บทที่ 17 นิสัยจอมเผด็จการ
“รองผู้บังคับบัญชาหู เรื่องข่าวด่วนจากชายแดน เจ้ามีข้อคิดเห็น อะไรหรือ?” เย่เทียนสอบถาม ในเวลาเดียวกันก็ใช้สายตาบอก กับซูจื่อหลุนที่รับใช้อยู่ข้างๆ
ซูจื่อหลุนที่รู้ใจใช้เสียงที่อ่อนแหลมเป็นพิเศษสำหรับวันที กล่าวว่า “ทุกคนมีข้อคิดเห็นต่างกันเช่นไรพูดออกมาหมดได้เลย ฮ่องเต้จะไม่กล่าวโทษ โอกาสไม่ได้มีทุกวันนะ
ขุนนางใหญ่ที่ตอบสนองล่าช้าบางคนยังคิดค้นความหมาย ของหัวหน้าควบคุมทั่วไปซอยู่ ผู้ที่ตอบสนองเร็วฟังแล้วจิตสติ ฮึกเหิม หรือว่าฮ่องเต้กำลังบอกเป็นนัยอยู่ เพียงแค่ออกความคิด เห็นที่ต่างกันออกมา ให้สอดคล้องกับความคิดของเขา ก็ สามารถเลื่อนขั้นได้?
ก็ยังมีผู้ฉลาดที่มองการณ์ไกลตื่นเต้นไปก่อน จากนั้นถอน หายใจออกไป รู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก ผู้บัญชาการกองทัพทหาร สูงสุดทั้งสามด่านนี้ไม่ได้เป็นง่ายๆนะ ถ้าหากไม่สามารถแก้ด่าน หยุนอู่ที่ถูกโอบล้อมไว้ แย่งชิงด่านหยุนหยางกลับมาไม่ได้ สิ่งที่ อาศัยอยู่บนบ่าอยากที่จะรักษาไว้นะ หรือว่าแกล้งหูหนวกเป็นใบ้ ขึ้นมาดีกว่าล่ะ
หูเซียวหยุนที่อยู่ภายใต้สายตาแปลกประหลาดของขุนนาง ส่วนใหญ่ก็ยังใคร่ครวญคำพูดของซูจื่อหลุนอยู่ หรือว่า ฮ่องเต้ กําลังบอกเป็นนัยกับกระหม่อมอยู่หรือ?
เขาเข้าร่วมเป็นทหาร สิ่งที่ต้องการก็คือฆ่าศัตรูตอบแทนแผ่น ติน แสดงความสามารถของตนเอง น่าเสียดายนะ หลังจากได้รับ ความยุ่งเหยิงของกองทัพม้าเป้าที่มีแต่ชื่อนี้ ความตั้งใจของเขา ค่อยๆหดหายไป กลายเป็นคนหดหู่ใจ
โอกาสประเดี๋ยวเดียว ถ้าหากว่าไม่จับฉวยให้ดีๆ ความรู้ชั่ว ชีวิตจะต้องถูกฝังจริงแน่ อยู่ในเวทีที่ไม่สามารถแสดงความ สามารถ ผ่านไปหนึ่งช่วงชีวิตอย่างธรรมดาและไม่ได้ทำอะไรเลย
ปมในใจถูกปลด จิตสติของเขาอีกเพิ่มขึ้นมา คิดออก กราบทูลเสียงดังว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมีข้อคิดเห็นที่แตกต่าง จริงๆน่ะย่ะค่ะ”
เย่เทียนหัวเราะ ชายผู้นี้เงียบๆมาตลอด อาจจะกำลังรอ โอกาสนี้นะ เพียงแค่เธอมีความสามารถ พี่ก็จะมอบเวทีที่ให้เจ้า แสดงความสามารถได้ ถ้าหากเป็นผู้ไร้ความสามารถเพียงแค่ วางแผนบนกระดาษเท่านั้น ขอโทษที พี่ก็ค้นบ้านเจ้าประหารเก้า ชั่วโคตรของเจ้า
ในความชัดเจนว่าตัวเองข้ามชาติมา หลังจากกลายเป็น ฮ่องเต้ เขาเริ่มจะวางตัวไม่ถูกถึงปัจจุบันนี้ แสดงบทบาทของ ฮ่องเต้อย่างดี ซ้ายก็ข้า ขวาก็ข้า จะค้นเจ้าทั้งบ้าน ประหารเจ้า เก้าชั่วโคตรยิ่งเป็นคําติดปากของเขา
