บทที่ 15 รบกับไม่รบ
เยเทียนสาปแช่งอยู่ ให้ซูจื่อหลุนนพระราชสาส์นที่เพิ่มความเร็ว แปดร้อยลี้ส่งให้พวกขุนนางใหญ่อ่าน ฮ่องเต้ปลอมนี้เขาเป็นมา แค่หนึ่งถึงสองวันเท่านั้น ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโม่เปยสักนิด ดีที่สุดก็ ฟังความคิดเห็นของพวกขุนนางก่อนดีกว่า ในเวลาเดียวกันก็ ออกคำสั่งให้แม่ทัพและเหล่าขุนนางทั้งหลายรีบเร่งกลับเข้าวัง มาปรึกษาหารือ
ห้องทรงงานแม้กว้างใหญ่ แต่ไม่สามารถบรรจุคนเยอะขนาด นี้ เขามีเพียงเสด็จไปที่พระตำหนักจินหลวนรับฟังความคิดเห็น ของขุนนางใหญ่ฝ่ายบุ๋นและ
ฮ่องเต้ออกคำสั่งให้เข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วน ขุนนางใหญ่ฝ่ายบัน และพวกที่กินเหล้าอยู่บ้าน มั่วซั่วกับเมียน้อย ใช้เงินทองพันชั่ง กระชากวิญญาณในหอนางโลม ล่าสัตว์ เยี่ยมญาติทั้งหลายล้วน รีบวิ่งมา ไม่ว่าพวกเขารีบขนาดไหน ก็ยังแต่งตัวเรียบร้อย เป็ เทียนแม้ว่าจะหาเรื่องปรับเงินก็ยังหาข้ออ้างไม่ได้
ได้ยินข่าวเร่งด่วนของชายแดน พระตำหนักในหลวนที่กว้าง ใหญ่ไพศาลดูเหมือนฝูงมดที่ถูกระเบิดรังไป ขุนนางฝ่ายรุ่นและ ทะเลาะกันเจี้ยวจ้าวไปหมด มีที่คิดจะสู้รบ มีที่จะขอสงบศึก ยังมี ขุนนางใหญ่บางส่วนหมกตัวอยู่มุมห้องไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียว สรุปผลได้ว่าก็คือทะเลาะกันอีกทึกครึกโครมไปหมดเลย ให้คน รู้สึกหงุดหงิดใจ
แท้จริงแล้ว ฮ่องเต้จู่ๆก็ออกราชโองการ ขอความยุติธรรม แทนขุนนางใหญ่เหล่านั้นที่ทำการต่อต้านการก่อสร้างเป็นการ ใหญ่ สิ้นเปลืองทั้งทรัพยากรและกำลังคนแล้วถูกตัดหัวค้นบ้าน ยึดทรัพย์ ทำให้พวกขุนนางใหญ่คาดคิดไม่ทัน
จู่ๆฮ่องเต้ใช้วิธีนี้ เท่ากับล้มเลิกข้อสรุปที่แน่นอนก่อนหน้านั้น ทั้งหมด ก็เท่ากับฮ่องเต้เองตบหน้าตนเอง ฮ่องเต้เอาแน่เอานอน ไม่ได้ อำนาจฟ้ายากที่จะคาดเดาได้จริงๆล่ะ
ก่อนหน้านั้นมีการกล่าวหาหลายฉบับเหล่านั้นทำให้ขุนนาง ใหญ่อกสั่นขวัญหาย ขุนนางใหญ่กลุ่มหนึ่งรับประกันมหาบัณฑิต หอเกียรติยศใต้เท้าถังเจียงหมิงว่าไม่มีความผิดด้วยชีวิตเหล่า นั้นกลายเป็นจิตสติฮึกเหิม ฮ่องเต้ก็ยังมียามเวลาที่มีสติ ยังไม่ได้ นับว่าเป็นคนโง่เขลาไร้ความสามารถทั้งหมดนะ
แน่นอน ขุนนางใหญ่อาวุโสที่อาศัยหัวหน้าเหล่าขุนนางจางถึง เดินเป็นหลักเหล่านั้นไม่พอใจต่อพระราชโองการฉบับนี้ของ ฮ่องเต้อย่างมาก เรื่องสำคัญขนาดนี้ไม่คาดคิดเลยว่าจะไม่ ปรึกษาหารือกับขุนนางราชสำนัก ทั้งหมดล้วนดำเนินการโดย พลการนะ ถ้าเช่นนี้จะเอาขุนนางใหญ่อย่างพวกเราไว้ทำไมหรือ?
