนเกวียนด้วยกันสำเร็จ

คนรับใช้หลายคนประหลาดใจเล็กน้อย แต่เดิมพวกเขาคิดว่า หญิงสาวจะต้องสร้างปัญหาแน่ ไม่มีทางยอมตกลง แต่คิดไม่ถึง เลยว่าจะว่าง่ายขนาดนี้?

คนรับใช้หนุ่มกระโดดขึ้นรถ และเริ่มลากเกวียนหัว หลังจากวันนี้ไป เมืองหลวงย่อมมีหัวข้อข่าวใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว
คุณหนูสามตระกูลซูเข้าวังด้วยเกวียนหัว

จริง จริงหรือ —-

ช่างสุดยอดจริงๆ!

ช่างมีเอกลักษณ์!

ช่างอิสระไร้ขอบเขต

จากเดิมที่เวลาก็กระชั้นชิด หากเป็นรถม้าก็ยังต้องใช้เวลา เกือบชั่วยาม นับประสาอะไรกับเกวียนวัว ดังนั้นพวกนางจึงใช้ เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อไปยังวังหลวง

เมื่อมาถึงประตูวัง กลับมีทหารยามไม่ยอมเปิดทาง พวกเขา กล่าวว่าเกวียนวัวนั้นทำให้เสียภาพลักษณ์ และห้ามไม่ให้พวก นางเข้าไป และอนุญาตให้แค่ซูหรูชื่อและหยินผิงเท่านั้นที่เข้าไป ได้

หลังจากเข้าไปในวัง ซูหรูชื่อก็ถอนหายใจออกมาเพราะความ โอ่อ่าของมัน จากนั้นจึงเดินตามนางกำนัลเข้าไปยังสวนของ ราชวงศ์ที่จัดงานชมดอกไม้ขึ้น

ไม่รู้เช่นกันว่านางกำนัลตั้งใจพาพวกนางเดินอ้อมโดยเจตนา หรือระยะทางของมันไกลจริงๆ พวกนางเดินอยู่นานครึ่งชั่วยาม จึงค่อยมาถึงสวนหลวง

“คุณหนูสามตระกูลซูจากนี้ไปพวกท่านเข้าไปด้วยตนเองเถอะ ข้าน้อยมิอาจเข้าไปได้” นางกำนัลทางตัวน้อยย่อตัวคำนับ ท่าทางสุภาพอย่างยิ่ง แต่ชูหรูชื่อกลับไม่พลาดสายตาดูถูกของนาง

ซูหรูชื่อไม่ได้โกรธอะไร นางเดินเข้าไปพร้อมหยินผิง แต่หยิน

ผิงกลับถูกขวางเอาไว้ บอกว่าสาวใช้ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตาม เข้าไป หยินผิงถูกนำไปยังสถานที่ที่มีกลุ่มสาวใช้รออยู่ ในขณะที่หรู

ชื่อเชิดหน้าเดินเข้างานไป

“อุ๊ย! พี่สามมาถึงแล้ว!” ซูหรูเย็นราวกับจ้องมองไปที่ทางเข้า ตลอดเวลา เมื่อเห็นเงาร่างของซูหรูชื่อ นางก็ร้องอุทานเสียงต่ำ ขึ้นมาทันที

แม้ว่าเสียงจะเบา แต่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบกลับ สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้สำเร็จ

ทันใดนั้น สายตาของผู้คนหลายร้อยคนในสวนหลวง ก็มอง

ไปที่ทางเข้า

เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือน ทุกคนในงานก็แทบหยุด หายใจ

“ไอ้หย่า อัปลักษณ์จากที่ใดกัน?”

“อะไร? นี่คือคุณหนูสามตระกูลซู ซูหรูชื่อ?”

“โอ้ สตรีที่ถูกอ๋องสี่หย่าร้าง ใช่หรือไม่? ”

“จุ๊จุ๊ กล้ามางานชมดอกไม้ได้อย่างไรกัน? ”
“ตอนนี้งานดำเนินไปเป็นชั่วโมงแล้ว! นางกล้ามาสายขนาดนี้ ได้อย่างไร?”

เพียงชั่วครู่ งานชมดอกไม้อันแสนเงียบสงบก็เกิดเสียงพูดคุย กันมากมายดังขึ้น

ความปั่นป่วนดังกล่าว ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านบนสุด เคลื่อน สายตามายังนาง รวมไปถึง บุรุษหลายคนที่อยู่ทางซ้ายของ ฮ่องเต้

บุรุษชุดขาวที่อยู่ในตำแหน่งแรกทางซ้ายหันมองไปที่สตรีชุด แดง แต่เมื่อแววตาแฝงยิ้มปรากฏขึ้น เขาก็เก็บสายตากลับมา ทันที

ซูหรูซื่อ ไม่รู้ว่าวันนี้ เจ้าจะมีอะไรน่าสนใจมาให้ข้าอีก? ไม่รู้ว่า เมื่อเจ้ารู้สถานะของข้าแล้ว เจ้าจะมีท่าทีเช่นไร?