หูเซียวหยุนกราบทูลเสียงดัง สีหน้าซื่อๆว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ข้อเสนอของขุนนางใหญ่ทั้งหลายล้วนดีหมด พ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของเขานี้ เท่ากับว่าไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
ขุนนางใหญ่มากมายอดไม่ได้แอบค่าเขาตอแหล ต่ำช้าไร้ ยางอาย ขายชาติฉลาดแกมโกง หญ้าข้างกำแพงที่หันหางเสือ ตามลม ผู้ไร้ความสามารถที่อาศัยเสบียงหลวงผ่านไปวันๆ
หูเซียวหยุนไม่ใส่ใจสายตาที่ดูถูกของขุนนางใหญ่มากมายที่ มองมา กราบทูลเสียงดังว่า “กระหม่อมคิดว่า การสงบศึกกับ ประเทศจีนก็ต้องเจรจา ด่านหยุนอู่ที่ถูกโอบล้อมไว้ก็ต้องแก้ไขค่ะ ปะค่ะ”
เย่เทียนดีใจ แววตาของพี่ถือว่าเฉียบแหลม ขุดหาคนถูกคน หนึ่งออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แฮ่ แฮ่
ต่อค่าพูดของหูเซียวหยุน ขุนนางใหญ่ที่มองการณ์ไกลเหล่า นั้นก้มหัวคิดใคร่ครวญ บางคนใจร้อนไม่มั่นคงบนใบหน้าก็ ปรากฏสีหน้าที่ดูถูก แต่ฮ่องเต้ไม่ได้เอ่ยอะไร พวกเขาก็ไม่มีใคร กล้าออกเสียงถกเถียง
คำพูดของหูเซียวหยุนยิ่งนุ่มนวลกว่ามฉุนเฟิงนิดหน่อย เขา บอกเป็นนัยอย่างระมัดระวังมาก ความลำบากของประเทศประ เทศโจวในปัจจุบันนี้ ด่านหยินหยาง ด่านหยุนอู่ทั้งสองด้านรูป ร่างดังซี่โครงไก่ ปล่อยทิ้งดีกว่า ควรให้กองทัพใหญ่ถอยเข้า ด่านใน มุ่งพลังเฝ้าคุ้มครองสู่ด่านเจิ้งหยางเป็นแผนการที่ดีที่สุด ในปัจจุบันนี้
ความหมายของเขา ยังมีขุนนางใหญ่ที่สมองหมุนเร็วหน่อย เข้าใจขึ้นมา ออกแถวทันทีกล่าวหาหูเซียวหยุน ยกดินแดน ขายชาติขอความรุ่งโรจน์ ผิดบาปอย่างใหญ่หลวงตามหลักการควร ต้องทรมานจนตาย
ก็ไม่แปลก ด่านหยินหยางด่านหยุน ล้วนเป็นฮ่องเต้องค์ก่อน ทำเพื่อปกครองทั่วหล้า ใช้กำลังคนและวัสดุที่มหาศาล เป็นป้อม สะพานที่ก่อตั้งขึ้นมาอยู่บนทะเลทราย เพื่อเฝ้าปกป้องด่านทั้ง สองนี้ ไม่รู้ว่ามีกองทัพเท่าไรเลือดนองเต็มสนาม จะบอกว่าปล่อย ทิ้งก็ปล่อยทิ้งได้หรือ? ผู้ที่ออกข้อเสนอนี้ผิดบาปใหญ่หลวง ตาม หลักการควรต้องทรมานจนตายถึงจะสาสมนะ
มองดูขุนนางอุ่นกลุ่มหนึ่งแย่งกันก่อนหลังกล่าวหา หูเชียวหยุ น เยเทียนดาวเต็มหัว ขุนนางอุ่นกลุ่มนี้นอกจากสู้รบด้วยน้ำลาย เป็นแล้ว ก็ชอบทูลกล่าวหาอย่างนี้ก็เลยไม่รู้สึกเหนื่อย ช่างน่า อนาถจริงๆ
