บทที่8 ผู้ช่วยประธานคนใหม่
หลังวางสาย เฉินกลับบ้านเปลี่ยนสูท แต่งตัว แล้วรีบออกเดิน ทางไปเป่ยเฉิงกรุ๊ป
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาเป่ยเฉิงกรุ๊ป พอเห็นพนักงานที่ใส่สูท เธอก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
เมื่อก่อนเธอฝ่ายฝันอยากจะเข้าทำงานที่บริษัทใหญ่ๆ แต่ตอน นี้เธอรู้สึกว่าเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
ถึงตอนนี้เธอถึงเข้าใจว่า เธอไม่เคยเตรียมอะไรเพื่อความฝัน ของตนเองเลย
พอมาถึงแผนกบุคคล หัวหน้าแผนกถังเฟยเฟยยื่นสัญญาฉบับ หนึ่งให้เธอเลย นั้นก็คือตำแหน่งผู้ช่วยประธาน
“ผู้จัดการถัง ฉันสามารถเซ็นสัญญาได้เลยหรือ”เฉินกลืน
น้ำลายแล้วถามอย่างตื่นเต้น ถังเฟยเฟยเคยเห็นเรซูเม่ของเฉิน รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่แย่กว่านี้
แล้ว
แต่นี่เป็นเรื่องที่ประธานกรรมการเป็นคนสั่ง เธอก็ไม่สามารถ
พูดอะไรได้
“ใช่ เรซูเม่ของคุณ พวกเราอ่านอย่างตั้งใจแล้ว อีกอย่าง ประธานก็อยากให้คุณเป็นผู้ช่วยของท่าน เงินเดือนปีละห้าแสนคุณคิดว่าไง”
“คุณเฉิน ผู้ช่วยประธานเป็นตำแหน่งที่ดีมากเลยนะ สามารถ เรียนรู้ได้หลายเรื่อง อีกอย่างเงินเดือนของคุณเป็นเงินเดือนที่สูง ที่สุดของตำแหน่งนี้ในเมืองซู โอกาสมีเพียงครั้งเดียว คุณต้อง พิจารณาดีๆนะ”
“แล้วฉันต้องบอกคุณไว้ล่วงหน้า เนื่องจากคุณมีประสบการณ์ ไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของบริษัท สัญญา ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ห้าปี แต่ถ้าคุณเซ็นสัญญา บริษัทจะจ่ายเงิน เดือนหนึ่งปีให้คุณล่วงหน้า เป็นค่าดำรงชีพของคุณ”
เฉินเริ่มหายใจเร็วขึ้น เธอเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็ว โดยไม่คิด อะไรเลย
ตอนนี้เธอขาดเงินจนตาร้อน ต้องการได้รับเงินห้าแสนเพื่อ
แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทันที
“ยินดีด้วย ตอนนี้คุณก็เป็นหนึ่งในพนักงานของเปียเฉิงกรุ๊ป แล้ว หลังจากนี้เราต้องพัฒนาไปด้วยกัน
ถังเฟยเฟยยืนขึ้นมาจับมือกับเฉิน
“ขอบคุณ” เฉินพยักหน้าแรงๆ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความ ตื่นเต้น สุดท้ายเธอก็มีงานดีๆจนได้
แต่ตอนนี้เงินยี่รอคอยอย่างมาก ว่าประธานที่ตนเองจะได้ร่วม งานด้วยเป็นคนอย่างไร
เฉินถือสัญญาเดินออกมาจากแผนกบุคคล แล้วมีพนักงานพาเธอเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของประธาน
แต่กลับถูกแจ้งว่า วันนี้ประธานยุ่งมาก ให้เธอรอฟังคำสั่งอยู่ หน้าห้อง
ก่อนที่จะมีคำสั่งมา ให้นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะทำงานหน้าห้อง
” (How to Win Friends and Influence People)
(Looking Out, Looking In))
” (crucial conversations>> ”
((ธาตุแท้) ”
เฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องประธานมองหนังสือเล่มนี้แล้วใจ ลอยๆ
พอมาคิดตอนนี้ ครั้งสุดท้ายที่เธออ่านหนังสือ เป็นตอนที่เธอ ยังอยู่ในโรงเรียน
