ชีวิตจักรพรรดิของข้า

บทที่ 18 ไว้หน้าฮ่องเต้



บทที่ 18 ไว้หน้าฮ่องเต้

“ขุนนางอาวุโสยินดีแบกรับความทุกข์ยากของฮ่องเต้พะย่ะค่ะ เจ้าพระยากงฉางซิงซานก้าวไปข้างหนึ่งก้าว โค้งคำนับ เขา ใกล้อายุหกสิบแล้ว ผมเคราขาวโพลน เนื่องเพราะอายุมากแล้ว ถูกฮ่องเต้ปลดอำนาจบัญชาการกองทัพ

แม่ทัพหรือ โชคชะตาสุดท้ายก็คือตายในสนามรบ หนังมาห่อ ศพ วันที่อยู่บ้านเฉยๆ ให้เขารู้สึกไม่สบายมาก หวังว่ามีสักวันจะ ได้นำกองทัพสู้รบอีกครั้ง ในวันนี้โอกาสก็อยู่ต่อหน้าแล้ว เขาก็ ไม่ยอมเสียโอกาสอีก

แม่ทัพส่วนใหญ่ล้วนทยอยเสนอเจ้าพระยากง เยเทียนรู้สึก ปวดหัว กล่าวอย่างเป็นทางการว่า “ด่านอันตราย ด่านเจิ้งหยาง นั่น ก็ฝากให้แม่ทัพอาวุโสแล้วล่ะ”

ฉางชิงซาน มือ โค้งคำนับ ทูลอย่างเสียงดัง “ฝ่าบาทโปรด วางพระทัย ขุนนางอาวุโสแม้ว่าเอากระดูกแก่นี้ไป ก็จะต้านศัตรู อยู่นอกด่านให้ได้”

เย่เทียนพยักหน้า สีหน้าขึงขัง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักว่า “สาม ปี ข้าต้องการเวลาสามปี ในช่วงเวลานี้ แม่ทัพอาวุโสมีความ ต้องการหรือปัญหาอะไรพูดออกมาได้เลย ข้าจะพยายามสนอง ความต้องการให้เต็มที่

ให้เวลาเขาเพียงสามปี เขาไม่เพียงมีความมั่นใจว่าจะสงบ ปัญหาภายใน อีกทั้งสามารถให้ราษฎรมั่งมีเสพสุข ท้องพระคลังมั่งมี กองทัพยอดเยี่ยมก็ฝึกขึ้นมาได้ ถึงเวลานั้น พี่จะเสด็จไป ออกรุกด้วยตนเอง เอามาเหยียบประเทศจีน!

ในใจเจ้าพระยา กงฉางชิงซานร้อนรุ่ม กล่าวด้วยความตื่น เต้นว่า “มีคำพูดของฝ่าบาท กระหม่อมร่างกายจะแหลกลาญก็ ไม่เสียดายพ่ะย่ะค่ะ”

เปเทียนเผลอไผลหัวเราะ สีหน้าขึงขัง กล่าวด้วยเสียงดังว่า “ข้าไม่เพียงจะให้เจ้าเฝ้าคุ้มครองด่าน ด่านเจิ้งหยางสามปี อีก ทั้งข้าก็ต้องการเจ้ามีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย มองข้าปกครองแผ่น ดินทั่วหล้าว่าเป็นอย่างไร!

นิสัยจอมเผด็จการนี้พลุ่งพล่านกะทันหัน ทำให้พวกแม่ทัพกลุ่ม หนึ่งอยู่ห้องทรงงาน เคยผ่านการรบมายาวนานตื้นตันใจ จู่ๆ คุกเข่าพร้อมเพรียงกัน “ฝ่าบาททรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรง พระเจริญ”

ในใจพวกเขาทั้งสงสัยทั้งตื่นเต้นดีใจ ยิ่งมากที่สุดคือคาดหวัง หลังจากฮ่องเต้ป่วยหนักมา เหมือนเปลี่ยนไปแล้วทั้งคน นี่น่าจะ เป็นเรื่องที่ทำให้คนตื่นเต้นดีใจนะ ขอปรารถนาให้ไม่เหมือน ฮ่องเต้โง่เช่นดั่งแต่ก่อนนั้น

