บทที่ 55 พยายามมีชีวิตอยู่ต่อถึงได้มีความหวังในการให้ ผมได้ชดใช้ชีวิตคืน
คำพูดทุกค่าเสียงทุ้มอย่างมีเสน่ห์ของชัยกรดังเข้าโสต ประสาทของเด็กสาว
เธอซ้อนตาขึ้น พร้อมทั้งเบนสายตาจากโจ๊กชามนั้นไปยัง ใบหน้าของเขา รูม่านตาค่อยๆ มีความหวั่นไหวเล็กน้อย พรุ่ง พล่านท่วมท้น ราวกับเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดขมขื่น บางอย่างอยู่
เธออ้าปาก พลันไม่ได้พูดอะไรต่อ ราวกับกำลังกลืนกินความ ขมขื่นนั้นลงคอหอย แววตามองมาทางเข้าอย่างนิ่งงัน
ชัยกรเปาอีกครั้ง จากนั้นก็เอาซ้อนขึ้นไปริมฝีปากของเธอ จน
ป้อนเธอสําเร็จ
ตามที่หมอได้แนะนำ ความจริงแล้วที่อาการเบื่ออาหารของ เพียงวรินทร์ นั้นมันก็ดีขึ้นมาจากฤทธิ์ยาจนเห็นได้ชัด
แต่ว่าอารมณ์ของเธอที่ยังไม่ทรงตัว เลยยังคงมีอาการปฏิเสธ การกินอาหาร
เธอกินโจ๊กอย่างเชื่อฟัง ชายหนุ่มก็ไม่ได้อ้าปากพูดอะไร ได้
แต่ป้อนเธอต่อ
เพียงวรินทร์ปล่อยให้เขาป้อนโจ๊กอย่างง่ายดายไปเกินครึ่ง ชาม เมื่อกลืนโจ๊กเข้าไปแล้วจนทำให้กระเพาะของเธอนั้นอุ่นขึ้นมาทันที แต่ว่าความหนาวเหน็บที่อัดแน่นอยู่ตรงหน้าอกที่มีอยู่ เนิ่นนานนั้นมันกลับไม่หายไปสัก
ชัยกรเห็นว่าเธอกินโจ๊กไปเกินครึ่งซามแล้ว ก็เลยหยุดมือ ไม่
ได้ป้อนเธอต่อ นานมาแล้วที่เธอไม่ได้ให้วิตามินทางสายยาง ตอนนี้เริ่มกลับ มากินได้ตามปกติแล้ว และไม่สามารถให้เธอกินอิ่มเกินแค่มือ
เดียวได้
คนรับใช้หยิบชามโจ๊กไปแล้ว พลางจัดเก็บกวาดทำความ สะอาดบนพื้นที่รกรุงรังอย่างรวดเร็ว
ชัยกรชำเลืองมอง พร้อมทั้งออกคำสั่งกำชับตามปกติ “เอา พรมหนาๆ มาวางในห้อง สิ่งของที่วางลดได้ก็ลดไป ถ้าอันไหน มันจำเป็นต้องจัดวางไว้ก็ให้เปลี่ยนเป็นวัสดุที่ทนต่อแตกหัก แทน”
คนรับใช้ต่างส่งเสียงตอบรับ จากนั้นก็ถอยออกไป พลางไม่
ลืมปิดประตูด้วย
ในห้องก็เหลือแค่ชัยกรกับเพียงวรินทร์สองคน
ชัยกรลูบคลำ ใบหน้าที่ผมจนแก้มตอบไป พลางส่งเสียงดังชัด ไร้ความรู้สึกใดๆ
“การกินข้าวอย่างเชื่อฟังแบบนี้มันดีจริง อย่าได้ระเบิดอารมณ์ อีกเลยนะ พอโมโหแล้วเขวี้ยงของสิ่งที่มันเสียเปล่าคือพละกำลัง ของตัวคุณเองทั้งนั้น ร่างกายของคุณอ่อนแอขนาดนี้ พละกำลังไม่มี ถ้าตายไปแล้ว ผมก็ช่วยชีวิตคุณไม่ได้ ได้แต่ให้คุณตามพ วกเขาไป
การที่เขาพูดพรรณนาออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่แสนจะ ธรรมดาเรื่องหนึ่งเลย
ทว่าในดวงตาทั้งสองข้างของเพียงวรินทร์กลับแดงฉานขึ้น เรื่อย ๆ
เธอหายใจติดขัด พลางอ้าปากออก นัยน์อัดอั้นไปด้วยอารมณ์ โกรธเคือง ในที่สุดก็สามารถเปล่งเสียงออกมาออกมาเป็น ประโยคจากนําคออย่างแตกพร่า…
“คุณต้องได้รับเวรกรรมที่ตนเองก่อไว้ เลือดต้องล้างด้วยเลือด ตระกูลธาดาวรวงศ์ตายกันไปตั้งเยอะ ชัยกรคุณต้องตายเป็น ร้อยรอบ ตายไม่มีศพ ถึงถือว่าว่าชดใช้คืน…”
“พวกเขา” ที่ออกมาจากปากของชัยกร นั่นหมายถึงตระกูล
ธาดาวรวงศ์พวกคนที่ตายโดยถูกใส่ร้าย
เธอถึงได้สาปแช่งเขาอย่างคับแค้นใจ
ทว่าชายหนุ่มกลับแค่หัวเราะออกมาเล็กน้อย และตอบกลับ อย่างไม่ยี่หระ “อ้อ เหรอ งั้นอย่างน้อยคุณก็ต้องมีชีวิตอยู่นะ ชีวิตอยู่ให้นานๆ หน่อย ถึงได้มีความหวังว่าจะได้เห็นผมชดใช้ ด้วยชีวิต มีคำพูดบอกว่าคนเลวมีชีวิตอยู่ยืนยาว คุณก็น่าจะเคย ฟังมาบ้างแหละ ถ้าคุณไม่ตายเร็วขนาดนั้น คุณก็ต้องพยายามมี ชีวิตอยู่ต่อไปนะ ถึงได้มีความหวังเห็นผมตายต่อหน้าคุณ
เพียงวรินทร์จ้องมองใบหน้าของเขา จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้น ลงอย่างรุนแรง
ตอนที่เธอฟื้นตื่นขึ้นมานั้นมักจะเจ็บปวดเป็นพันเท่ากว่าตอนที่ อาการก่าเริบ ตอนที่อาการกำเริบก็เหมือนกับคนบ้า เพราะไม่รู้ชื่อเสียงเรียง นามว่าตนเองชื่ออะไรแล้วคือใครกัน และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเอง
อยู่ที่ไหน
ทว่าพอตั้งสติได้แล้ว ในหัวสมองก็มีฉากเลือดนองและการฆ่า ฟันเหล่านั้นที่สะบัดไม่ออกไปจากหัวสักที…
ในเวลานี้เธออยากจะใช้มือขวนใบหน้าของเขาให้แรงๆ ผู้ชายคนนี้เกิดมาหน้าตาดีมีความเป็นสุภาพมาก ทว่าในทาง กลับกันเป็นพวกทํางานทางด้านฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง
แม้ว่าเธอจะฆ่าเขาไม่ได้ แต่ก็อยากจะชวนใบหน้าอันงุนงง
อย่างแรงกล้าของเขาให้เลือดไหลซิบกับมือตนเอง
แต่เธอจําต้องอดใจเอาไว้
เธอยังคงหวาดกลัวอยู่
คนที่มายั่วทำให้ชัยกรโกรธ ดูเหมือนว่าจุดจบจะตายโดยที่ไม่ เหลือศพด้วยซ้ำ
เนื่องจากสวรรค์ได้ไว้ชีวิตเธอที่เหลือ ให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อ เช่นนั้นชีวิตขอบเธอก็มีคุณค่ายิ่ง ไม่สามารถคิดสั้นได้ตามใจ