“ทุกคนหุบปากให้ข้า!” เย่เทียนที่มีดาวเต็มหัวอึดอัดจนลุกขึ้น โมโหร้องออกไป พระตำหนักในหลวนเงียบสงบทันที เงียบจน เข็มร้อยดอกไม้ตกลงพื้นยังได้ยิน
เย่เทียนดีใจ พี่นิสัยจอมเผด็จการนี้ ไอ้โง่เอ่ย ยังถูกมากนะ ข้า ทุ้ย นิสัยจอมเผด็จการอะไรหรือ? พี่เป็นฮ่องเต้นะ ควรเรียกว่า บัญชาฮ่องเต้ แฮแฮ่
เขาใช้สายตาเย็นชากวาดมองดูขุนนางทั้งหลาย เสียงเย็นชา กล่าวว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว สภาอาวุโสอาวุโสจาง เรื่องที่จะเจรจา สงบศึกกับประเทศจีน ก็ให้เจ้ารับผิดชอบด้วยตนเอง สามารถยืด เวลานานเท่าไรก็นานเท่านั้น พรุ่งนี้เจ้าก็พาคณะทูตเริ่มเดินทาง!
“กระหม่อม….รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ” หัวหน้าเหล่าขุนนางจาง ถึงเดินอึ้งไปสักพักถึงรู้สึกตัว หลังจากโน้มตัวรับพระราชโองการ แล้วถอยเข้าแถว แอบเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก
ฮ่องเต้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่น้อมรับความคิดเห็นของขุนนาง ดำเนินการโดยพลการแล้ว
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ความหมายของฮ่องเต้คือต้องการสู้รบ ให้ถึงที่สุด เจรจาสงบศึกเพียงแค่จะยืดเวลาเท่านั้น
แต่ว่าการเจรจาสงบศึกนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายนะ ยิ่งไม่ต้องพูด ว่าป่วนคนของประเทศจีนได้หรือไม่ จัดการไม่ดีก็ต้องแบกรับว่า เป็นโจรขายชาติ กังฉินใหญ่ที่ทรยศแผ่นดินประเทศโจวต้องถูก คนเจาะกระดูกสันหลัง เขาถือเป็นโอ้อวดตนใสสะอาดมาโดย ตลอดเลยล่ะ
เดิมทีเขาอยากปฏิเสธ แต่สีหน้าที่เด็ดขาดนั้นบนใบหน้า ฮ่องเต้ ชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้เขาปฏิเสธ นี่เป็นเรื่องที่ลำบากที่ จะเอาชีวิตรอดละ
เย่เทียนนิสัยจอมเผด็จการพลุ่งพล่านกะทันหันออก ราชโองการอีกฉบับหนึ่ง ยกเลิกการเสียภาษีสามปี ให้แก่อำเภอ ที่ประสบภัยทางเหนือ ทุกเมืองสงเคราะห์ผู้ประสบภัยทุ่มสุดพลัง กู้ภัย เปิดยุ้งข้าว สงเคราะห์ราษฎรผู้ประสบภัย ใครสงเคราะห์ผู้ ประสบภัยได้ไม่ดี ใครกล้าติดสินบนฝ่าฝืนกฎหมาย โกงเงิน เสบียงของผู้ประสบภัย ค้นบ้านประหารชั่วโคตร
รายละเอียดสงเคราะห์ผู้ประสบภัยทั้งหมด ให้ราชสำนักส่งข้าหลวงต่างพระองค์คอยกำกับดูแล ประทานกระบี่อาญาสิทธิ์ ประหารก่อนรายงานที่หลัง
สำหรับผู้ถูกคัดเลือกเป็นข้าหลวงต่างพระองค์คนนี้ ก็ยกให้ พวกขุนนางทุ่นรับผิดชอบทำการเสนอ