จู่ๆ เขาก็อยากรู้อย่างยิ่ง

ชายชุดขาว ก็คืออนุชาเพียงคนเดียวของฮ่องเต้ที่อยู่ในเมือง หลวง อ๋องเก้า ซือหม่ายวน

ถัดจากซือหม่ายวน ก็คือรัชทายาทองค์ปัจจุบัน ซือหม่าหย เขากันไปมองยังสตรีที่กำลังตกเป็นเป้าสายตา ดวงตาไม่มี ท่าที่ดูแคลนและทำเพียงแค่มองอย่างเรียบเฉย ไม่ใส่ใจ

หนึ่งในนั้น กลับเต็มไปด้วยการดูถูก เมื่อมองไปที่หญิงม่ายนั่น ซือหม่าซิ่นก็โกรธขึ้นมา
คิดถึงวันนั้น สตรีอัปลักษณ์ผู้กล้าโยนหนังสือหย่าร้างใส่ตน ทําให้เขาเสียหน้า จนโมโหอย่างยิ่ง

ช่างสมเป็นสตรีอัปลักษณ์ เห็นวันนี้ เขาจะต้องสั่งสอนนาง สักหน่อย!

ซูหรูชื่อมองไปยังสิ่งที่ถูกเรียกว่า “คนชั้นสูง” ในสมัยโบราณ เหล่านี้อย่างไม่เกรงกลัว นางไม่ใส่ใจคำพูดไม่น่าฟังของพวกเขา และเดินเข้าไปยังเบื้องล่างหน้าฮ่องเต้ด้วยท่าทางสง่างาม

นางทําตามมารยาทของวังหลวง คุกเข่าลงถวายบังคม

หน้าตาอัปลักษณ์ไม่มีท่าที่น่าเกลียด แต่กลับเป็นไปอย่างสงบนิ่ง

“หม่อมฉัน ซูหรูชื่อ ถวายบังคมฝ่าบาท

ถึงจะกำลังคุกเข่าลง แต่ศีรษะกลับเงิบขึ้นและมองไปที่ฮ่องเต้ ในชุดคลุมมังกรสีเหลืองสดใสอย่างไม่

น้ำเสียงของนางชัดกังวาน อีกทั้งยังสงบนิ่งอย่างยิ่ง ประโยค นี้ ทำให้ผู้คนที่กำลังถกเถียงกันหยุดลงมา และค่อยๆ เงยหน้า ขึ้นมองบุรุษที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด – ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซือหม่า หง

ซือหม่าหงกลับไม่ได้สั่งให้ซูหรูชื่อลุกขึ้นทันที สีหน้าของเขายัง คงเคร่งขรึมจริงจังเช่นเดิม และนิ่งเงียบไม่พูดจา

เพียงครู่เดียว บรรยากาศที่บีบคั้นทำให้ทุกคนในงานเกิด ความคิดอยากชมละครตรงหน้าขึ้นมา เห็นท่าทีของฮ่องเต้แล้ว ดู ท่าซูหรูซื่อจะต้องได้รับโทษแน่แล้ว
งานชมดอกไม้ประจำปี! ฮ่องเต้และฮองเฮาล้วนเข้าร่วมงาน ถือดีอย่างไรจึงมาช้า! อีกทั้งยังช้าไปถึงหนึ่งชั่วโมง

ช่าง ช่างกล้าอะไรเช่นนี้

ในเวลานี้ แม่ลูกตระกูลซูกำลังสบตากัน สีหน้าราวกับกำลัง ชมละครฉากเด็ดฉากหนึ่ง

จบแล้ว พวกนางไม่จำเป็นต้องเติมเชื้อไฟอะไรหรอ แค่ให้ ฮ่องเต้ลากสตรีอัปลักษณ์นางนี้ออกมาฆ่าก็พอแล้ว

สีหน้าของซือหม่าหงเย็นซาเคร่งขรึม แต่กลับทำให้คนไม่ สามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไร บรรยากาศเต็มไปด้วยความ กดดัน ในเวลานี้หากเป็นสตรีธรรมดาทั่วไปคงต้องเกรงกลัว ตกใจจนมือเท้าอ่อนแน่

แต่ซูหรูชื่อเป็นใครกัน นางคือหัวหน้าสายลับแห่งศตวรรษที่ 21!

หัวหน้าสายลับที่เป็นที่สุดแห่งความอัจฉริยะ!

