สามีข้า ข้าปกป้องเอง

บทที่ 11 ขอร้องคนไม่ใช่ขอร้องแบบนี้



บทที่ 11 ขอร้องคนไม่ใช่ขอร้องแบบนี้

บทที่ 11 ขอร้องคนไม่ใช่ขอร้องแบบนี้

“พระ…….พระชายา นี่มันไม่ค่อยดีกระมัง” หลิงเอ๋อมอง ดูพระชายาของตนด้วยความแปลกใจ ในใจคิดอยู่ว่าคน ผู้นี้อายุก็ไม่เยอะ แต่ช่างใจกล้าเสียจริง ที่นางกำลังอยู่นี่ คือการทรมานนายท่านหลี่ นางอยู่มาสิบกว่าปียังไม่เคย เจอคนที่ใจกล้าขนาดนี้เลย

วั่งเย่หันหน้ากลับไปมองนาง ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงจนเป็นรูป พระจันทร์เสี้ยว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความอ่อน โยน แล้วพูดว่า “เจ้าจะทำตามที่ข้าบอกเพื่อทำให้เกิดไป ในเตา หรือข้าจะเอาเจ้าโยนเข้าไปในเตาให้เกิดไปดีล่ะ”

“ข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบ หลิงเอ๋อรีบควบม้าจากไปไป อย่างไม่หยุด ทันใดเตาไปที่ไฟลุกโชติช่วงถูกยกเข้ามา หลิงเอ๋อรีบนำไปวางไว้ด้านล่างตรงหน้าหลี่อี้ ทันใดนั้น เหงื่อเย็นของหลี่อี้ก็ไหลออกมาทันที แม้ว่าไฟลุกไหม้อยู่ แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นจับใจนัก

นั่งเก๋ยังคงเอนตัวอยู่บนเก้าอี้โยกไปมา กวาดสายตา เบาๆ ไปที่ทหารของจวนตระกูลหลี่อย่างร้อนใจ พูดด้วย เสียงเบาว่า “พวกเจ้าก็สามารถเขามาช่วยนายของพวก เจ้าได้เช่นกัน เพียงแค่พวกเจ้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว ข้าก็ จะชักดาบโยนออกไปสับร่างของเขาให้เป็นชิ้นๆ พอถึงเวลาเขาก็หล่นลงไปในเตาไฟ ใบหน้าใบนี้ก็คงจะรักษาไว้ ไม่ได้แล้ว ไม่เชื่อพวกเราก็ลองมาวัดกันดู ดูว่าความเร็ว ของพวกเจ้าเร็วกว่า หรือดาบของข้าเร็วกว่า”

ทหารจานตระกูลหลี่ได้ฟังดังนั้น ก็ส่ายหน้าด้วยความ ร้อนใจ พวกเขาเป็นแค่เพียงกลุ่มคนชั้นต่ำต้อย ไม่กล้า ที่จะเอานายท่านมาเป็นตัวประกัน เพียงแต่ว่าหากดูนาย ท่านถูกแขวนเผาอยู่เช่นนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี

“หรงวิ่งเก๋ เจ้าจองหองได้ไม่นานหรอก ข้าจะกราบทูล ต่อฮ่องเต้ ข้าจะสับร่างเจ้าให้เป็นชิ้นๆ” หลี่อี้ตะโกนพูด อย่างโมโห

วิ่งเก๋ยักไหล่ไปมาด้วยความไม่สนใจไยดี ลุกขึ้นมานั่ง ด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ทันใดนั้น ไม่รู้ว่านางเอามีด พกออกมาจากตรงไหน นั่งเก๋พลางหยิบมีดพกออกมาเล่น พลางพูดขึ้นว่า “นายท่านหลี่ ไม่งั้นพวกเราก็มาเล่นเกม กันเถอะ ข้าจะเอาท่านเป็นเป้าที่มีชีวิตของมีดพกเล่มนี้ ท่านสามารถหลบการโจมตีของข้าได้ หากท่านหลบการ โจมตีของมีดพกได้หนึ่งร้อยครั้ง ข้าจะปล่อยท่านลงมา หากหลบไม่ได้ วันนี้ท่านก็พักผ่อนอยู่ที่ตำหนักอ๋องโยว ของข้าสักวันหนึ่งละกัน”

ผู้คนได้ยินแล้วก็ตะลึง นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังจะมีใจจะเล่นเกม
“โอ๊ย ข้าลืมไปเลย เชือกเส้นนี้จะบอกว่าหนาก็ไม่หนา บางก็ไม่บาง หากเจ้ายังพยายามที่จะดิ้นเอาตัวรอดอยู่ แบบนี้ เกรงว่าอีกไม่นานเชือกก็คงจะขาด ถึงตอนนั้นเจ้า ก็จะตกลงมาในเตาไฟ” ทันใดนั้น วิ่งเย่ยิ้มขึ้นมาอย่างมี เลศนัย แล้วพูดต่อว่า “แต่หากไม่พยายามดิ้นไปมา เจ้าก็ จะถูกมีดพกเล่มนี้ปักเข้าไป งั้นเจ้าจะหลบหรือไม่หลบดี ล่ะ”

ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้ว คนผู้นี้แท้จริงแล้วจงใจ ไม่ ว่าจะหลบหรือไม่หลบ นายท่านหลี่ก็ต้องตายแน่นอน

นั่งเอ๋ยกมุมปากขึ้นยิ้ม ไม่รอให้หลี่อี้เปิดปากพูด มีดพก ในมือหนึ่งเล่มบินออกไปจากมือของเขา หลี่อี้ตกใจมาก ขยับร่างหลบอย่างร้อนรน อีกทั้งสีหน้าของเขายังดูไม่ดี อีกด้วย เมื่อครู่ตอนที่พยายามจะดิ้นรนเอาตัวรอดเขาเพิ่ง พบว่า เชือกที่อยู่ที่ขาของตนเองไม่ได้แน่นหนาขนาดนั้น เกรงว่าใช้เวลาอีกไม่นานเขาก็จะตกลงไป สีหน้าของหลี่อี้ เขียวคล้ำขึ้นมาทันใด เขาจ้องวิ่งเก๋อย่างเอาเป็นเอาตาย เกลียดจนอยากจะโผเข้าไปกัดกินเขา

“หรงวิ่งเก๋ เจ้าใจกล้ามากนะที่กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลหลี่ ของข้า” หลี่อี้พูดด้วยความโมโห

นั่งเก๋กะพริบตาคู่นั้นแล้วหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า”คนไม่ทำร้ายข้า ข้าก็ไม่ทำร้ายคน หากเจ้าไม่รนหาที่ ข้า จะเอาเจ้ามาเป็นตัวประกันได้อย่างไรกัน จะโทษก็โทษ เจ้าเองที่รนหาที่ตาย หัวชนฝาดื้อรั้นมาหาที่ตายกับข้า เอง”

พอสิ้นเสียง มีดพกเล่มหนึ่งก็พุ่งออกไปอีก หลี่อ พยายามหลบหลีกอย่างสุดชีวิต ถูกแขวนเอาไว้นานเกิน ไป หัวของเขาจึงรู้สึกเบลอๆ เหงื่อของเขาไหลลงไปไม่ หยุด เกลียดจนอยากจะทำให้เตาไฟที่ลุกไหม้อยู่ด้านล่าง นั้นดับลง

วิ่งเก๋เก็บทุกการกระทำภายใต้ดวงตาของเขา รอยยิ้ม มุมปากนั้นเปล่งประกายขึ้น เท้าคางแล้วพูดว่า “แน่นอน ล่ะ หากนายท่านหลี่ยินยอมที่จะพูดเรื่องอะไรที่มันน่า ฟังหน่อย ให้ข้าฟังแล้วมีความสุข ไม่แน่ข้าอาจจะปล่อย ท่านลงมาเร็วหน่อยก็เป็นได้” หลี่อี้อึ้งไปชั่วครู่แล้วพูดว่า “อะไรที่น่าฟังล่ะ?”

“อย่างเช่นนายท่านวิ่งเก๋ไว้ชีวิตด้วย ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก อะไรทำนองนี้” วิ่งเก๋พูดด้วยเสียงหัวเราะ

“เจ้าฝันไปเถอะ หรงวิ่งเก๋เจ้ามันคนสารเลว อย่าคิดว่า จะทำให้ข้ากลัวได้ ข้าไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่” หลี่อี้ตะคอกด้วย ความโกรธ

“อ่อ”
วั่งเย่รู้สึกว่ายังไงก็ได้ ไม่เป็นไรแน่นอน แค่มีดพกในมือ พุ่งออกไปด้วยความเร็วที่เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก หลี่อี้พยายาม หลบหลีกอย่างสุดแรง ทุกการขยับใจก็แผ่วลงไปทุกที ตอนเพิ่งที่จะเริ่มเขาก็มีความคิดที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด แต่ พอเวลาผ่านไปนาน ความหวาดกลัวในใจค่อยๆ มากขึ้นๆ สติที่มีอยู่บนใบหน้าก็เริ่มปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมา

“ปล่อย….ปล่อยข้าลงมา” หลี่อี้พูดเสียงดัง

วั่งเย่แคะหูไปมา พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ขอร้องคนไม่ใช่ ขอร้องเช่นนี้นี่”

“ข้า ข้าผิดไปแล้ว ปล่อยข้าลงมาเถอะ นายท่านวิ่งเย็รีบ ปล่อยข้าลงมาเถอะ”

“ลมแรงเกินไป ข้าฟังไม่ชัดเท่าไหร่นัก ตะโกนต่อไปสิ”