สู้ในสนามรบ ปกครองแผ่นดินทั่วหล้า นี่ถือว่าเป็นความคาด หวังสูงสุดของแม่ทัพแต่ละคน หวังว่าฮ่องเต้จะสามารถทำให้ ความฝันของพวกเขาสำเร็จ หลายปีที่ผ่านมาไร้คนสามารถที่จะ ทําได้

“ฝ่าบาท สมควรส่งใครไปเป็นผู้บัญชาการกองทัพราชธานีหรือ?” หัวหน้าควบคุมทั่วไปประธานเอเจี้ยนจื่อหลุนทูลถาม ด้วยเสียงเบาๆ

ผู้บัญชาการกองทัพราชธานีหรือเย่เทียนขมวดคิ้ว บทบาท ของผู้บัญชาการกองทัพราชธานี เขาเข้าใจแล้วบางส่วน ก็ตั้ง เพื่อที่จะควบคุมแม่ทัพที่มีอำนาจในกองทัพหรือเจ้าเมือง ป้องกัน พวกเขาไม่ให้มีกองทัพและสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองกลาย เป็นฮ่องเต้อีกฝ่ายหนึ่ง

ก่อตั้งผู้บัญชาการกองทัพราชธานี เดิมทีนี้เป็นเจตนาที่ดี ถ้า หากว่าเป็นความคล่องแคล่วว่องไว สะอาดบริสุทธิ์ ผู้บัญชาการ กองทัพราชธานีที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ถ้า หากว่าใช้อำนาจในมือคอร์รัปชันเงินเดือนทหารรบกวนกองทัพ นั่นก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ยุ่งยากแล้ว ขุนนางโบราณคอร์รัปชันจน กลายเป็นประเพณี ผู้บัญชาการกองทัพราชธานีที่ส่งไปแต่ละที่ยัง มีคนดีไหม? มักจะไม่มีความสำเร็จแต่ความล้มเหลวเหลือเฟือ ประเทศจีนโบราณ ราชวงศ์หมิงก็เป็นตัวอย่างที่สดๆร้อนๆ

เย่เทียนจ้องมองเจ้าพระยากง กล่าวด้วยความขึงขังว่า “เอา เรื่องที่เฝ้าคุ้มครองด่านอันตรายด่านเจิ้งหยาง ให้แม่ทัพอาวุโส ตัดสินใจด้วยตนเอง!”

เจ้าพระยากงฉางชิงซานตาแก่ๆแดงขึ้น เลือดทั้งตัวเดือด พล่านขึ้นมา เขาผลักภูเขาทอง ล้มเสาหยก คุกเข่าลงพื้นอย่าง รุนแรง “ฝ่าบาท กระหม่อมจะไม่ทรยศต่อพระคุณฝ่าบาทพ่ะย่ะ ค่ะ!”
เขาบัญชาการกองทัพใหญ่ทั้งสามด่านโดดเดี่ยว คิดไม่ถึงว่า ฮ่องเต้ไม่ก่อตั้งผู้บัญชาการกองทัพราชธานี นี่ถือว่ามั่นใจกับเขา ขนาดไหนหรือ? ไม่ว่าเป็นใครล้วนซาบซึ้งจนน้ำตาท่วมใบหน้า เลือดเดือดพล่าน อยากจะผ่าหัวใจแสดงความบริสุทธิ์กับฮ่องเต้ หากว่าไม่สามารถเฝ้าคุ้มครองด่านเจิ้งหยาง สามปี เขาก็ไม่มี หน้าที่จะอยู่บนโลกอย่างไร้ค่าได้

บ่ายวันนั้น เจ้าพระยากงฉางชิงซานเลือดเดือดพล่านเต็มอก หลังจากได้รับตราพยัคฆ์ทมิฬที่เป็นตราประทับผู้บังคับบัญชารีบ ขี่ม้าด่วนไปที่ด่านอันตรายด่านเจิ้งหยางทันที เรื่องการสู้รบ ชายแดนเร่งด่วน ล่าช้าสักหน่อยก็ไม่ได้

