บทที่ 62 ชอบก็พูดมาตรงๆ ทำไมต้องขโมยล่ะ
ญาณินได้เติบโตมาอย่างค่อนข้างที่จะไร้เดียงสา ถึงแม้ว่าเธอ นั้นมีอุบายเจ้าเล่ห์ แต่น้อยมากที่จะใช้
แต่ว่าไพลินไม่เหมือนกัน เธอนั้นได้ในบ่ายขึ้นมาจะจุดที่มันต่ำ ที่สุด ก้าวแต่ละก้าว ทางที่เดินขึ้นตำแหน่งนั้นอันตรายมาก วันนี้ ก็แค่วางแผนทำลายผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับเธอแล้วเป็นเรื่องง่า ยมากๆ
ในการวางแผนที่รอบคอบของไพลิน ญาณินก็ยังกังวลเหมือน เดิม
เธอได้ถามอย่างลังเล “ฉันไม่ได้เป็นเพราะทำใจลงมือไม่ได้นะ แต่ว่าทำเรื่องพวกนี้ต่อหน้าวิน เขาที่ฉลาดขนาดนั้น…….ฉันกลัว ว่าเขาจะมองออก
ไพลินทำได้แค่ปลอบเธอว่า “ถึงตอนนั้นคนที่เกิดเรื่องคือคุณ ด้วยความรีบร้อนคุณชายมีแต่จะเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ แล้วก็ลูก ต่อให้คนที่ฉลาดหลักแหลมขนาดไหน ก็ต้องมีตอนที่ ร้อนใจไม่ทันคิดอยู่บ้าง
ญาณินได้ยินก็ยังมีสีหน้าที่ลำบากใจเหมือนเดิม ไพลินกลับ ไม่มีสีหน้าอะไรก็ได้พูดออกไปว่า “ไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็มีความ เสี่ยงทั้งนั้น ฉันไม่มีทางที่จะรับประกันได้ว่าคุณนายจะสำเร็จ แน่นอน แต่ โอกาสที่จะกำจัดธิชาในคราวนี้นั้นหามาได้ยา กมากๆ ถ้าเกิดใจอ่อนไม่ทำแล้วพลาดโอกาสไป เรื่องในอนาคต…….ฉันไม่มีทางที่จะคาดเดาได้แล้ว”
วันนี้หลังบ่าย ธิชาได้รับสายสายหนึ่ง รู้ว่าอาการของเพียงว นทร์ ไม่ดี ก็ได้รีบออกจากบ้านไปเยี่ยมดูเธอ
เธอออกมาจากห้องนอนแล้วเดินไปที่ทางเลี้ยวลงบันได พึ่ง เดินไปไม่กี่ก้าว ก็เห็นญาณินที่ได้ท้องสี่เดือนเดินเข้ามา
สีหน้าของญาณินได้โมโห รอบตัวก็ได้เต็มไปด้วยกลิ่นอาย ความโกรธที่กดไม่ได้
ธิซารู้สึกว่ามันไม่ปกติเล็กน้อย ก็ได้ยืนติดกับราวบันได อยาก ที่จะอ้อมเธอไป
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าญาณินได้ก้าวมา ร่างกายก็ได้ขวางตรง หน้าธิชา ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ แล้วก็ได้พูดอะไร แปลกๆออกมา “เห็นฉันแล้วก็หนี? ทำไมทำผิดมาเหรอ ถึงมี
ในใจของธิชาได้หงุดหงิด
เธอไม่อยากที่จะมีความขัดแย้งกับญาณินต่อหน้า แต่ว่าเธอ นั้นรู้จักนิสัยของญาณิน ยิ่งตอนที่เธอมาหาเรื่องนั้น ตัวเองยอม ถอยแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไร
ซาก็ได้เถียงกลับอย่างเย็นชา “ฉันอยู่ของฉันดีๆ จะไปมีพิรุธ อะไร พี่สะใภ้ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอะไรสำคัญก็ช่วยหลีกหน่อยค่ะ ฉัน มีธุระด่วนต้องออกไป
ญาณินไม่เพียงไม่หลีกทางให้เธอ แต่กลับได้คว้าเธออย่างน่า เกรงขาม ก็ได้พูดเหยียดหยามออกทีละคำว่า “เดิมคิดว่า ร่างกายเธอแค่แรกเท่านั้น ควบคุมอารมณ์ความอยากของ ร่างกายตัวเองไม่ได้ ไม่ได้ไปอ่อยผู้ชายวันหนึ่งก็ไม่สบายตัว แต่ ก็คิดไม่ถึงว่าเธอที่อย่างน้อยก็ได้เกิดมาในตระกูลผู้ดี ถึงแม้ว่า เป็นตัวภาระ แต่ว่าตระกูลธนาภูวนัตถ์ก็ไม่ได้ทำให้เธออดอยาก จริงไหม? โตแล้วก็ยังมีนิสัยที่ไม่ดีแบบนี้ ถ้าเรื่องหลุดออกไป เกรงว่าต้องทำให้ตระกูลธนาภูวนัตถ์ขายหน้า
คำพูดประชดครึ่งประโยชน์แรกธิชาก็ได้ฟังจนชินไปตั้งนาน แล้ว เพราะงั้นก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบอะไรมาก
แต่ว่าคำพูดครึ่งประโยชน์หลังของญาณินแปลกมากๆ ธิชา ก็ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้ “เธอหมายความว่าอะไร มี อะไรก็พูดออกมาตรงๆ ไม่ต้องทำตัวแปลกๆ”
“นี่ก็ไม่มีคนนอก เธอก็ไม่ต้องทําเป็นคนดีได้ไหม ขโมยแหวน เพชรเม็ดใหญ่ของฉันไป นี่ได้เตรียมที่จะเอาไปขายหรือว่าแอบ เก็บไปสวมใส่เองในห้องนะ? ธิชา ไม่ใช่ว่าฉันใจแคบ เธอถูกใจ ของของฉัน ถ้าเกิดอยากได้ก็เปิดปากขอมาตรงๆ ก็พอ ทําไม ต้องขโมยล่ะ พูดออกมาไม่แน่ฉันก็ยกให้เธอ
เสียงที่ดังของญาณินก็ได้ดึงดูดคนใช้ที่ทำงานตรงชั้นหนึ่ง พวกเขาแต่ละคนก็ได้ยกหูฟังพวกเขาสองคนทะเลาะกับอย่างอด ไม่อยู่ แต่ว่าก็ไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนเท่านั้น แต่เป็นการ แกล้งทําเป็นทํางาน
สีหน้าของธิชายิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่
ถ้าเกิดว่าญาณินได้พูดว่าเธอเหมือนทุกวันนั้น ธิชาก็ขี้เกียจที่ จะมีเรื่องกับเธอ
ในใจของเธอก็ได้เห็นใจญาณินอยู่ตลอด เธอรักคนที่ไม่ สมควรรักคนหนึ่ง ไม่มีทางที่จะได้ความจริงใจของธาวิน แต่ว่า ตัวเองกับธาวินนั้นได้มี……..ความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติจริงๆ ญาณิน สึกไม่พอใจก็เป็นเรื่องปกติ เธอจะพูดด่าว่าออกมา ธิชาก็ทำเป็น ไม่ได้ยิน
แต่ว่าอยู่ๆ ก็ได้มาใส่ร้ายแบบนี้นี่เป็นครั้งแรก
ธิชาก็ได้จ้องตาเธออย่างไม่เกรงกลัว “แหวนเพชรอะไร ของ หายแล้วก็มาใส่ร้ายฉันอย่างไม่มีหลักฐานแบบนี้ได้เหรอ? อย่าง น้อยก็ได้รู้จักมาเกือบสิบปี เธอคิดว่าฉันอยากได้เครื่องประดับ อันนี้ของเธอเหรอ?!”
