บทที่ 60 สงบเสงี่ยมเจียมตัวหน่อยไม่ดีหรือ จะต้องให้ใช้
คำข่มขู่เธอของธาวินเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
แต่ในใจของธิชารู้ดีว่า ถ้าเธอยืนกรานที่จะไม่ยอมต่อไป ทำให้เขาโกรธ เขาจะต้องทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างแน่นอน
เพราะคนเราต้องมียางอาย
คนเราต้องการมีหน้ามีตา มีเกียรติศักดิ์ศรี ขีดจํากัด
เขาไม่ต้องการมัน เขาก็แค่เพียงสัตว์เดรัจฉาน ในคราบมนุษย์ เขาไม่ต้องการสิ่งลวงตาเหล่านั้น
ท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยการยอมทำตามคำสั่งของชา
หลังจากที่ธาวินพอใจกับ “บริการ” ของเธอ ก็ยกขาถีบเธอ
ออกไปอย่างไม่เบาไม่แรงนัก
เหมือนกับโยนของเล่นที่เล่นจนเบื่อทิ้ง
ขาสองข้างของธิชาปวดเมื่อยจนยากจะขยับเขยื้อน พักใหญ่ ยังลุกไม่ขึ้น
ธาวินเดินเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำด้วยตัวเอง
ไม่นานก็เปลี่ยนชุดและเดินออกมาจากด้านใน
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็กลับไปเป็นผู้ดีสูงส่งหล่อเหลา ตามปกติ ราวกับว่าคนที่มีการสมสู่เยี่ยงสัตว์ในตอนกลางวันแสกๆ นั้นไม่ใช่เขา ก็แค่เธอคนเดียวเท่านั้น ก่อนที่ธาวินจะออกไปก็ไม่ลืมที่จะอ้อมมาที่มุมผนัง
ย่อตัวลงมาตรงหน้าร่างที่ขดตัวเปลือยเปล่าของเธอ นิ้วเรียวยาวรูดผ่านแก้มที่บวมวิ่งเล็กน้อยของเธอ
“สงบเสงี่ยมเจียมตัวหน่อยไม่ดีเหรอ จะต้องให้ใช้กำลัง
ใบหน้าที่ถูกตบจนบวมของธิชายังปวดแสบปวดร้อน
ริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย เธอกัดฟัน ถามทีละคำว่า “คุณ เสพติดความสัมพันธ์ที่ซาดิสก์แบบนี้ขนาดนี้เลยเหรอ ฉันเป็นคน เดียวที่จะทำให้คุณพอใจได้ใช่ไหม ผู้หญิงคนอื่นเป็นแค่ของ ประดับตกแต่งเหรอ?”
ธาวินหยีตามอง ท่าทางที่เขาหัวเราะเยาะออกมาเหมือนกับว่า ได้ยินเรื่องที่น่าขันที่สุดในโลก
“กลัวว่าสมองคุณจะยังมีสติรู้ตัวไม่พอ คนอื่นเป็นผู้หญิง แต่ คุณเป็นได้แค่ทาสบนเตียงของผม แม้แต่ผู้หญิงคุณก็เป็นไม่ได้ ยังจะมีหน้าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่นอีกเหรอ”
แววตาของธิชาเหม่อลอยเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาความสงบ หนักแน่น
เธอรู้ว่าที่ตนเองพูดถึงความคิดเพ้อเจ้อลมๆ แล้งๆ ที่จะย้าย ออกจากตระกูลธนาภูวนัตถ์ ทำให้ ธาวิน โกรธมาก
หรืออาจจะพูดได้ว่า ไม่ได้โกรธ แต่คำพูดของเธอทำให้ธาวินกลับคืนตัวตนที่แท้จริง
เขาเริ่มจําได้ว่าตนเองอยู่เพื่อทรมานเธอ
ไม่ใช่จมดิ่งลงไปในความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีของ กันและกัน
ตอนแรก ซาคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าในลำคอขมขื่น อย่างมาก
ขมจากคอเข้าไปถึงในหัวใจ
แต่ว่า ในขณะที่ขมขื่นทรมานนั้น ในใจเธอก็เกิดความรู้สึก สมเพชตัวเองไปด้วย
ความสัมพันธ์ของเธอกับธาวิน….ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ หรอกหรือ
