บทที่ 8 กองทัพหางเย่ว
บทที่ 8 กองทัพหวงเย่ว
นั่งเย่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็กระดิกคิ้ว นึกถึงเมื่อสิบห้าปีก่อน ท่านอ๋องหญิงคนนี้ไม่เคยพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อน โยนเช่นนี้ วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางใต้หรือไง?
“ท่านอ๋องหลิงพูดตลกอะไรกัน ข้ากับเจ้าไม่เคยมีความ สัมพันธ์อะไรมาก่อน แล้วจะพูดว่าโกรธได้อย่างไร”
ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ ฉีหยั่นโม่ประหลาดใจ อย่างมาก เมื่อก่อนหรงนั่งเย่ชอบ
อ๋องหลิงที่สุดไม่ใช่? ทุกครั้งที่เจอก็เหมือนกับเสือที่ กำลังล่าเหยื่อ แต่ทำไมวันนี้ถึงเกรงใจกันจัง? หรือว่าได้ แต่งงานกับคนอาชญากรรมกันแน่?
อ๋องหลิงทำตัวไม่ถูกเลยไอออกมาสองครั้ง แล้วรีบ เปลี่ยนกลับมาเป็นลุคที่อบอุ่น แล้วพูดด้วยความเสียใจ ว่า “วั่งเก๋ เจ้ากำลังโทษข้าอยู่ใช่ไหม ข้ารู้ว่าการที่เจ้าได้ แต่งงานกันคนที่เจ้าไม่ได้รัก นั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน แต่นี่ เป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้ ข้าก็ไม่สามารถต่อต้านได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าเจ้าจะแต่งงานกับอ๋องโยว ข้าก็จะ ดูแลเจ้า ก็ถือว่าเป็นการชดเชยแล้วกัน ข้าหวังว่าเจ้าจะมี ความสุข”
เมื่อพูดจบ สีหน้าของฉีหยั่นโม่ก็รู้สึกแปลกขึ้นมาทันที แล้วมองไปที่อ๋องหลิงอย่างช้าๆ นี่เป็นข้างนอกนะ ไม่น่า เชื่อเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเขา
แต่นั่งเย่แค่หัวเราะด้วยเสียงที่เบา แล้วพูดว่า “อ๋องหลิง พูดอะไรกัน ถ้าข้าไม่ชอบจูนเจ๋วแล้วทำไมข้าต้องแต่งงาน กับเขาด้วย แต่ถ้าข้าไม่ชอบจริงๆคงจะชนเสาตายเพื่อ แสดงความรู้สึกของข้า แต่ในเมื่อตอนนี้ข้าได้แต่งงาน แล้ว ก็พูดได้ว่าใจของข้าอยู่ที่เขา คำพูดของท่านอ๋องหลิ งมันช่างน่าข่าสักจริงๆ”
อ๋องหลิงตกใจ แล้วพูดว่า “แต่เขาเป็นคนโง่นะ”
“เขาเป็นคนโง่? คนโง่แล้วยังไง? ข้าแค่รู้ว่าจิตใจของ เขาไร้เดียงสาและไม่มีความคิดแฝง เขาปฏิบัติดีต่อข้า ข้าก็จะไม่ทิ้งเขาเช่นกัน แล้วคำพูดที่บอกว่าจะดูแลข้า หวังว่าท่านจะไม่พูดอีก ข้าเป็นภรรยาของคนอื่นแล้ว ไม่ ว่าจะรวยหรือจนก็เป็นภรรยาของจูนเจ๋วเพียงคนเดียว สามีของข้าสามารถดูแลข้าได้ ก็จะไม่ขอรบกวนคุณลุง เล็ก ”
วั่งเก๋ขัดจังหวะการพูดของเขา เสียงของนางนั้นดังไม่ใช่ น้อย คนรอบๆข้างต่างได้ยิน แล้วต่างพากันพูดคุย พวก เขาคิดว่าพระชายาอ๋องโยวท่านนี้จะรักอ๋องหลิงจนเข้า กระดูก ในเมื่อสองคนนี้ได้เจอกัน ความรักในอดีตก็น่าจะ ฟื้นคืนมา แต่ใครจะไปคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้
สีหน้าของอ๋องหลังในตอนนี้ดูน่าเกลียดมาก เมื่อหลาย วันก่อนท่านพ่อบอกเขาว่าจูนเจ๋วเหมือนจะฟื้นตัวแล้ว เลยให้เขามาดูสถานการณ์ วันนี้บังเอิญได้เจอ เดิมทีคิด จะใช้ความรักที่หรงวิ่งเก๋มีต่อเขาเพื่อสํารวจลาดเลา แต่ ในตอนนี้นางกลับกลายเป็นคนที่เข้ามายุ่งซะงั้น?