ชัยกรลูบคลํา ใบหน้าของเธอ ไม่มีใครเอาใจเขาได้ว่าตอนนี้ เขาอยากจะทำอะไร
ชั่วครู่ เขากระซิบพูด “วันนี้ผมได้เชิญธิชามาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ถ้าคุณไม่ง่วงนะ ผมให้เธอเข้ามาคุยกับคุณนะ
เพียงวรินทร์ได้เห็นเพื่อนเก่า ในใจถือว่าชอบมาก
ธิชาเป็นคนใสซื่อเรียบง่าย ประมาณว่าเธอก็คงเชื่อคำพูดชั่ว ร้ายเหล่านั้นของชัยกรผีตนนี้ทั้งหมดแล้ว
เพียงวรินทร์ให้เธอได้จูงมือของตนเองไปตามสะดวก และพูด คุยเรื่องสนุกสนานสมัยเรียนช่วยมัธยมต้นกันคำต่อคำ
ความจริงแล้วเธอก็มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่ว่าอาศัย สิ่งที่เธอเข้าใจในตัวของชัยกร เขาไม่เชื่อมั่นให้ใครคนใดใกล้ ชิดเธอคนเดียว
ในห้องนอนต้องมีกล้องวงจรปิด สิ่งที่เธอกับธิชาพูดคุยกันทุก คำพูดนั้น ทั้งหมดก็จะดังเข้าหูชัยกรทันที
สิ่งที่เลือกได้เพียงอย่างเดียวก็คือค่อยๆ เป็นค่อยไป ให้ชา กับเธอได้รักษาความสัมพันธ์ที่ได้พบเจอหน้ากันเอาไว้ ส่วนเรื่อง หลังจากนี้ ค่อยวางแผนกันใหม่อีกครั้ง
ก่อนที่ธิชาจะไปจากปราสาทนั้น เธอยังคงจดจำในสิ่งที่เพียงว รินทร์กําชับมา เมื่อเดินมาอยู่ต่อหน้าชัยกร พลางเอ่ยปากพูดอย่างตื่นเต้นอยู่บ้าง
“คุณประวิทย์ก่อนฉันกลับ ในที่สุดเพียงก็เปิดปากพูดกับฉัน แล้ว …เธอบอกว่า เธออยากกลับไปเรียนหนังสือ เรียนสาขาไหน ก็ได้หมด แค่อยากอยู่กับฉันเท่านั้น”
สีหน้าของชัยกรดูปกติดี ภาพลักษณ์ทั้งสง่างามและอ่อนโยน
แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ธิชามีความทรงจำกับเขามักจะไม่
ค่อยสู้ดีเลย
นัยน์ตาเขานั้นมีฉายแววตาเย็นชาแถมคลุมด้วยความ อันตรายออกมาอีกชั้นหนึ่ง จนทำให้สัญชาตญาณของคนเราไม่ กล้าจะสบตากับเขาตรงๆ
น้ำเสียงของชัยกรตอบกลับด้วยความอ่อนโยน “ได้ เรื่องนี้ผม จะคิดดูนะ รอให้ร่างกายของเพียงดีขึ้นมาสักหน่อย ผมจะจัดการ ให้”
ธิชาถอนลมหายใจอย่างโล่งอก “งั้นฉันของตัวก่อน วันอื่น ค่อยมาเยี่ยมเธอใหม่”
ชัยกรลุกขึ้นเพื่อเป็นการส่งตัวเธอกลับ “รบกวนจริงๆ เลย คุณ ธิชา กลับดีๆ”
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนที่ธิชากลับมายังวิลล่านั้น ก็ เห็นธาวินนั่งตากแดดบนเตียงอยู่ข้างสระว่ายน้ำมาแต่ไกล
เขาเงยหน้านอนเอนหลัง พลางหลับตาเพื่อพักสายตา
