เสด็จอา ข้าเป็นหวางเฟยของท่าน

บทที่ 11 หญิงงามที่สุดยอด (ต้น)



บทที่ 11 หญิงงามที่สุดยอด (ต้น)

“ฮ่องเต้ โปรดให้อภัยที่หม่อมฉันขัดจังหวะการพูดคุยของ พระองค์กับแม่รอง”ซูหรูชื่อเปิดปากพูดขึ้นกะทันหัน เป็นอีกครั้งที่ ดึงดูดสายตาของทุกคนมายังร่างของเธอ

ซือหม่าหงเงียบขรึมไม่พูดจา เห็นได้ชัดว่ายินยอมที่จะให้ซูหรู ชื่อพูดต่อไป

“ที่แม่รองสำนึกผิด เพราะรู้ว่าวันนี้เป็นวันงานชมดอกไม้ แต่ เพิ่งจะบอกกับหม่อมฉันตอนยามเฉิน ที่แม่รองสำนึกผิด ก็เพราะ กังวลว่าหม่อมฉันคนเดียวจะทำให้ติดพันกันไปทั้งตระกูลซู จึงได้ เข้าวังมาก่อน ที่แม่รองสำนึกผิด เพราะไม่กล้าที่จะหาข้อโต้แย้ง เพื่อปกป้องหม่อมฉันต่อใต้อำนาจของฝ่าบาท เพราะกังวลว่า หม่อมฉันจะได้รับการลงโทษจึงได้บังอาจพูดส่งเดชไป”

ซูหรู อพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ พูดอย่างชัดเจนถึงความผิด แต่ละอย่างของแม่รองคนนี้ แต่ใบหน้ากลับไม่มีแววของการฟ้อง ร้องกล่าวโทษเลยสักนิด กลับกันดูเหมือนราวกับเป็นลูกสาวที่ กตัญญูยิ่งนัก นางไม่ได้หยุดลง ยังคงพูดต่อไปว่า

“หม่อมฉันหวังว่าแม่รองจะไม่โทษตัวเอง เป็นเพราะปกติแล้ว มีความรู้สึกถึงการมีตัวตนของข้าต่ำมากไปเช่นนี้เอง จึงทำให้แม่ รองหลงลืมข้าไปอย่างไม่ระวังตัว เรื่องที่แม่รองเพิ่งจะบอกข้า เรื่องของงานชมดอกไม้ในวันนี้ไม่ได้เป็นความผิดของแม่รอง และถึงแม้แม่รองจะมาที่งานกับพี่รองและน้องสี่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเหลือเกวียนไว้เพื่อส่งหม่อมฉันตามมา อีกอย่างที่ บังอาจเสียมารยาทพูดออกไป ก็เพราะแม่รองเป็นห่วงหม่อมฉัน จึงได้ร้อนใจเช่นนี้”

ใบหน้าของซูหรูชื่อเต็มไปด้วยการอ้อนวอน ความห่วงกังวล นั้นไม่เสแสร้งเลยสักนิด ทำให้คนรู้สึกลวงตาว่านางกำลังโต้ แย้งเพื่อปกป้องแม่รองจริงๆ

แต่ที่จริงแล้วก็ใช่ นางดูเหมือนกำลังทำเรื่องขอความเห็นใจ แต่ก็เผยจุดเสียของฮูหยินตระกูลซูออกมาจนหมด

เห็นสีหน้า ชื่อที่ค่อยๆขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้ได้ว่าที่ซูหรูชื่อพูด นั้นไม่เป็นเท็จ

ซือหม่าหงฟังที่ซูหรูชื่อพูดทีละคำ ความเย็นซาบนใบหน้า ค่อยๆคลายลง นัยน์ตากลับมีรอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้น

คนที่เคยเป็นลูกสะใภ้ของเขาคนนี้ เขาเพิ่งจะค้นพบว่า ช่างน่า สนใจยิ่งนัก ตอนที่อยู่พระตำหนักในหลวน มองเจ้าสี่ปลดนาง ออก ได้ยินว่าหลังจากพยายามฆ่าตัวตายแล้วเหมือนเปลี่ยนเป็น คนใหม่ วันนี้ดูแล้ว น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ปากของนาง ช่างฉลาดพูดเสียจริง