หลังจากที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น เธอไม่เคยสงบใจได้ แล้วนั่งอ่าน หนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งดีๆเลย
“คุณเฉิน คุณต้องตั้งใจอ่านหนังสือนะ นี่คือคำสั่งของ
ประธาน พนักงานแผนกบุคคลพูดเช่นนี้
“ได้เลย ไม่มีปัญหา”เฉินพยักหน้าแรงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงบใจแล้วอ่านหนังสือในแปดปีที่ผ่านมา ความรู้สึกนี้ ทำให้เธอรู้สึกสบายมาก
เป็นผู้ช่วยประธานยังมีโอกาสได้พัฒนาตนเองอีกด้วย ดีจัง
เลย
ขณะนี้เจียงเยวกับเหล่าออกมาจากบริษัทแล้ว
“ลูกพี่ พี่ปล่อยเงิน อ่านหนังสือที่บริษัทเลยหรอ
เหล่าอู่ขับรถพร้อมกับหันกลับมาถามเจียงเยว่
“เธอควรเติมเต็มความรู้ให้กับตัวเอง”
เจียงเยวหลับตาพักสมอง กลับคลินิก ผมยังมีคนป่วยสอง
คน”
“ได้เลย”
ขณะที่ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูคลินิก
เจียงเยว่เพิ่งลงจากรถ ก็เห็นโจวรั่วหยินกับเหมิงเหมิงยืนอยู่
หน้าประตู
เหตุการณ์นี้ทำเขาอึ้งไปสักพัก แล้วรีบเดินเข้าไปหา
เขาลูบหัวเหมิงเหมิงเบาๆแล้วถามว่า “น้ามาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
โจวรั่วหยินพูดกับเหมิงเหมิงก่อนว่า “เหมิงเหมิง หนูไปเล่นทาง น้นก่อน ย่ามีเรื่องจะคุยกับพ่อหนู
“ย่า เขาคือพ่อหนูหรอ”เหมิงเหมิงอึ้ง แล้วแกว่งแขนโจวรั่ว หยิน ถามเช่นนี้
ใจวรั่วหยินไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
เจียงเยว่ย่อยตัวลงตรงหน้าเหมิงเหมิงอย่างตื่นเต้น แล้วจับ จมูกของเธอเบาๆ
“เหมิงเหมิง ฉันคือพ่อหนูนะ ไหนลองเรียกพ่อ เหมิงเหมิงตกใจกับพฤติกรรมที่เจียงเยวกับตัวเอง
หลบอยู่หลังโจวรั่วหยิน ไม่ยอมเรียกพ่อสักที
เจียงเยวถอนหายใจเบาๆ บนใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่ ทําตัวไม่ถูก
อาจเป็นเพราะในใจเหมิงเหมิงยังไม่ได้ยอมรับเขา เลยไม่ สามารถเรียกคำว่าพ่อที่ไม่เคยเรียกแต่เด็กออกมา
เขาเข้าใจ แต่ในขนาดเดียวกันก็รู้สึกปวดใจกับสิ่งที่ลูกได้พบ
เจอ
วินาทีต่อมา เจียงเยวมองไปทางโจวรั่วหยินที่ดูหนักใจ จึง ถามว่า”น้ามีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
โจวรั่วหยินถอนหายใจอย่างเคร่งเครียดแล้วพูดว่า
“เจียงเยว่ ช่วงนี้ เงินที่ฉันหาได้จากการเปิดร้านก็ไม่เยอะ หลัง จากนี้ไม่นานต้องจ่ายค่าเล่าเรียนของเหมิงเหมิง อีกอย่างโรค ของอาก็ต้องใช้เงินอย่างมากในการรักษา ตอนนี้บนตัวฉันมีเงิน ไม่เยอะแล้วจริงๆ ฉันของยืมเงินจากนายหน่อยได้ไหม
“ได้ ไม่มีปัญหา”
เจียงเยวรีบหยิบบัตรธนาคารสีดำออกมาจากกระเป๋า
“บัตรใบนี้น้าเก็บไว้ก่อน ต้องใช้เท่าไหร่ก็ไปถอนที่ซิตี้แบงก์ ได้เลย อีกอย่างบัตรใบนี้ไม่ต้องใช้บัตรประชาชนของผม น้า เพียงแค่แสดงบัตรประชาชนของน้าก็สามารถถอนเงินได้แล้ว”
“ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรมาหาผมได้เลย ไม่ว่า อย่างไรก็ตาม ผมก็เป็นพ่อของเหมิงเหมิง”
“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ” โจวรั่วหยินรีบก้มกล่าวขอบคุณ
“น้าอย่าเกรงใจผมเลย”
เจียงเยว่พูดอย่างจริงใจ
