สามีข้า ข้าปกป้องเอง

บทที่ 15 ชดเชยความผิด



บทที่ 15 ชดเชยความผิด

บทที่ 15 ชดเชยความผิด

“วันนี้ในวังมีงานครื้นเครง ขุนนางมากมายต่างอยู่ที่นี่ พวกเจ้าทะเลาะกันมันสมควรแล้วหรือ”

ในหน้าของฉีหยั่นหลิงมีแต่ความเฉยชา ที่นี่ยังไงก็เป็น วังหลวง มีเรื่องมีราวกันขึ้นมา พวกเขาซึ่งเป็นองค์ชาย อ๋องทั้งหลายก็จะเสียหน้า อีกทั้งคนที่ก่อเรื่องก็เป็นเจ้าคน เสียสติจูนเจ๋วอีก เขาก็ยิ่งไม่พอใจใหญ่

“อ๋องหลิง ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้า ข้าพูดกับ น้องสี่อยู่ อ๋องโยวจู่ๆ ก็ตบหน้าข้า อ๋องโยวเป็นเลือดเนื้อ เชื้อไขของฮ่องเต้ แน่นอนว่าสูงส่งอยู่แล้ว แต่ยังไงข้า ก็เป็นลูกสาวของตระกูลหรงเช่นกัน คราวนี้อ๋องโยวไม่ เห็นตระกูลหรงอยู่ในสายตาเลย” หรงวิ่งชีวเห็นอ๋องหลิ งมาแล้ว ก็เลยรีบฟ้องแล้วร้องไห้ น้ำตาไหลลงมาราวกับ น้ำท่วมก็ไม่ปาน แม้ว่านางจะเป็นคนจองหอง แต่รูปร่าง หน้าตาโดยรวมก็ดูไม่เลว บัดนี้ร้องไห้อย่างกับดอกไม้ ร่วงหล่นในช่วงฤดูฝน เป็นใครเห็นก็ล้วนอดที่จะสงสาร เห็นใจไม่ได้

ฉีหยั่นหลิงได้ฟังก็ขมวดคิ้ว ในราชสำนักตระกูลหรง ถือว่าไม่ได้ต่ำต้อยเลย หลายปีมานี้เขากับหรงเพ่ยก็มี ความสัมพันธ์กันไม่เลว บัดนี้หรงวึ่งชีวถูกทำร้าย เขาก็ ต้องโกรธเป็นธรรมดา
“อ๋องโยว ภายใต้ผู้คนทั่วท้องพระโรงเจ้าทําไมถึงลงมือ กับวึ่งชีวได้ลงคอ ยังไม่ต้องพูดว่านางเป็นคนของตระกูล หรง แม้ว่านางจะเป็นคนที่เกิดในตระกูลธรรมดา อย่าง น้องก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้ชายกลับลงมือต่อหญิงสาว คนหนึ่ง หาความเป็นสุภาพบุรุษไม่เจอเลย” ฉีหยั่นหลิง พูด

“ข้าไม่สนว่าเขาจะมาจากตระกูลไหน ใช่หรือไม่ใช้ผู้ หญิง นางด่าว่าเมียของข้า ข้าก็ต้องจัดการนาง” จูนเจ๋ว ถลึงตาพูด

“โอ้ว อ๋องโยวของพวกเราช่างรักใคร่ทะนุถนอมเมียเสีย จริง อ๋องที่สง่าผ่าเผย แต่กลับถูกผู้หญิงสั่งการ เชื่อฟัง เป็นอย่างดี เสียสติไปแล้วแน่ๆ ตำหนักอ๋องโยวที่ใหญ่โต เกรงว่าคงจะเป็นหรงวิ่งเย่เป็นผู้ปกครองดูแล