ระหว่างคำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้ตนเองที่กำลังถูกกดขี่ กลายเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์กตัญญูไปได้

มีหัวใจปราดเปรื่องถึงเช่นนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ

“ลุกขึ้นทั้งหมดเถอะ”ซือหม่าหงผ่อนคลายไปทั้งร่าง เหลือบตาขึ้นอย่างเกียจคร้านมองไปยังซูหรูชื่อ นับว่าให้อภัยนางและซื่อ แล้ว

ซูหรูชื่อพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งลงข้างซูหรูเสาและซู หรูเย็น สำหรับสายตาอ่ามหิตที่สามแม่ลูกตระกูลซูส่งมา ทำ ราวกับมองไม่เห็น

“คิดไม่ถึงจริงๆ ที่แท้จวนตระกูลซูเหลือรถม้าเพียงคนเดียว”

คำพูดแปลกใจและติดตลกดังขึ้น ในน้ำเสียงของชายหนุ่ม เป็นคำถามที่ปนความแปลกใจว่าตระกูลซูมีรถม้าเพียงคนเดียว จริงหรือ และมีแววเยาะเย้ยอย่างชัดเจนอยู่หลายส่วน

“พี่จะเป็นไปได้อย่างไร แต่ว่า ทำไมจึงใช้เกวียน…….

เสียงนี้….รู้สึกคุ้นหูอยู่บ้าง

ซูหรูชื่อเหลือบตาขึ้น มองหาผู้ชายที่พูดคำพูดนี้

สายตาของนางจรดอยู่ที่ร่างของชายหนุ่มที่พูด เพียงแวบ เดียว แล้วก็ละสายตาออกไปอย่างดูถูก ชายคนนั้นก็คือซือหม่า ซิ่นที่ไร้มนุษยธรรม

ที่เรียกว่าอดีตสามี

พูดให้ถูกก็คือ เป็นสามีที่ถูกทิ้งของนาง

พอสายตาเลื่อนออกไป ก็ไปหยุดอยู่ที่ตำแหน่งที่ห่างออกไป หนึ่งที่นั่งของซือหม่าซิ่นบนร่างของชายชุดขาว

คนคนนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นที่ทำจากเงิน ยังคงสวมชุดสีขาวราวกับหิมะ ใบหน้าดูดีมีความขาวซีดของการเป็นโรคอยู่หลาย ส่วน แต่กลับไม่ได้ทำลายความหล่อเหลาของเขาลงเลยสักนิด นัยน์ตาสีชามีแสงแวววาวเคลื่อนไหว ตอนนี้เองเจ้าของนัยน์ตาคู่ นั้น ก็กำลังมองมาที่นาง

ที่แท้ สถานะก็ไม่ธรรมดา

ชายที่สามารถนั่งอยู่ตรงตำแหน่งนี้ได้ นอกจากรัชทายาทองค์ ปัจจุบัน ก็มีแต่เสด็จอาเก้า อ๋องฉัน ซือหม่ายวน

ตั้งแต่วันนั้นที่ซูหรูชื่อได้ยินเว่ยสเรียกเขาว่าท่านเก้า ก็มี ความรู้สึกสงสัย วันนี้เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น ก็แน่ใจในสถานะของ เขา

อ๋องฉันซือหมายวนใช่หรือไม่

สายตาของซูหรูชื่อมีเพียงแววของรอยยิ้มพาดผ่านเท่านั้น และไม่ได้มีปฏิกิริยาอื่นๆอีกเลย

ทำไม อยากเห็นนางมีปฏิกิริยาอย่างไร

เห็นท่าที่ราวกับผิดหวังของซือหม่ายวน ซูหรูชื่อก็เลิกคิ้วไป ทางเขา ราวกับต้องการพูดว่า “ท่านผิดหวังหรือ

ซือหม่ายวนรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างจริง คิดว่าจะสามารถเห็นท่าที ที่น่าสนใจของหญิงสาวคนนี้บ้าง คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้จะทำ หน้าราวกับเข้าใจตั้งแต่แรกแล้วอย่างไรอย่างนั้น