“ท่านอ๋องหลิง พี่สะใภ้ตอนนี้เป็นพระชายาของตำหนัก อ๋องโยวแล้ว คำพูดของเจ้านั้นช่างไม่สมควรนัก ถึงเจ้าไม่ อยากได้ชื่อเสียงของตัวเองแล้ว แต่พี่สะใภ้กับอ๋องโยวยัง จะเอาอยู่”
ฉีหยั่นโม่ขมวดคิ้วแล้วพูด เขาจะมองไม่เห็นความ ต้องการของอ๋องหลิงอได้อย่างไร ถ้าเป็นในอดีตเขาคง ไม่สนใจ แต่วันนี้เมื่อเห็นท่าทีของหรงวัยเย่นั้นช่างเป็นผู้ หญิงที่บริสุทธิ์ นางไม่รังเกียจอ๋องโยวที่โง่ และตัดขาด ความสัมพันธ์ในอดีตได้อย่างเด็ดเดี่ยว ดังนั้นจะให้ผู้หญิง แบบนี้เสียชื่อเสียงได้อย่างไร
วั่งเย่กระดิกคิ้ว คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องคนนี้จะช่วยเขา พูด คำพูดที่นางเพิ่งพูดนั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไร แค่ ไม่อยากฟังเขาพูดเลยหาเรื่องมาปิดปากเขา เช่น นั้นหูก็จะได้สงบด้วย
สีหน้าของอ๋องหลิงเดียวเขียวเดียวแดง เดิมทีเขาคิดค่า พูดที่จะใช้กับหรงนั่งเย่เรียบร้อยแล้ว แต่ในตอนนี้กลับพูด ไม่ออกสักคํา เลยคำให้ในใจอึดอัดมาก
“ท่านพูดตลกอะไรกัน ในเมื่อวิ่งเย่ได้แต่งงานกับโยงอ่อง แล้ว ข้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร ข้าก็แค่นึกถึงความสัมพันธ์ ระหว่างเพื่อน เลยอยากคุยกับวิ่งเย่สองสามคํา ท่านคาด เดาความตั้งใจของคนอื่นมันไม่ดีนะ” อ๋องหลิงพูดด้วย สีหน้าที่เย็นชา
“เพื่อนอะไรกัน ภรรยา เจ้าสนิทกับเขาเหรอ? ” จูนเจ๋วที่ อยู่เงียบๆมาตลอด ก็เอยปากพูดขึ้นมา
ทุกคนเมื่อได้ยินก็ตกใจ พวกเขาลืมเขาไปซะสนิทเลย ตอนนี้ดูเหมือนจูนเจ๋วจะไม่พอใจมาก ถูกเพิกเฉยนาน ขนาดนั้นจะพอใจก็แปลกไปแล้ว ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขา จะยิ้มอยู่ แต่ความไม่พอใจที่มีอยู่ในตานั้นจะล้นออกมา อยู่แล้ว
จูนเจ๋วขยับไปที่ข้างๆวั่งเย่ และเหลือบมองนางช้าๆ แล้ว ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนโดยที่ไม่พูดอะไร “ภรรยา ทำไม ข้าถึงไม่รู้ว่าเจ้ากับอ๋องหลิงสนิทกันละ? ”
วิ่งแย่ขมวดคิ้วเบาๆ ตอนนี้ก็เป็นฤดูร้อนอยู่ คนตัวใหญ่ ขนาดนี้กอดนางไว้แน่นขนาดนี้นางจะหายใจไม่ออกอยู่ แล้ว แล้วพูดด้วยเสียงที่เฉยชาว่า “ไม่สนิท”
จูนเจ๋วไม่สนว่าคนในอ้อมแขนนั้นจะแข็งทื่อยังไง แค่ เงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดด้วย เสียงที่เย็นชาว่า “ได้ยินไหม ภรรยาของข้าบอกว่าไม่สนิทกับเจ้า คราวหลังท่านอ๋องหลิงพูดอะไรควรที่จะ ระมัดระวังด้วย ถ้าท่าให้ภรรยาของข้าตกใจมันจะไม่ดี”
อ๋องหลิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตัวสั่น รู้สึกว่าคนคนนี้มี สายตาที่เยือกเย็นจริงๆ แล้วท่าทางที่น่าเกรงขามแบบนั้น เหมือนกับเมื่อก่อนเลย ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนโง่ หรือว่า ฟื้นตัวแล้วจริงๆ?