ทันใดนั้น หลี่ผิงเหวินไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากไหน เห็นแต่ เพียงว่าเขาเดินมาถึงข้างตัวฉีหยั่นหลิง มองจูนเจ๋วด้วย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยการดูถูกแล้วพูดว่า “ยังไงอ๋องโยวก็ เป็นสายเลือดของราชวงศ์ คิดไม่ถึงว่าเพื่อผู้หญิงคนเดียว จะเสียมารยาทต่อที่สาธารณะเช่นนี้ ปกติหรงวิ่งเก๋คงจะ ดุร้ายพอสมควร อ๋องโยวก็เลยกลายเป็นกลัวเมียไป

วิ่งเก๋ได้ฟังก็หัวเราะออกมาหนึ่งเสียงอย่างเบาๆ แล้ว พูดว่า “ตามที่ท่านชายหลี่พูด เมียของตัวเองถูกคนดูถูก เหยียดหยามต่อหน้าสาธารณชน ก็ควรจะรักษามารยาท อดทนเอาไว้ ยอมให้ดูถูกเช่นนั้นหรือ ท่านชาย หลี่ซางเป็นผู้ที่เข้าใจมารยาทได้เป็นอย่างดีเสียจริง เพียง แค่สงสารที่ภรรยาในอนาคตของท่าน ไม่ได้รับความ รักจากสามี ต่อไปภายหลังไม่รู้ว่าจะต้องก่อเรื่องอะไรที่ ทำให้เดือดร้อนอีก”

ประโยคนี้พูดออกไป สายตาของผู้คนโดยรอบมองไป ที่หลี่ผิงเหวินกันหมด งานครื้นเครงครั้งนี้คนที่มากันเป็น หลักก็คือพวกขุนนางทั้งหลาย คุณหนูสูงศักดิ์ที่มีหน้ามี ตาหน่อยก็ล้วนอยู่ที่นี่กัน ให้พวกนางได้ยินคำพูดนี้ ใน อนาคตจะเลือกสามีต้องหลบหลีกจากตระกูลหลี่ให้ห่าง ทั้งหมดก็ล้วนเป็นผู้ร่ำรวยมีเงินทองกันทั้งนั้น ใครอยาก จะไปทุกข์ทรมานกับตระกูลหลี่กันเล่า หลี่ผิงเหวินเริ่ม รู้สึกตัว หน้าแดงขึ้นมาทันที พูดด้วยความโมโหว่า “เจ้า เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะดึงลิ้นของเจ้า ออกมา

“ตระกูลหลี่เป็นตระกูลที่กล้าหาญ พ่อลูกสองคนถูก โยนกลับจวนไปต่อหน้าผู้คนมากมาย ยังจะมาทำเป็น วางมาดอยู่ได้อีก” วิ่งเก๋พูดอย่างยิ้มเยาะ

“เจ้า หรงวิ่งเย่เจ้าหาที่ตาย”

“พอได้แล้ว พวกเจ้าต่างก็มีหน้ามีตาในสังคมกันทั้งนั้น ทะเลาะกันต่อหน้าสาธารณชนมันใช่เรื่องไหม เสด็จพ่อ ยังไม่เลิกประชุม หากรออีกหน่อยทำกิริยาไร้มารยาทเช่น นี้ต่อหน้าเสด็จพ่อ พวกเจ้าก็รอรับโทษกันได้เลย”ฉีหยั่นหลิงพูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

อ๋องหลิงออกปากขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าทุกคนไม่ กล้าที่จะหาเรื่องกันอีก หลี่ผิงเหวินจ้องวิ่งเก๋อย่างโกรธ เกลียด สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินไปข้างๆ แต่หรงวิ่ง วกลับ ยังไม่ยอมเลิกลา นางถูกตบต่อหน้าผู้คนมากมาย นี่มัน ช่างเป็นการดูถูกกันอย่างมาก จะให้จบเรื่องไปง่ายๆ ได้ อย่างไรกัน