ยากมากที่จะมีเวลาผ่อนคลายแบบสบายเช่นนี้ พอมองแวบ แรกเหมือนกับดาราชายที่กำลังพักร้อนในหยุดสบายๆ ไม่มี หัวหน้าผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจมืดสักนิด
เวลานั้นธิชาเกิดสนใจขึ้นมาทันที เลยเดินอ้อมไปทางข้างหลัง เพื่อที่จะได้ทำให้เขาตกใจ
ทว่าเมื่อเดินไปทางข้างหลังก็เห็นพงศ์พนาเดินไปข้างหน้าและ กำลังพูดคุยกับเขา
พงศ์พนาได้กล่าวรายงานการทำงานตามปกติอยู่บ้าง จากนั้น ก็เอ่ยถึงธิชา จนทำให้เธอเกิดตื่นเต้นขึ้นมาทีเดียว
พงศ์พนาพูดว่า “หลังจากที่คุณธิชาควบคุมอำนาจในมือได้ แล้วก็ทำงานได้อย่างเด็ดขาดมาก อันดับแรกคือไล่คนแก่ที่ ทํางานเช้าชามเย็นชามหลายคนออกไปก่อน และก็ให้เงินชดเชย ไปมากพอควร ก็ถือว่าเป็นเงินค่าปลอบใจแล้วกัน ที่จะได้ใจคน ช่วงสองวันนี้ก็ไปพูดคุยเรื่องธุรกิจบ่อนกาสิโนด้วยตนเอง และ ชนะคำสั่งซื้อ ในครึ่งปีแรกของปีหน้าด้วยการกดราคาที่ต่ำมาก แม้ว่าเธอประสบการณ์ยังน้อย แต่ว่ามือหนักอยู่ ไม่เสียแรงเลยที่ ผู้อาวุโสหลายท่านชื่นชมเธอ”
เมื่อธาวินฟังจบแล้ว ก็หัวเราะออกมาทันที น้ำเสียงปะปนรอย ยิ้มเอาไว้ “ก่อนหน้านี้มัวแต่ไปดูถูกเธอเอาไว้ ให้เธอได้คลุกคลีตี โมงไปวันๆ ก่อน รอให้เธอมีประสบการณ์อย่างเพียบพร้อมกัน ค่อยให้เธอลองสัมผัสกับธุรกิจขนาดใหญ่
พงศ์พนาก็ยิ้มตาม แต่ก็พูดอย่างชื่นชม “คุณธิชามีพรสวรรค์ จริงๆ ถึงอย่างไรก็คงเป็นพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากสายเลือด และไม่มีความทะเยอทะยาน ถ้าคุณชายมีใจในการบ่มเพาะคุณ ชาสามารถเป็นเสาหลักอยู่ข้างกายคุณชายในอนาคตได้อย่าง แน่นอน”
ตอนแรกธิชาได้ยินพงศ์พนากำลังชื่นชมตัวเองอยู่ ในใจก็มี ความสุขมาก
แต่พอได้ยินมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที อะไรที่บอกถ่ายทอดมาจากสายเลือด
เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลธนาภูวนัตถ์ แล้วจะไปเอา สายเลือดที่ไหนมา?
หรือหมายถึงณิชานาฏ หรือว่าเธอ…พ่อบังเกิดเกล้าเหรอ?
ตอนที่ในใจของเธอกำลังคิดจนอีนุงตุงนั่งอยู่นั้น ก็เหลือบเห็น เธอเข้าให้แล้ว เลยเป็นคนออกปากก่อนทันที โดยที่ไม่มีเรื่องอื่น ใด “คุณธิชากลับมาแล้ว มาหาคุณมีธุระเหรอครับ?”
ธาวินเองก็เหลือบตาเห็นเธอทางด้านข้าง พลางกวักมือให้เธอ เดินเข้ามา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