“นายท่านวังเย่ ข้าผิดไปแล้ว รีบปล่อยข้าลงมาเถอะ”

หลี่อี้ตะโกนออกไปในครั้งนี้ทำให้บารมีที่สะสมมาหลาย สิบปีของเขาต้องสูญเสียไปหมดเลย นั่งเก๋กระดกขาที่นั่ง ไขว่ห้างอยู่ รอยยิ้มมุมปากทั้งลึกลับและมีเลศนัย ต่อจาก นั้นก็เห็นมีดพกสองเล่มในมือของนางพุ่งออกไป เล่มหนึ่ง คว่ำเตาไฟบนพื้นล้มลง อีกเล่มหนึ่งตัดเชือกที่ที่ตรงขา ของหลี่อี้ขาดออก ทันใดนั้นหลี่อี้ก็ล่วงลงบนพื้น แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เพียงแค่ตื่นเต้น เกินไปจึงหมดสติไป

“นายท่าน” ทหารจวนตระกูลหลี่พุ่งเข้ามาด้วยความร้อน ใจทันที

วั่งเก๋มองดูพวกเขาอย่างเย็นชาครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผู้ที่มา เป็นแขก นายท่านหลี่นั้น ข้าคนของตำหนักอ๋องโยวจะส่ง เขากลับไปเอง ทหาร เอานายท่านหลี่ห่อให้ดีแล้วโยนก ลับไปที่จวนตระกูลหลี่”

คนอื่นได้ยินแล้วก็ตกใจหมด เมื่อวันก่อนหลี่ผิงเหวินเพิ่ง จะถูกคนโยนหลับไปที่จวนตระกูลหลี่ วันนี้นายท่านหลี่ก็ ถูกโยนกลับไปที่จวนตระกูลหลี่อีก นี่มันคือความอัปยศ อะไรกัน ทหารจวนตระกูลหลี่ได้ฟังสีหน้าก็รู้สึกไม่ดีขึ้น มาทันที ค่อยๆ ชักดาบขึ้นมา อยากจะจัดการกับวิ่งเก๋ให้ เห็นดีกันสักหน่อย

วิ่งเก๋กะพริบตามองไปที่พวกเขา พลังภายในทั้งหมด รวบรวมขึ้นมา ไม่รอให้คนพวกนั้นได้ตั้งตัว กำลังภายใน ที่แข็งแกร่งก็ซัดพวกผู้คนออกไปทั้งหมด ทันใดนั้นผู้คน ทั้งสี่ทิศก็ล้มอยู่บนพื้น เลือดออกมาจากในปาก

วั่งเย่เดินมาที่ด้านหน้าของผู้คน กวาดสายตามองลงมา ที่พวกเขาแล้วพูดว่า “จำไว้ให้ดี อย่าเอาของเล่นชิ้นนี้ หน้าข้าอีก ชีวิตของพวกเจ้าไม่พอที่พวกเจ้าจะตายหรอก”

พอคำพูดนี้ออกไป ทหารจวนตระกูลหลี่ตะลึงไป พวก เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของหรงวิ่งเย่มาแล้ว

ล้วนบอกว่าทรงวิ่งเย่เป็นคนรวยที่โง่เขลา เป็นที่น่าข่า ของวงศ์ตระกูล แต่วันนี้พวกเขาผู้คนมากมายกลับทำ อะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อยเลย

วิ่งเย่หันกลับไปมองคนที่ยืนตะลึงพวกนั้น เลิกคิ้วแล้ว พูดว่า “ยืนอึ้งอะไรกัน โยนออกไป”

“อ่อ รับทราบ” คนรับใช้ที่ยืนอึ้งกันอยู่ถึงจะดึงสติกลับ มาได้ รีบเดินเข้ามาแบกพวกนายท่านหลี่ที่กำลังไม่ได้สติ ออกไป

วิ่งเก๋เหลือบตาขึ้นมาอย่างเรียบเฉย ไม่ได้มีรอยยิ้มที่ ได้ใจแบบเมื่อครู่นี้อีก ในดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ด เดี่ยวและความเย็นชา นางกวาดสายตามองไปที่ผู้คน รอบๆ พูดอย่างเย็นชาว่า “คราวหลังหากมีใครที่กล้า บุกเข้ามาในตำหนักอ๋องโยว ไม่ว่าเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องเต้มาก็ให้โยนออกไปให้ข้า ตำหนักอ๋องโยวไม่ใช่ที่ที่ ใครจะสามารถมาเหยียบย่ำดูถูกได้”

“รับทราบ”
พูดจบวิ่งเก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องไป พวกมารับใช้ ยังคงหวาดกลัวอยู่ตรงที่เดิม แต่หลังจากได้เห็นดวงตาที่ แน่วแน่ของพระชายา ทั้งหมดจึงยึดอกขึ้นมา ราวกับว่ามี นางอยู่ตำหนักอ่องโยวก็จะอยู่ยงคงกระพัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