ขุนนางใหญ่กลุ่มหนึ่งจ้องมองหน้ากัน สงเคราะห์ผู้ประสบภัย ของทุกปีที่ผ่าน ก็เป็นเวลาที่พวกขุนนางเล็กใหญ่เก็บเกี่ยวกำไร ของแต่ละเมืองได้มาก ปีนี้คาดว่าไม่เหมือนกันแล้ว ฮ่องเต้ทรง กริ้วแล้ว ใครกล้ายักยอกเงินได้รับประโยชน์ สิ่งที่ตั้งอยู่บนน่าจะ ไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ
หลังจากฮ่องเต้ป่วยหนักมากมา ดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลง นิดหน่อย ดูเหมือน วันหลังยิ่งต้องระมัดระวัง
ในห้องทรงงาน แม่ทัพฝ่ายผู้กระหายสงครามกลุ่มหนึ่งที่ อาศัยเจ้าพระยากงฉางชิงซานเป็นหลัก รวมทั้งรองผู้บังคับ บัญชากองทัพม้าเป้า หูเซียวหยุนด้วย ล้วนล้อมรอบอยู่ข้างโต๊ะ จ้องมองแผนที่ไม่เปียที่วางอยู่ข้างบน ปรึกษาจะแก้ไขด่านหยุน ที่ถูกโอบล้อมไว้อย่างไร ปกป้องคุ้มครองราษฎรทั้งเมืองถอย กลับด่านอันตรายด่านเจิ้งหยางอย่างปลอดภัย
ใช้เล่ย์เหลี่ยมเหรอ เย่เทียนยอมรับตนเองยังพอใช้ได้ ยก กองทัพสู้รบนี้ เขาคือคนที่ไม่ชำนาญ มือใหม่ สะเพร่าสักหน่อยก็ ไม่ได้ ส่งให้พวกแม่ทัพที่เคยโจมตีทุ่มชีวิตอยู่สนามรบเหล่านี้ดี กว่าเถอะ ที่เขาต้องการคือรวบรวมความคิดปรึกษาหารือกัน ปรึกษาหารือให้มีการดำเนินการของกองทัพที่มั่นคงสมบูรณ์หลายข้อทีok
ผลสุดท้ายของการปรึกษาหารือ กับก่อนหน้านั้นที่ฉันเป็ งบรรยายไม่ค่อยต่าง
กัน ล้วนแยกทหารเป็นสองทาง ทางหนึ่งแกล้งทำเป็นจู่โจม ด่านหยุนหยางทางหนึ่งแก้ไขด่านหยุนอู่ที่ถูกโอบล้อมไว้ ปกป้อง คุ้มครองราษฎรถอยกลับเข้าด่านใน
ผู้ถูกคัดเลือกในใจของเยเทียนคือว่าหูเซียวหยุน เขาสั่งให้ เชียวหยุนเป็นผู้บัญชาการกองทัพสูงสุด คนอื่นๆเช่นเจ้าพระยา กงฉางชิงซานคิดจะแย่งชิง ก็มีเพียงแค่หุบปากอย่างเชื่อฟัง
“ฝ่าบาท” หูเซียวหยุนโน้มตัวกราบทูลว่า “กระหม่อมสามารถ นำกองทัพไปแก้ไขด่านหยุนอู่ที่ถูกโอบล้อมไว้ แต่เฝ้าคุ้มครอง ด่านอันตรายด่านเจิ้งหยาง ยังต้องอาศัยแม่ทัพอาวุโสที่บารมี สูงส่งคนหนึ่ง กระหม่อมคิดว่า เจ้าพระยากงท่านเจ้าพระยาฉาง เหมาะสมที่สุด”
เจ้าพระยากงเป็นม้าศึกตลอดชีวิต ทำหน้าที่อย่างใจเย็น ยินยอมสูญเสียโอกาสการโจมตี แต่ก็ไม่โจมตีอย่างนุ่มบ่าม เพราะคำว่า มั่นคง ตัวหนึ่ง เขาก็มีพ่ายแพ้บ้าง แต่ผลการรบก็ไม่ ได้โดดเด่นมาก ชื่อเสียงในแผ่นดินใหญ่อาจจะไม่ค่อยดัง แต่ว่า เขาอยู่ส่วนกองทัพบารมีสูงมาก ให้เขาเฝ้าคุ้มครองด่าน อันตรายด่านเจิ้งหยางเป็นผู้ถูกคัดเลือกที่เหมาะสมที่สุด
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