คนใช้ชั้นล่างที่ได้ฟังก็ได้ฟังเงียบๆ ไม่กล้าที่จะพูดแทรก กลัว ว่าตัวเองจะหาเรื่องใส่ตัว
ป้าฉันนั่นดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ก็ได้พูดตะโกนออกไปอย่างกด อารมณ์ไว้ว่า “คุณญาณินถ้าของหาย ก็หาให้ดีๆ ดีกว่านะคะ คุณ หนูของพวกเราไม่ได้ชอบพวกเครื่องเงินเพชรพลอยมาตั้งแต่เล็ก เธอไม่มีทางที่จะขโมยของของคุณหรอกค่ะ”
ญาณินก็ได้เยาะเย้ย “เครื่องเพชรพลอยธรรมดาคุณหนูใหญ่ ของตระกูลธนาภูวนัตถ์ของพวกเธอไม่มีทางที่จะถูกใจแน่ แต่ว่า แหวนวงนั้นของฉันมัน……..เป็นเพชรสี่เหลี่ยมออลอเมริกันสิบกะรัต เป็นพี่ชายเธอที่ได้สวมเธอ ยังใครบ้างอิจฉาตาร้อนได้
ธิชาได้โมโห
ถ้าเกิดแหวนของญาณินหายๆ น่าพลิกหาไปตั้งแรกแล้ว ทำไมถึงได้ไม่การเคลื่อนไหวอะไรเลย อยู่ได้เปิด ปากกล่าวหาเธอว่าเธอขโมย
ธิชารู้สึกได้แล้วว่าผู้หญิงคนจงใจสร้างเรื่องขึ้น
เธอว่านั้นอยู่กันก็หมดมีเวลามาทะเลาะกับเธอ ว่ามา ไม่อย่างนั้นก็เป็นเธอหน้าเท่านั้น!
ตอนเธอพูดออกไปนั้น ก็เตรียมที่จะเดินอ้อมญาณินลงไป
ญาณินก็กลับอย่างสูงนั้น คิดๆ นี้ เป็นไปได้ว่าแหวนเธอซ่อนในห้องเธอใช่ไหม ไป ฉันค้นห้องเธอดูว่า
ญาณินยังทันพูดจบ แล้วได้เอาไปท้าวเอวข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็ได้จับที่ราวบันไดแล้วก้าวขึ้นไป
ธิชาทําหน้าเครียดแล้วก็ตามไปหวังห้ามเธอเป็นของฉันใช้เบื่อแล้วเลิกจะหลงตัวเองแล้วได้ไหม?
โยว เสแสร้งต่อไม่ไหวแล้วเหรอ เริ่มร้อนใจแล้วเหรอกลัวว่าฉันจะค้นห้องเธอขนาดนี้เลยเหรอ งั้นวันนี้ฉันต้องค้นห้องเธอ ให้ได้!”
ธิชาก็ได้คว้าแขนของเธอ แรงที่มากนั้นแทบที่จะบีบกระดูก
ของญาณินจนแตก สายตาของเธอก็ได้มีความหนักแน่น “ญาณิน ฉันได้เห็นแก่ ความสัมพันธ์ที่เคยมีกับเธอก็ได้อดทนมาตลอด แต่ว่าเธอนั้น
อยากที่จะหักหน้ากับฉัน งั้นฉันก็ไม่แกล้งใจเธอแล้ว!”
ข้อมือของญาณินเหมือนว่าถูกบีบจนเจ็บ สายตาของเธอก็ได้มี ความน่ากลัวที่ดูเว่อร์ออกมา น้ำเสียงนั้นก็ได้ดูน้อยใจอย่างเรื่อ ร์ๆ “ธิชา เธอ เธอกำลังข่มขู่ฉันเหรอ อ้าย!!!”
เสียงกรีดร้องที่กลัวของญาณินที่มาอย่างไม่ตั้งตัว ชาก็ได้ มองเธอที่ได้ดิ้นรนจนหลุดออกจากมือตัวเอง แล้วก็ได้กลิ้งลงไป จากบันไดชั้นสอง
ธิชาสับสนไปชั่วขณะ ก็ได้ตามไปด้วยความตกใจ ยื่นมือ หมายที่จะไปลากเธอ
เธอวิ่งเร็วมาก ข้อเท้าแทบพลิก
แต่ว่าไม่ทันแล้ว
บันไดก็ได้ส่งเสียงที่กลิ้งตกลงอย่างดัง มีคนใช้ก็ได้กรีดออก มาแล้วทําตาโต
ญาณินก็ได้กลิ้งลงไปถึงชั้นหนึ่ง ข้างล่างก็ได้มีเลือดไหลออกมายาว……
ในเวลานี้ ประตูใหญ่อยู่ๆ ก็ได้เปิดออก ธาวินก็ได้มองทั้งหมด ด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