“ฝ่าบาท หน้าของชีวเอ๋อตอนนี้ยังปวดอยู่เลย โดยปกติ ท่านพ่อรักทะนุถนอมชีวเอ๋อมากที่สุด หากเห็นว่าข้าถูก รังแกจะต้องโกรธมากแน่นอน ตอนนี้ท่านพ่อไม่อยู่ ฝ่า บาทจะต้องให้ความเป็นธรรมแก่ชีวเอ่อนะเพคะ” หรงวิ่ง ชีวพูดอย่างคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ฉีหยั่นหลิงมองนางอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วค่อยๆ ขมวดขึ้น หลัง จากนั้นก็ส่งสายตาไปที่นั่งเย่แล้วพูดว่า “วิ่งเก๋ ยังไงพวก เจ้าก็เป็นพี่น้องกัน น้องวิ่งชิวได้รับความเป็นเป็นธรรมเช่น นี้ เจ้าก็ควรจะเห็นใจนางยอมให้นางหน่อย เรื่องนี้เดี๋ยวก็ ผ่านไปแล้ว”

หากเป็นในบริเวณส่วนตัวก็คงจะดี แน่ที่นี่ยังไงก็คือสวน ดอกไม้ยู่ ภายใต้สายตาบรรดาผู้คนมากมาย ถึงแม้จูนเจ๋ วจะเป็นพวกไร้สติ แต่ก็ถือว่าเป็นเลือดเนื้อของราชวงศ์ จะให้เขาชดเชยความผิดต่อหรงวิ่งชีวก็คงจะเสียหน้าจน เกินไป เช่นนี้ก็คงต้องให้หรงวิ่งเก๋ทำแทนแล้วล่ะ
วิ่งเก๋ได้ยินดังนั้นคิ้วค่อยๆ เลิกขึ้น “คุณหนูรองตระกูล หรงเดิมทีพูดจาด่าว่าดูถูกคนในราชวงศ์ก็โทษหนักแล้ว สามีข้าจิตใจดีให้รางวัลนางแค่หนึ่งฝ่ามือ ตามกฎแล้ว ต้องตัดหัวนางให้ตายก็น่าจะได้ ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องที่ ข้าจะต้องชดเชยความผิดล่ะ”

ฉีหยั่นหลิงได้ฟัง สีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาทันที เดิมทีเขาไม่ ได้อยากจะเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลย หรงวิ่งเก๋ ผู้นี้ชดเชยความผิดอย่างจริงใจหน่อยเรื่องก็จบแล้ว แต่ กลับปากแข็งเรื่องเยอะ นี่มันจงใจหาเรื่องเดือดร้อนให้ผู้ อื่นไม่มีความสุขมากกว่า

ไม่เพียงแค่ฉีหยั่นหลิงที่ไม่สบอารมณ์ สีหน้าของพี่น้อง ตระกูลหรงก็ดูไม่ดีเลย แม้จะบอกว่าหรงวึ่งชีวทำเกินไป หน่อย แต่พวกนางยังไงก็เป็นคนของตระกูลหรง วิ่งเย่ลบ หลู่หรงวั่งชีวก็เท่ากับว่าลบหลู่พวกนางไปด้วยเช่นกัน