“ไม่เจอวิ่งเย่ซะนาน เลยคุยกันสองสามค่า” อ๋องหลิง ทำตัวไม่ถูกเลยหัวเราะสองครั้ง
“งั้นก็ดี ภรรยาของข้ากลัวคนแปลกหน้า คุยกับคน แปลกๆนานไปเดียวนางจะกลัว”
เสียงพูดของจูนเจ๋วเย็นชามาก ถ้าอ๋องหลิงยังฟังไม่ออก อีกละก็ เขาคงเป็นคนโง่
“เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ข้าจะขอกลับไปก่อน ไว้วันหลังค่อย ไปเยี่ยมเยียนใหม่” อ๋องหลิงพูด
“วันหลังก็ไม่ต้องมา วิ่งเก๋ของข้าทั้งอ่อนโยนแล้วขี้อาย เจอคนนอกไม่ได้
ทันทีที่พูดจบอ๋องหลิงเดินไปสองก้าวแล้วสะดุดเกือบจะ ล้มลง เขาไม่อยากอยู่นี่แม้แต่สักวินาทีเดียว แล้วก็เดิน ออกจากร้านเหล้าไป คนที่มามุมดูรอบๆก็กลั้นหายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ทั้งสองก็ออกจากร้านเหล้า แล้วเดินกลับไปที่ตำหนัก อ๋องโยว จูนเจ๋าจับมือของวิ่งเก๋แล้วไม่ยอมปล่อย พลัง มือที่มหาศาลก็จับข้อมือของนางจนมีรอยช้าสีแดงที่ข้อ มือ ฉีหยั่นโม่เดินตามหลังพวกเขายังระมัดระวัง รู้สึกว่า บรรยากาศของทั้งสองนั้นแปลกๆ
เมื่อถึงหน้าประตูตำหนักอ๋องโยว จูนเจ๋วก็หยุดเดิน แล้ว หันหลังไปมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “เจ้ายังมีเรื่อง อะไร? ” ฉีหยั่นโม่ก็รีบส่ายหัว
“ไม่มีอะไรก็ไสหัวไปไกลๆ
” พวกเจ้าทั้งสองทำไมชอบให้คนอื่นไสหัวไปละ?
ฉีหยั่นโม่ถอนหายใจด้วยความน้อยใจ แล้วหันหลังเดิน จากไป
เมื่อเห็นคนเดินไปไกลแล้ว วิ่งเก๋เงยหน้าแล้วเหลือบมอง จูนเจ๋ว แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยมือ
“ไม่ปล่อย! ” จูนเจ๋วพูดสองคำนี้ออกมาอย่างแนวแน่ พลังในมือก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาอีก วึ่งเย่เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ขมวด คิ้ว เห็นจูนเจ๋วกำลังโมโหและเบะปาก อย่างกับเป็นเด็กมาก ไม่เหลือท่าทางที่แน่วแน่เหมือนเมื่อกี้เลย
“เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว ตอนนี้ก็คือภรรยาของข้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะชอบอ๋องหลิงก็ไม่สามารถมองเขาแล้ว พูดกับเขาได้! ในฐานะที่เจ้าเป็นพระชายาอ๋องโยวเจ้า ต้องรู้คุณธรรมสตรี! ไม่ควรเห็นคนอื่นแล้วไปหยอกล้อ ด้วย! ไม่งั้นละ………ก็จะขังเจ้าแล้วไม่ให้อาหารเจ้า
“อะไรนะ? ”
วั่งเก๋ขยับมุมปาก เสียงของเขาดังไม่ใช่เล่น คนใน ตำหนักเมื่อได้ยินต่างพากันมาดู วิ่งเก๋มองพวกเขา ทุก คนเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบหันหลังไป แล้วทำเหมือนกับว่าไม่ ได้ยินอะไร จูนเจ๋วเมื่อเห็นนางไม่ได้โต้กลับอะไรยิ่งโกรธ เข้าไปใหญ่ แล้วพูดด้วยเสียงที่ดังว่า “เจ้าเป็นพระชายา อ๋องโยว เจ้ากลับมองไปมองมากับคนรักเก่าของเจ้าต่อ หน้าต่อตาข้า! เจ้าไม่ได้วางข้าไว้ในสายตาเจ้าเลย!”