ประเทศประเทศโจวแม้ว่าบนล่างเน่าเสีย แต่เรื่องการสู้รบ สตาร์ทขึ้นมา ทุกฝ่ายก็ยังปฏิบัติในหน้าที่ของตน อย่างมีหลัก การและระเบียบ แต่ละเมืองหลังจากได้รับบัญชาจากฝ่ายกองทัพ แล้ว วางแผนส่งกองทัพขับเคลื่อนไปด่านอันตรายด่านเจิ้งหยาง ก็ยังจัดเตรียมเสบียงอุปกรณ์การสู้รบ ทยอยส่งไปหน้าด่าน

เงินเก็บห้าแสนกว่าในท้องพระคลัง เย่เทียนเอาให้ฉางชิงซาน ครึ่งหนึ่งส่งไปทางเหนือสงเคราะห์ผู้ประสบภัย แม้ว่าเป็นน้ำน้อย ย่อมแพ้ไฟ แต่ว่าเขาไม่มีวิธีไหนแล้วจริงๆ เงินเยอะกว่าเหรียญ ทองแดงก็ไม่มี

สำหรับแม่ทัพชายแดนอื่นๆที่เฝ้าคุ้มครองในแต่ละที่เงินของ พวกเขา มีแต่ติดค้างไว้ชั่วคราวได้ ล้วนพูดว่าเงินหนึ่งซึ่งยาก ทำให้บุรุษผู้กล้าหาญล้ม ก็ยากที่จะทำให้ฮ่องเต้ประเทศหนึ่งล้ม เช่นกันล่ะ
สองเรื่องที่รีบเร่งจัดการเสร็จแล้วชั่วคราว แต่ผลสุดท้ายเป็น เช่นไร เย่เทียนไม่ค่อยวางใจเหมือนเดิม อีกทั้งสำคัญที่สุดก็คือ ทำอย่างไรจึงได้อยู่ในระยะสั้นๆ หาเงินมหาศาลมาช่วยอย่างเร่ง ด่วน ดังนั้น อารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร

สำหรับรองผู้บังคับบัญชากองทัพม้าเป้าหูเซียวหยุนที่ตัวเอง รู้สึกดีอยู่ เขาก็ขี้เกียจจะไปสนใจชั่วคราว แม้ว่าเขามีใจที่จะส่ง เสริมหูเซียวหยุน มีใจจะก่อตั้งกองทัพม้าที่มีพลังสู้รบแข็งแกร่ง มากอีกครั้ง แต่ไม่มีเงิน อะไรก็ไม่มีประโยชน์

เงิน ทุกอย่างก็ต้องใช้เงินนะ

เย่เทียนเสด็จกลับวังเฉียนชิง อย่างไม่เป็นสุข พระสนมจีนรีบ ให้สี่เอ๋อน้ำชาหอม ตัวเองยืนอยู่ข้างหลังฮ่องเต้ ช่วยเขานวดไหล่ “ฝ่าบาทการบริหารงานยุ่งทำงานหนักต้องดูแลพระวรกายด้วย เพคะ”

เย่เทียนลูบมือเล็กๆนิ่มของเขา ถอนหายใจอย่างหนัก “เฮ้ย……”

พระสนมจีนเห็นหน้าตาเขาเหมือนมีเรื่องหนักใจ ตอบด้วยน้ำ เสียงนิ่มนวลว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันสามารถแบ่งเบาความ กลัดกลุ้มทุกข์ยากของฝ่าบาทไหมเพค่ะ?

เย่เทียนเอาเรื่องที่เร่งด่วนของชายแดน ทางเหนือเภทภัยต่อ เนื่องหลายปี อีกทั้งเรื่องท้องพระคลังกลวงเปล่ากล่าวออกมา แล้ว จากนั้นถอนหายใจหนักอีกครั้งว่า “ราชวงศ์ประเทศโจวที่ ยิ่งใหญ่ของข้า คิดไม่ถึงว่าท้องพระคลังกลวงเปล่า ทางเหนือราษฎรประสบภัยล้านกว่าคนต้องการเสบียงด่วน แม่ทัพ ชายแดนหลั่งเลือดสู้รบ ขากลับให้เงินพวกเขาล่าช้า เฮ้ย………

พระสนมจีนกับสี่เอ๋อสบตากัน สายตาอ่อนหวานล้วนปรากฏ สายตาตื่นเต้นดีใจออกมา ฮ่องเต้ เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เป็น ผู้ใหญ่กว่าแต่ก่อนเยอะเลย อย่างน้อย รู้จักเอาเรื่องของประเทศ เป็นหลัก ไม่หลงจนมั่วอยู่กับเหล้าราคะอีก