แต่เขาเชื่อว่า ก่อนหน้านี้นางคงไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเขา
นางไม่รู้เรื่องอะไรของเขาเลย ไม่ได้เป็นการเสแสร้ง และหากรู้ ว่าเขาเป็นอ๋องเก้าเช่นตอนนี้ เช่นนั้นนางคงไม่ทำเรื่องอย่างนั้น

นึกถึงตอนที่นางมีแต่ความเอาแต่ใจและหยิ่งผยองตอนที่อยู่

โรงเตี๊ยม นัยน์ตาของซื้อหมายวนก็มีแววขัน

แต่แวววันนี้ก็เพียงแค่วาบผ่านไป ทำให้คนไม่สามารถจับได้ สุดท้ายก็หายวับไปในพริบตา

ซูหรูชื่อทำท่าปาก ในใจเสียงเย็น ดูทำท่าเข้า คิดอยากจะ อวดว่าตนเป็นถึงอ๋องเก้าองค์ปัจจุบัน จากนั้นจะดูว่าข้าจะมีทีท่า ตื่นตกใจขนาดไหนอย่างนั้นหรือ จากนั้นก็รู้สึกเสียใจภายหลัง อย่างน่าอนาถกับการกระทำในวันนั้นของตนเองหรือ

ไม่ ในพจนานุกรมของซูหรูชื่อ ไม่เคยมีคำว่าเสียใจภายหลัง

แววตาของทั้งสองมีการตอบโต้กันเล็กน้อย ผู้คนเหมือนจะ ไม่ทันสังเกตเห็น

กลับเป็นชื่อที่ได้ยินซือหม่าซิ่นพูดขึ้น ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ ที่ไหน

นี่เขารู้อยู่เต็มอกยังแสร้งถาม

เป็นถึงตระกูลซู แม้ว่าตอนนี้ซูเฉิงเสียงจะถูกฮ่องเต้สงสัยอยู่ บ้าง แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นตระกูลซู จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมี รถม้าเพียงแค่คันเดียว นี่ท่านอ๋องสีและองค์ชายหกเห็นได้ชัดว่า กําลังทําให้นางอับอาย

ล้วนเป็นความผิดของซูหรูชื่อที่น่าตายคนนี้
อู๋ อโกรธจนกัดฟันกรอด เกลียดจนอยากจะตบหน้าของซูหรู ชื่อที่น่าเกลียดสองสามที่

คนน่าเกลียดมักก่อปัญหา

แม้ว่านางจะโกรธจนกัดฟัน แต่ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้ม ใครใช้ให้ท่านพี่ช่วงนี้ไม่ค่อยอยู่เล่า แม้ว่านางจะเป็นแค่หญิงคน หนึ่ง แต่ก็ไม่อาจจะให้ตระกูลซูเสียหน้าได้

“ท่านอ๋องสี่กับองค์ชายหกเห็นเป็นเรื่องขึ้นแล้ว นั่นเป็นเพราะ ว่าเมื่อวานคนรับใช้ที่เลี้ยงม้าเลี้ยงอาหารผิดไป จึงทำให้ต้อง เกวียนมาอย่างเห็นใจเช่นนี้

ใบหน้าของอู่ซอยิ้มอย่างดูดี นางคงไม่โง่ที่จะปฏิเสธคำพูด ของซูหรูซื่อ เรื่องที่นางนั่งเกวียนมา แน่นอนว่าต้องรู้กันทั้งเมือง หากยังไปเถียงข้างๆคูๆ ในเรื่องนี้ เช่นนั้นนางคงจะโง่ไปแล้ว จริงๆ

“เจ้าคนรับใช้คนนั้นไม่ได้เรื่องเช่นนี้ ทำเอาคุณหนูสามแห่ง ตระกูลซูต้องนั่งเกวียนมา ใช้ไม่ได้จริงๆ “ซือหม่าซิ่นพูดออกไป อย่างนั้นเอง แต่กลับทำร้ายคนรับใช้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย

“อ๋องสี่พูดได้ถูกต้อง หม่อมฉันกลับไปต้องลงโทษเจ้าคนรับใช้ นั่นให้หนัก แล้วรีบไล่ออกจากจวนไป”ตอนนี้ ชื่อผลักความผิด ทั้งหมดไปให้คนรับใช้ เพื่อปกป้องตัวเอง ไม่สนใจว่าใครจะเป็น จะตาย ก็แค่บ่าวรับใช้ผู้ต่ำต้อยเท่านั้น

หลังจากชื่อกลับไปแล้ว แน่นอนว่าต้องลงโทษโดยคนรับใช้ คนนั้นอย่างหนักจริงๆ การตีครั้งนี้ หนักหนาสาหัสจนคนรับใช้นั้นพิการตลอดชีวิต

และแน่นอน เรื่องนี้พูด

คุณหนูสามแห่งตระกูลต้องฆ่าตาย ขอร้องคุณหนูสาม ยังไงปล่อยวางซะ บ้าง”

ซือหม่าซิ่นทำท่าที่โน้มน้าวอย่างจริงใจ ออกมาจากปากซูหรูเย็นอย่างไม่ตั้งใจ

ฆ่าตัวตายหรูชื่อที่ตัวเอง หน้าเต็มไปด้วยความมึนงง

นาง เพื่อผู้ชาย ทรามคนนี้ เคยฆ่าตัวตาย

เมื่อไหร่ทําไมนางไม่ได้

ซูหรูเย็นได้ยิน อารมณ์เสียจนเกือบจะกัดลิ้นตัวเองขาดไปตอนส่งเดช ใครจะคิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อหน้าคนมากมาย เช่น

ซูหรูซื่อ หากเจ้ากล้าปฏิเสธข้าไม่อภัยเด็ดขาด”หรู เย็นใช้มือกระทุ้งหรูกดเสียงลงน้ำเสียงแฝงแววเตือนภัย แท้เป็นเช่นนี้เอง

หรูชื่อมองนางอย่างน่าสนใจแวบหนึ่ง เห็นท่าร้อนรนของ หญิงคนคนนั้นนี่เอง

ซูหรูซื่อฉายาให้กับซือหม่าซิ่นในพริบตา
มุมปากนางหยักขึ้น ไม่สนใจหญิงข้างตัวที่ใช้แขนกระทั่งจน เอวนางแทบจะแล้ว เปิดปากเอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้ไม่ชี้ว่า “ท่าน อ๋องสี่เข้าใจผิดอะไรแล้วกระมัง หม่อมฉันไม่เคยเสียใจมาก่อน เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านอ๋องสี่จริงๆ

ใช่ ขอบคุณ ขอบคุณเจ้าทั้งตระกูล

คำพูดของซูหรูชื่อ อีกครั้งที่ดึงดูดสายตาหลายร้อยคู่ให้ สังเกต

ผู้คน ต่างก็ชอบนินทา

ก่อนหน้านี้เรื่องที่เกี่ยวกับการทิ้งสามีและการทิ้งภรรยาเป็นที่

โจษจันไปทั่วทั้งเมืองหลวง ใครบ้างไม่รู้ ทุกคนต่างก็สนใจอยาก

รู้ว่าที่แท้เป็นใครทิ้งใครกันแน่ ตอนนี้พระนางทั้งสองของเรื่องต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว คงมีเรื่องสนุก

ให้ดูแน่

ซือหม่าซิ่นมุมปากกระตุก ไม่พอใจในคำพูดของหญิงสาวที่อยู่ ตรงข้ามเป็นอย่างมาก

หญิงคนนี้กำลังบอกเขาว่า ไปจากเขาเป็นเรื่องที่ควรขอบคุณ ฟ้าขอบคุณสวรรค์อย่างนั้นหรือ

เขาเป็นถึงอ๋องสี่ จะให้ซูหรูชื่อที่น่าเกลียดมาทำให้เสียหายได้ อย่างไร แต่ไหนแต่ไรซือหม่าซิ่นที่มั่นใจในตนเองไม่เคยยอมให้ หญิงใดดูแคลนมาก่อน เขายินยอมที่จะเชื่อว่า หญิงคนนี้ปากไม่ ตรงกับใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