คนรับใช้เมื่อได้ยินเช่นนั้นต่างพากันไร้คำพูด
ท่านอ๋อง ท่านจบแล้ว ท่านจบจริงๆแน่
วิ่งเก๋กระดิกคิ้ว ม่านตาที่มืดมิดของนางมีแสงสีดำส่อง ออกมา นางเงยหน้าขึ้นแล้วมองจูนเจ๋ว แล้วขยับมุมปาก ด้วยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด “คนรักเก่า? ”
จูนเจ๋วตกใจจนตัวสั่นเมื่อเห็นท่าทางของวังเย่ แต่ใบหน้า ก็ยังคงไม่ยอมแพ้แล้วพูดว่า “แล้วมันไม่จริงหรือไง! ที่ อ๋องหลิงเป็นคนรักเก่าของเจ้า เจ้ายังยิ้มให้เขาอยู่เลย! ”
วั่งเย่ทําตาเล็กแล้วมองไปที่พวกคนรับใช้ แล้วพูดด้วย เสียงที่เย็นชาว่า “พวกเจ้าจะมัดเองดีๆ หรือจะให้ข้าตบจน สลบแล้วโยนออกไปดี?
เมื่อคนรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็รีบดึงจูงเจ๋วกลับห้อง จูน เจ๋วไม่พอใจ แล้วตะโกนจนไม่หยุดว่า “เจ้าภรรยาชั่ว! เจ้าคุยกับคนรักเก่าเจ้าแล้วยังจะปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้อีก! ภรรยาชั่วภรรยาชั่วภรรยาชั่ว!
ไม่ช้าจูนเจ๋วก็ถูกลากออกไปไกล เสียงที่รำคาญก็ค่อยๆ หายไป วึ่งเก๋กำหมัดทั้งสองข้างอย่างแน่น เส้นเลือดที่อยู่ บนหัวก็โผล่ขึ้นมา หันหลังแล้วมองคนรับใช้อย่างเย็นช้า
“นายของพวกเจ้ายังไงก็เป็นถึงท่านอ๋อง คำว่าภรรยาชั่ว ไปฝึกมาจากไหนกัน! ”
“พระชายา เมื่อก่อนตอนที่พี่หวังทะเลาะกับภรรยา แล้ว บังเอิญให้ท่านอ๋องได้ยิน แล้ว……..นอ่องของพวกข้า เรียนรู้ไปเร็วหน่อย” หลิงเอ๋อพูดอย่างระมัดระวัง
วั่งเย่ยิ้มอย่างช้าๆ แล้วพูดว่า “งั้นเหรอ การที่สอนสิ่งไม่ ดีกับเจ้านายถือว่ามีโทษหนัก ตัดเงินเดือนเดือนนี้ของเขา ซะ แล้ววันหลังถ้าข้ายังได้ยินคำว่าภรรยาชั่วสามคำนี้อีก ข้าจะดึงหนังของพวกเจ้า! ”
“เจ้าค่ะ!”