ไม่ใช่แค่ฮ่องเต้ผู้ไร้เดียงสาแห่งประเทศหยุนหยิ่ง! แม้แต่ ประธานาธิบดีจีนนางก็ไม่เคยเกรงกลัว หัวหน้ามาเฟียนางยัง ลอบสังหาร! เจ้าพ่อยาเสพติดข้ามชาติทั้งหมดล้วนตายด้วย น้ำมือของนาง!

ก็แค่ตาแก่คนหนึ่ง! กล้าวางฟอร์มต่อหน้านาง หากข้าไม่สบ อารมณ์ขึ้นมา ก็แค่ฆ่าเจ้าเท่านั้น!

แน่นอนว่า แม้ในใจของนางจะคิดอย่างนั้น แต่สีหน้ากลับไม่ได้แสดงอะไรทั้งสิ้น นางยังคงนิ่งสงบ ราวกับว่าต่อให้ภูเขาไ ซานถล่มลงมาก็ยังไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

สีหน้าของซูหรูชื่อไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย นางยังคงมองไปที่ ซือหม่าหงอย่างสงบ

นี่คือบุรุษสไตล์ฮ่องเต้

แม้ว่าจะผ่านมานานกว่าครึ่งทศวรรษแล้ว ขมับทั้งสองข้าง เปลี่ยนเป็นสีขาว ใบหน้าเปื้อนไปด้วยประสบการณ์ผันผวนของ ชีวิต แต่ดวงตากลับยังคงสดใสและเต็มไปด้วยพลัง

ร่างกายที่บึกบึนและใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวมองออกไม่ยากถึงตัว ตนของในวัยเยาว์ ฮ่องเต้ ในสังคมศักดินาโบราณ บุรุษที่ดูแลชีวิตของประชาชน

ทั้งประเทศ และเป็นผู้ชายที่มีอำนาจสูงสุด

ซูหรูชื่อกำลังมองดูเขาที่ราวกับคนที่มีทั้งกำลังและอำนาจใน มือ และเข้าใจได้ทันทีว่า เหตุใดบูเช็คเทียนถึงอยากเป็นฮ่องเต้

ซือหม่าหงและซูหรูชื่อสงบนิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะ

สงบ

“ซูหรูชื่อ เจ้ากล้ามาช้าได้อย่างไร ยังไม่รับผิดกับองค์ฮ่องเต้ และฮองเฮาอีก?”

ใบหน้าที่งดงามของชื่อในเวลานี้แฝงด้วยความเกลียดชังจน เข้ากระดูก ราวกับบุตรสาวผู้นี้ของตนรังแต่พามาซึ่งความปวด หัวแก่นางอย่างยิ่ง
รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของซูหรูเย็น ช่างสงบไม่ลงจริงๆ เลย ท่านแม่รอง….

แน่นอนว่า ทันทีที่อู่ชื่อเอ่ยปาก ซือหม่าหงก็จ้องมองไปที่นาง อย่างไม่สบอารมณ์รุนแรงจนทำให้นางตัวสั่นหน้าเสีย แข้ง ขาอ่อนแรงจนต้องคุกเข่าลงไป

“หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันมีความผิด! ฝ่าบาทได้โปรด ลงโทษ!” ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าตนทำผิดอะไร แต่ขอแค่ฮ่องเต้ ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ตนย่อมมีความผิดแน่!”

“ฮูหยินซูรู้เช่นนั้นหรือ ว่าเจ้าทำผิดอะไร?” ซือหม่าหงเอ่ยเสียง ต่ำ และแฝงด้วยความน่าเกรงขามจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว

คำถามนี้ ทำเอาชื่อหน้าเสียทันที

“กราบทูลฝ่าบาท หม่อมฉัน…..หม่อมฉันไม่ควรไม่ควร…. แม้ว่าอู๋ซื่อจะเป็นหญิงที่มีบุตรีถึงสองคนแล้ว นางกลับดูแลตัวเอง เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ใบหน้าที่สวยงามของนางกำลังเหี่ยวย่น เป็นก้อน เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของซือหม่าหงนางกลับไม่ สามารถตอบมันได้

นางยิ่งพูดยิ่งลนลานมากขึ้น จนเหงื่อจากหน้าผากของนาง ไหลหยดลงมา จากนั้นก็ดูเหมือนว่าตนจะนึกไม่ออกว่าตัวเองก่อ ความผิดอะไร ได้แต่ก้มหัวลง ท่าทางราวกับกำลังรับผิด

“ฝ่าบาท… ดวงตาของซูหรูเสาหันมา นางต้องการพูดอะไร บางอย่างเพื่อแก้ไขความผิดให้กับมารดาตนแต่ทันทีที่นางจะเอ่ยปาก ซูหรูชื่อกลับขัดจังหวะขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