“เมื่อก่อนฉันยังเด็กไม่รู้อะไร ทำร้ายเฉิน ครั้งนี้ผมกลับมาก็ เพราะจะชดใช้สองแม่ลูก คุณและอา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ สามารถมาหาผมได้ ”
พอได้ยินประโยคนี้ โจวรั่วหยินค้างไปสักพัก เธอสามารถเห็น
ความจริงใจของเจียงเยวจากตาของเขา
นี่ไม่สามารถปลอมออกมาได้
“ฉัน……..ฉันต้องพาเหมิงเหมิงกลับไปแล้ว ถ้ามีเวลาฉัน สามารถแอบพาเหมิงเหมิงมาเที่ยวหานายได้ แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องห้ามให้เฉินรู้”หลังจากที่โจวรั่วหยินได้บัตรแบล็คการ์ด เธอก็ไม่อยากอยู่นี่ต่อแล้ว จึงพาเหมิงเหมิงออกจากคลินิก
“ลุง หนูไปละนะ”
เหมิงเหมิงเดินไปแล้วหันมาโบกมือ มองเจียงเยวอยู่ตลอด
พ่อลูกสองคนสบตากันนานมาก จนเหมิงเหมิงเดินเลี้ยวไป ไม่ สามารถมองเห็นได้ เจียงเยวถึงเดินกลับไปที่คลินิก
โจวรั่วหยินที่ได้บัตรแบล็คการ์ดมาตื่นเต้นจนจะเป็นบ้า หลัง กลับถึงบ้าน ยิ้มตบไหล่เฉินหง แล้วพูดว่า
“ไอ้แก่ ความคิดแกนี่ดีจริงๆเลย เราไม่ขายเหมิงเหมิง แต่
สามารถใช้ชื่อของเหมิงเหมิงไปขอเงินได้ แกดูนี่ ให้มาจริงด้วย
“แน่นอนละสิ เจียงเยวไม่ขาดเงินสักหน่อย เดี๋ยววันหลังถ้าเงิน หมด เราก็ไปขออีก”เฉินหงต่ถือบัตรแบล็คการ์ดแล้วยิ้ม
เป่ยเฉิงกรุ๊ป
ประธานเซียวหยางมาถึงบริษัทก็ได้ข่าวว่าบริษัทเสียเงินอย่าง มากในการเชิญประธานท่าน ใหม่มา
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก
หน้ามืดตลอดทาง ถึงแม้จะมีพนักงานทักทายกับเขา เขาก็ไม่ ตอบเลยสักคน
ทุกคนต่างรู้ว่าประธานที่มาใหม่นั้นทำให้เขารู้สึกกังวล “ประธานมาแล้วๆ”
ขณะนี้ เสียงนี้ส่งเข้ามาที่หูของเฉิน
ประธานมาแล้ว………
ตัวเองเป็นผู้ช่วยประธานที่นา
เฉิน รีบวางหนังสือลง จัดเสื้อตนเองแล้วมารอเซียวหยางที่ หน้าลิฟต์
ขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออก เฉิน รีบโน้มตัวลง
“ประธานเซียว สวัสดีค่ะ ฉันคือผู้ช่วยคนใหม่ของคุณ ชื่อเฉิน
ผู้ช่วยคนใหม่
เขียวหยางยักคิ้วขึ้นมาหน่อยๆ แล้วหันไปมองเฉิน เห็นว่า หน้าตาเธอไม่เลว อีกอย่าง เธอดูเชี่ยวชาญมาก
เขาจึงเข้าใจว่าประธานกรรมการเตรียมผู้ช่วยที่หน้าตาดูดีให้ เขา เพื่อชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นแน่เลย
ถึงจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังอารมณ์ไม่ดีเช่นเดิม เขาโบกมือแล้ว พูดว่า “ตามผมมา
เชียวหยางนั่งอยู่ในห้องทำงานแล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “เอา
เรซูเม่ของคุณมาให้ผมดูหน่อย
พอได้ยินเช่นนี้ เฉินจึงพยักหน้าแล้วรีบวิ่งออกไปเอาเรซูเม่ ของตนเองมาให้เชียวหยาง
ตอนแรกเธอยังมีความมั่นใจอยู่
เพราะถังเฟยเฟยเคยพูดว่าเชียวหยางก็อยากให้เธอเป็นผู้ช่วยประธานเช่นกัน
ถึงแม้เรซูเม่จะดูแย่ แต่ประธานคงไม่รังเกียจมากมั้ง
วินาทีต่อมา เขียวหยางโยนเรซูเม่ของเฉินบนหน้าเธอ แล้ว ตะโกนอย่างโมโหว่า
“ความสามารถแค่นี้ เธอกล้ามาเป็นผู้ช่วยผมหรือ
“ไปได้ไกลขนาดไหนก็ไป อย่าให้ผมได้เห็นหน้าคุณอีก ไอ้แก่ นี่ส่งคนอะไรมาเป็นผู้ช่วยผมเนี่ย อยากให้ผมขายหน้าหรือไง”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