ธาวินทั้งดุด่าทำร้ายเธอ เหยียบย่ำเธออย่างป่าเถื่อน
ส่วนความอบอุ่นในความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะมา จากการปรากฏตัวของผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ธาวินอาจจะตื่นตระหนก หรืออาจจะวิกลจริตชั่วคราว
เมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองมาถึงขั้นที่เข้าสู่ความเงียบสงบ ธิชา ยังคิดว่าตนเองค่อยๆ ตื่นจากฝันร้ายนั้น
วินาทีนี้จึงเข้าใจว่าทั้งหมดเป็นภาพลวงตาของตนเองเท่านั้น ธาวินก็ยังคงเป็นธาวิน เขาไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเพื่อเรื่องใดๆทั้งนั้น
เธออยากจบจะความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเพียงฝ่ายเดียว เกรงว่าจะมีเพียงวันที่ตายเท่านั้นจึงจะกลายเป็นความจริงได้
ธาวินลงมาชั้นล่าง พลันมาอยู่ข้างกายของญาณินราวกับไม่มี อะไรเกิดขึ้น
บนใบหน้าของญาณินก็มีรอยยิ้มอ่อนโยน ในแบบที่เธอมีเป็น
ปกติ
คล้องแขนเขาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย ธาวินบอกแต่เพียงว่า เมื่อครู่ทำงานอยู่ที่ห้องหนังสือ เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไร ได้แต่เป็น ห่วงว่าเขาจะเหนื่อยหรือไม่ จะทานอาหารเย็นไหม
ธาวินเอาฝ่ามือวางบนท้องน้อยเธอ คล่ไปจนถึงส่วนที่ยกสูง ขึ้นเล็กน้อย
เขาหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนจะเริ่มเห็นชัดว่าท้องแล้ว
ญาณินยิ้มอย่างหวานซึ้ง “ใกล้จะสี่เดือนแล้วนะคะ ท้องใหญ่ ขึ้นมาแล้วจริงๆ อีกไม่กี่วันฉันจะไปทำอัลตร้าซาวด์ ก็จะรู้เพศ ของลูกแล้ว”
ธาวินบอกว่า ถ้ามีเวลาว่าง เขาจะไปกับเธอด้วยตัวเอง
ญาณินพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดเขาอย่างซาบซึ้ง โอบเอวเขา พูดด้วย สีหน้ามีความหวังว่า “วิน ฉันหวังว่าท้องแรกจะเป็นลูกชาย ถ้าฉัน มีลูกชายให้คุณได้ก็ดีเลยนะคะ…”
ธาวิน ขยี้ผมเธอเบาๆ “ก็เหมือนแหละ ลูกสาวก็ดีมาก ญาณินเม้มปากยิ้ม ในใจกลับมีความหวังต่อท้องแรกเต็ม เปี่ยมว่าจะต้องเป็นทายาทคนต่อไป
เพื่อให้คลอดลูกชาย คนทั้งตระกูลมงคลวัชรกุลต่างเตรียม การแผนไว้ให้เธอทั้งนั้น
คุณนายญาณินเตรียม ยาบำรุงเตรียมตั้งครรภ์หลายกล่องไว้
ให้เธอเรียบร้อยตอนที่เธอเพิ่งเริ่มคบหากับธาวิน
ท้องของญาณินถือว่าโชคดี กินเข้าไปได้สักระยะหนึ่งก็ตั้งท้อง แล้ว
ขอเพียงท้องแรกคลอดลูกชายของธาวินได้ สถานะของเธอก็ จะยิ่งมั่นคง ก็ไม่ต้องเห็นธิชานังแพศยานั่นอยู่ในสายตาอีกต่อไป
ฐานะที่เป็นนายหญิงของตระกูลธนาภูวนัตถ์ เธอก็จะแอบคิด
หาวิธีที่จะฆ่า ธิชา ให้ตาย เป็นไปไม่ได้ที่ ธาวิน จะลงมือฆ่าแม่ผู้
ให้กำเนิดลูกชายของตนเอง
ค่ำคืนนี้สำหรับธิชาแล้วช่างแสนจะยาวนานเหลือเกิน
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะฝืนร่างกายที่เจ็บปวดตะเกียกตะกายไป อาบน้ำ ห้องน้ำ
อาบน้ำเสร็จแล้วก็นอนอยู่นิ่งๆ แทบทนไม่ไหวที่จะให้ตนเอง นอนหลับยาวไม่ต้องตื่นขึ้นมา