“น้องสี่ ตั้งแต่เจ้าแต่งออกไปก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือคน อื่นหนึ่งขั้น แบ่งชนชั้นกับคนในครอบครัว สองสามวันก็ ช่างมันเถอะ แต่เจ้ายังไงเจ้าก็เป็นคนในตระกูลหรงของ พวกเรา ทำไมถึงพูดจาทำร้ายจิตใจต่อหน้าสาธารณชน เช่นนี้ได้ วึ่งชีวยังไงก็เป็นพี่น้องกับเจ้า เจ้ายอมรับผิด จะเป็นอะไรหรือ” หรงวิ่งอีพูดอย่างขมขื่น อารมณ์ที่ แสดงออกบนใบหน้าทั้งเจ็บปวดทั้งร้ายกาจ คนนอกได้ เห็นก็ต้องคิดว่านี่เป็นคุณหนูใหญ่ที่มีเหตุมีผล มองไปที่ แววตาของวิ่งเก๋อย่างไม่ชอบใจเล็กน้อย
วิ่งเย่ก็ไม่ได้รังเกียจ เพียงแค่นั่งไขว่ห้างอย่างเหนื่อยใจ บนหน้ามองพวกเขาอย่างยิ้มแย้มแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่พูด ได้ถูก พวกเราเป็นลูกสาวของตระกูลหรง แต่ทำไมพี่รอง ลบหลู่ข้ากลับเป็นเรื่องที่ได้รับความเป็นธรรม สามีข้ารัก ทะนุถนอมข้าก็เลยเอาคืนแทนข้า กลับกลายเป็นว่าไม่ รักษาความสัมพันธ์ของพี่น้องหรือ พี่รองไร้มารยาทต่อ หน้าผู้คนอาจเป็นเพราะปกติได้รับการอบรมมาไม่ดี พี่ ใหญ่ไม่พูดให้นางรักษามารยาท แต่กลับให้ข้ายอมรับผิด นี่มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”

พอคำพูดนี้พูดออกไป หรงวิ่งอีอึ้งไปชั่วครู่ เมื่อก่อนไม่ว่า เกิดเรื่องอะไร แค่บอกว่าให้ทรงวิ่งเย่ยอมรับผิด นางก็จะ ยอมรับอย่างจริงใจ ทำไมวันนี้จึงปากแข็งเช่นนี้

วิ่งเก๋พูดต่อว่า “ตระกูลหรงลำเอียงนี่เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ รู้ดี พวกท่านตอนนี้ยอมเรียกข้าว่าน้องสี่ ก็เพียงเพราะว่า อยู่ต่อหน้าผู้คนจำเป็นต้องทำตัวอน่างที่ดีก็ช่างมันเถอะ แต่ในที่ลับนั้นเรียกข้าว่าอย่างไร ข้าก็ไม่รู้ พวกเจ้าเคยมี วันไหนวินาทีไหนที่คิดว่าข้าเป็นน้องเป็นคนของตระกูลห รงจริงๆ ไหม เมื่อก่อนนิสัยของข้าเป็นคนที่ยอมรับผิดจน เคยชิน บัดนี้ข้าแต่งออกมาแล้ว พวกท่านยังคิดว่าว่าเป็น หรงวิ่งเก๋ที่ยอมให้คนเหยียบย่ำเหมือนเมื่อก่อนอีกหรือ”

หรงวิ่งอีหัวเราะแห้งๆ ไปสองเสียง ที่นี่เป็นที่สาธารณะ คนเยอะแยะมากมายมองอยู่ เอาเรื่องในครอบครัวมาพูด ต่อหน้าผู้คนมันช่างไม่เหมาะสมเลยจริงๆ จึงได้แค่พูดว่า “น้องสี่ เจ้าพูดอะไรออกมา พวกเราไม่ยอมรับเจ้า เป็นน้องได้อย่างไรกัน”

“พี่สาวทุกท่านทำผิดเรื่องอะไรก็กลับให้ข้าเป็นคนแบก รับ ข้าถูกลบหลู่ก็เป็นเรื่องที่ข้าต้องยอมรับผิด พวกพี่ๆ ช่างดีกับข้าอะไรเช่นนี้ พี่ใหญ่ ข้าเหลือที่ไว้ให้หน้าของ ท่านแล้ว หากพวกท่านยังไม่อยากเสียหน้าไปมากกว่า นี้ วินาทีนี้เก็บคำพูดแล้วหลบไปด้านข้างเงียบๆ ก็ช่างมัน แล้ว แต่กลับวิ่งออกมาถกเถียงกับข้า พูดไปพูดมาก็หนีไม่ พ้นเรื่องจําพวกนั้น ท่านคิดว่าคนอื่นตาบอดหรือ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