วิ่งเย่ปวดหัวเลยนวดระหว่างตรงกลางคิ้ว แล้วเงยหน้า ขึ้น ทันใดนั้นก็พบว่าในตำหนักมีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน วั่งเย่ตกใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย คนคนนั้น เดินก้าวมาข้างหน้า แล้วคุกเข่าคงบนพื้น
“ข้าหวงเย่า ต้องขอขอบพระคุณพระชายาเป็นอย่าง มากที่ช่วยท่านอ๋องไว้
ชายคนที่อยู่ตรงหน้าสวมชุดสีดำ มีรูปร่างที่สูงใหญ่ ท่าทางของเขาแน่วแน่มาก มองก็รู้ว่าสังหารคนมานาน แล้ว วึ่งเก๋กระดิกคิ้ว “เจ้าเป็นใคร? ”
ชายที่ชื่อหวงเย่าพูดว่า “ข้าเป็นสายลับที่อยู่ข้างๆท่าน อ๋อง ที่คอยปกป้องท่านอ๋องอย่างลับๆ
“ในเมื่อเป็นสายลับของเขา แล้วตอนที่เขาถูกกลั่นแกล้ง เจ้าทำไมไม่ปรากฏตัวละ? “รั่งเย่ถาม
หวงเย่าก้มหน้า แล้วรู้สึกว่าจะลังเล วึ่งเย่เมื่อเห็นเช่นนั้น เงยหน้ามองหลิงเอ๋อที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “พวกเจ้าถอย ลงไปก่อน”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อคนรับใช้ลงไปแล้วรอบๆก็เหลือแต่พวกเขาสองคน วั่งเก๋มองหาที่แล้วนอนลงไปอย่างสบายใจ แล้วพูดด้วย เสียงที่เฉยชาว่า “มีอะไรก็พูดมา”
หวงเย่าอ้าปาก แล้วลังเลสักพักแล้วพูดว่า “ข้าอยู่ในกอง ทัพหวงเย่ว กองทัพหวงเย่วเดิมทีเป็นของแม่ของท่านอ๋อง และเป็นสายลับขององค์หญิงหวงเย่ว แต่เมื่อองค์หญิง หวงเย่วได้ตายไป พวกข้าเลยมาอยู่ข้างท่านอ๋อง ราชวงศ์ อยากได้กองทัพหวงเย่วมาตลอด ดังนั้นพวกข้าเลยทำ เรื่องต่างๆให้ท่านอ๋องอย่างลับๆ ราชวงศ์ก็จะไม่สามา รถแน่ใจได้ว่ากองทัพวังเย่วอยู่ในมือของท่านอ๋อง เลยไม่ กล้าลงมือ”
วิ่งเย่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็กระดิกคิ้ว นางเข้าใจความหมาย ที่เขาพูด ราชวงศ์ไม่มีหลักฐานว่ากองทัพหวงเย่วนั้นอ ยู่ในมือของจูนเจ๋ว ดังนั้นเลยไม่กล้าเคลื่อนไหว เพราะ ฉะนั้นถ้าเกิดไม่ใช่ว่าจูนเจ๋วกำลังจะไม่มีชีวิต พวกเข้าก็จะไม่ปรากฏตัว แต่ทำไมคนคนนี้ถึงปรากฏอยู่ต่อ หน้านางกัน?
“ตั้งแต่ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บก็ลืมเรื่องราวไปมากมาย สมองก็ค่อยๆโง่ลง ข้าหาวิธีที่จะรักษาท่านอ๋องมาโดย ตลอด แต่หาแพทย์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกมารักษาก็ไม่เห็น ผล และในตอนนี้คนที่อยากให้ท่านอ๋องตายก็มีมากขึ้น เรื่อยๆ ข้าเป็นห่วงจริงๆว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับท่าน อ๋อง” หวงเย่าขมวดคิ้วแล้วพูด ถ้าเกิดท่านอ๋องฟื้นตัว คน พวกนั้นก็จะถูกจัดการเอง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีผู้นำ เรื่องอะไรก็ยุ่งยากไปหมด
วิ่งเก๋ใช้มือเพียงข้างเดียวจับคาง แล้วพูดอย่างช้าๆว่า ท่านอ๋องของพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บอย่างไง? เป็นเพราะ ราชวงศ์? หรือเป็นพวกผู้มีอำนาจ? ”
หวงเย่าส่ายหัว แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ข้ารู้ไม่มากนัก แค่จํา ได้ว่าท่านอ๋องได้ไปที่โรงเรียนเทียนหยุ่น หลังจากนั้น ท่านอ๋องก็ฝึกเพลงยุทธจนถูกพลังความชั่วเข้าครอบงำ ข้าคุ้มกันท่านอ๋องกลับหลินฉี่ทั้งคืน แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อ ถึงครึ่งทางก็ถูกคนลอบโจมตี ข้าเลยแยกตัวกับท่านอ๋อง แต่เมื่อเจอท่านอ๋องอีกที ท่านก็กลายเป็นสภาพในปัจจุบัน นี้แล้ว”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