ตอนที่เธอนอนหลับสะลึมสะลืออยู่นั้นเอง ป้าฉันก็เคาะประตู เข้ามา ยกอาหารเย็นมาให้เธอ
ธิชาพลิกตัว พูดไม่ชัดเจน “ป้าฉัน ฉันไม่หิว วางไว้ก่อนนะคะ”
ป้าจนอดห่วงไม่ได้ จึงเปิดไฟด้วยตัวเอง คิดจะกล่อมให้เธอลุก ขึ้นมากินข้าว
สายตามองมาที่ใบหน้าของธิชา รอยนิ้วมือหลายรอยที่เห็น
ชัดพร้อมด้วยรอยแดงเป็นปืน ป้าจนมองเห็น โดยไม่คาดคิด
เธอยื่นมือออกไปแตะอย่างไม่รู้ตัว “คุณหนู หน้าของคุณ… ธิชาอึ้งไปครู่หนึ่ง ถ้าป้าฉันไม่พูด เธอก็ลืมไปแล้วว่าตนเอง หน้ายังบวมอยู่
เธอฉีกยิ้มมุมปาก ยิ้มอย่างไม่แยแส “เรื่องเล็กค่ะ พรุ่งนี้ก็หาย แล้ว”
ป้าจันกลับรีบร้อนไปหยิบน้ำแข็งห่อด้วยผ้าเช็ดตัวเพื่อประคบ ลดอาการบวม ให้เธอ และยังปอกไข่ต้มเตรียมไว้ให้เธอหนึ่งใบ ด้วย
ธิชารู้ดีว่าป้าจันสงสารเธออย่างจริงใจ และไม่อยากให้เธอ เสียใจ
จึงแกล้งทำเป็นสบายดี ยิ้มร่าแล้วดึงแขนเสื้อ “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ฉันชินแล้ว ก็แค่ตบหน้าเอง ฉันเองก็มักจะตบหน้าเขาบ่อยๆ แต่เนื้อเยอะหนังหนา เลยเห็นไม่ชัดเท่านั้นเอง”
แววตาป้าจนยากจะกลบเกลื่อนความวิตกกังวลได้ เธอรู้ดีว่าเป็นคนรับใช้ไม่ควรพูดอะไรมาก แต่มันก็อดไม่ได้
“ตอนบ่ายไม่ใช่ว่ายังดีอยู่เหรอคะ คุณหนูกับคุณชายไม่ได้จะ ดีต่อกันง่ายๆ ทำไมถึงทะเลาะกันล่ะคะ วันนี้มีอะไร ทำไมถึง…. เฮ้อ คุณหนูเป็นคนฉลาดหลักแหลมมาตั้งแต่เด็ก คุณเองก็รู้ว่า ตอนนี้คุณท่านกับคุณนายดูแลคุณไม่ได้แล้ว ทั้งตระกูลธนาภูว นัตถ์ ก็มีคุณชายเป็นผู้นำ คุณก็พยายามอย่าไปยั่วโมโหเขา ทำ ตามใจเขา ดีกว่าต้องถูกรังแกอยู่เรื่อย ๆ …
ป้าฉันเห็นเธอถูกทำร้าย ในใจก็รู้สึกเสียใจจริงๆ
ธิชาเองก็เป็นคนที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก นิสัยของณิชานาฏไม่ ค่อยชอบอยู่บ้าน อาหารการกินของชาล้วนเป็นเธอที่คอยดูแล แม้ว่าธิชาจะไม่ใช่คุณหนูที่เป็นลูกแท้ของตระกูลธนาภูวนัตถ์ แต่ กลับโตมาด้วยเสื้อผ้าอาหารการดูแลปรนนิบัติอย่างดี ไม่เคยได้ ความน้อยเนื้อต่ำใจอะไร แม้แต่โอกาสที่จะเสียน้ำตาก็มีน้อย มาก
ธิซาฟังอย่างเสียดแทงหัวใจ เริ่มรู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาเล็ก น้อย
เธอดึงมือของป้านมา พูดพึมพำเบาๆ ว่า “ฉันไม่ได้ยั่วโมโห เขานะคะ ฉันอยู่ดีๆ จะไปยั่วโมโหเขาทำไม วันนี้ฉันก็แค่เกลี้ย กล่อมเขา ว่าต่อไปใช้ชีวิตอยู่กับญาณินอย่างมีความสุข ให้ฉัน ย้ายออกไปก็จบแล้ว ไม่อย่างนั้น… พอสามคนเผชิญหน้ากันก็จะ อึดอัดใจกัน…ป้าน ป้าว่าฉันพูดผิดเหรอ ฉันก็แค่เกลี้ยกล่อมเขาสองสามประโยคเท่านั้น เขาก็
ป้าฉันเสียใจเกินจะทนไหว ตอนที่เตรียมจะเอ่ยปากปลอบโยน นั้น ทันใดนั้นที่ประตูห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ธิชาคุณหลับแล้วหรือยัง ถ้ายังมาคุยเป็นเพื่อนพี่สะใภ้สักหน่อยสิ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