พระสนมจีนส่งสายตาต่อสี่เอ๋อ หลังจากสบตาใจตรงกัน ประคองกล่องทอง ที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กอันหนึ่งออกจากล่องที่อยู่ใน ห้องกั้น

พระสนมจีนเปิดกล่องทอง ข้างในที่ใส่ไว้ล้วนเป็นเครื่อง ประดับที่มีค่ามหาศาล เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ฝ่าบาท นี่คือสมบัติที่หม่อมฉันติดตัวมาจากต้นตระกูล หม่อมฉันยินดี แบ่งเบาความกลัดกลุ้มทุกข์ยากของฝ่าบาท ยินดีทำเพื่อราษฎร ที่ประสบภัย เพื่อแม่ทัพชายแดนทุ่มพลังเล็กน้อยหนึ่งส่วนเพคะ”

จ้องมองเครื่องประดับที่ทำอย่างประณีต มีค่ามหาศาลเหล่า นั้น เย่เทียนมองจนตามัวไปหมดเลย ของเล่นเหล่านี้เอาไปชาติ หน้าแน่นอนคุณค่าเทียมฟ้าล่ะ

“ไม่ได้ นี่คือสมบัติของที่รัก ข้ารับไว้ไม่ได้เรื่องนี้ห้ามพูดขึ้นมา อีก!” เย่เทียนพูดอย่างเด็ดขาด แม้ว่าเขาต้องการเงินมหาศาล อย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยเรื่องด่วน แต่นี่คือเรื่องเกี่ยวกับหน้าตาของ เขา พี่ถือว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศหนึ่ง จะเอาสมบัติ ของเมียไปขายได้อย่างไรหรือ?
เขาก็รู้ว่าตระกูล กูเป็นตระกูลใหญ่หนึ่งในสามของวัง ฐานะ การเงินแข็งแกร่ง ยืมสักสองสามล้านก็น่าจะไม่ได้เป็นปัญหา แต่ ว่าก็เกรงใจที่จะเอ่ยปากนะ

ฮ่องเต้พูดอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ พระสนมจีนถอนหายใจด้วยน้ำ เสียงเศร้าๆว่า “ฝ่าบาท ถ้าไม่ หม่อมฉันกลับบ้านสักครั้งดีไหม เพคะ?

เข้าใจล่ะ ทรงพระเจริญ พระพระสนมทรงพระเจริญ เย่เทียน ดีใจทอดพระสนมจีนไว้ เสียงดัง ตึง เสียงหนึ่ง กัดอย่างรุนแรง อยู่บนใบหน้านิ่มนวลสะเทือนใจของเขาหนึ่งคำ หัวเราะ เหอะ เหอะ กล่าวว่า “ที่รักเป็นผู้ช่วยที่แสนดีของข้าจริงๆ

พระสนมจีนอายจนหน้าแดงไปทั่ว สำหรับสี่เอ๋อที่อยู่ข้างๆ ปิดปากก้มหัวเราะคิกๆ ทั้งสองคนล้วนหน้าแดงไปหมด งาม เพริศแพร้วสะเทือนคน เยเทียนอดไม่ได้นิ้วชี้ขยับรุนแรง

เขากอดพระสนมจีน เท้าหมาป่าทำตามใจชอบ ในปากกล่าว ว่า “ที่รัก ข้าอยากทำให้เจ้าน้อยใจข้าสักหน่อย ยังมีสี่เอ๋ออีก

พระสนมจีนหอบเล็กน้อยบิดเบนสัมผัสเสน่ห์หาของร่างกาย อยากปฏิเสธยังต้อนรับ สามารถแบ่งเบาความกลัดกลุ้มทุกข์ ยากเพื่อฝ่าบาท หม่อมฉันแม้ว่าจะถูกทำให้น้อยใจสักเท่าไรก็ ยินยอม

เย่เทียนมือหนึ่งจับเอ๋อที่แก้มหยกแดงเลือก มือหนึ่งจับพระ สนมจีน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราไปปรึกษาที่บนเตียงด้วย กัน แฮแฮ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