แต่ว่า ตอนนี้รีบเร่งที่สุดก็คือจัดการภัยร้ายแรงของทางเหนือ กับการสู้รบที่จู่ๆก็เกิดขึ้นในชายแดน เกี่ยวเนื่องกับกาลวิกฤติ แห่งการคงอยู่หรือดับสูญไปของประเทศโจว จำเป็นต้องปรึกษา หารือตัดสินกันทันที เรื่องเล็กๆน้อยบางอย่างก็ดูแลไม่ได้ในเวลา นั้นแล้ว ยิ่งกว่านั้น เรื่องนี้สามารถใหญ่หรือเล็กก็ได้
ขุนนางบันที่อาศัยหัวหน้าเหล่าขุนนางจางถึงเป็นส่วนใหญ่มี แนวคิดจัดการภัยทางเหนือ เปิดยุ้งข้าว ช่วยเหลือราษฎรผู้ ประสบภัย ปลอบขวัญราษฎร หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มต่อต้านของ พวกเขา สำหรับประเทศจีนที่ไม่ประกาศก์โจมตี ถือเอาการสงบ ศึกเป็นหลัก ส่งทูตไปเจรจากับประเทศจีน ตอบสนองตามสิ่งที่ พวกเขาเรียกร้อง
ขุนนางบุ๋นกลุ่มนี้นับว่าเชี่ยวชาญในการเจรจา พูดอย่างมี หลักการมาก ข้ออ้างหมื่นพันอย่าง ศึกภายในต้องสงบก่อนจึง ค่อยสู้ศึกภายนอก ภายในประเทศสงบแล้ว จึงสามารถต่อสู้กับ ภายนอกอย่างเต็มที่ มีเพียงต้องการส่งเครื่องประดับทองและ เงินกับหญิงงามให้ประเทศจีนเยอะหน่อย กองทัพใหญ่ของ ประเทศจีนที่ได้รับผลประโยชน์จะต้องถอยทัพแน่นอน
“ไอ้หนเอ่ย สงบศึกหรือ? กังฉินใหญ่ที่ขายชาติขอความ รุ่งโรจน์ทั้งกลุ่ม!” เย่เทียนดาวเต็มหัว ในใจถามบรรพบุรุษแปด รุ่นของจางถึงเดินกับพวกขุนนางใหญ่ที่มีแนวคิดสงบศึกหลายๆ ครั้ง
แม่ทัพที่อาศัยเจ้าพระยากงฉางชิงซานเป็นหลักส่วนใหญ่ กลับคิดว่า สงบศึกกับประเทศจีนที่มีใจโลภดั่งหมาป่า ไม่ต่างกัน กับขายชาติขอความรุ่งโรจน์ ล่วงเกินอำนาจฟ้าประเทศโจวของ ข้า แม้ไกลก็ต้องประหาร
ล่วงเกินอำนาจฟ้าประเทศโจวของข้า แม้ไกลก็ต้องประหาร คำนี้ พี่ชอบฟัง แม่มึงเอ่ย พี่มาจากสังคมไฮเทคในยุคสมัยหน้า จะพ่ายแพ้ให้กับคนโบราณได้อย่างไรหรือ? ถ้าหากว่าจัดการประเทศจีนไม่ได้ พี่ก็ไม่มีหน้าที่จะด้านอยู่ต่อไปแล้ว!
ใน ใจเย่เทียนมีแนวคิดตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะโจมตีอย่างไร ถึงสามารถจะสั่งสอนประเทศจีนอย่างโหดร้ายได้ เขาก็ไม่รู้แล้ว มีเพียงเฝ้าหวังว่าในฝ่ายกองทัพหลัก มีใครสามารถออกแนวคิด ดีๆสักอย่างได้
ไอ้ห่าเอ่ย ในขุนนางใหญ่ฝ่ายปุ่นและกลุ่มนี้ ก็ไม่มีปีศาจดั่ง เก่อเลี่ยงสักตัวคงอยู่หรือ? สามารถแบกรับความกังวลแก้ปัญหา แทนพี่ได้เลยหรือ?
ยังมี ขุนนางบันกลุ่มนี้ ไอ้ห่าเอ่ย สู้รบทางน้ำลายเก่งมาก จริงๆ ต่อสู้หรือไม่ต่อสู้ล้วนสามารถทะเลาะกันเป็นเวลานาน ตา พูดตามีเหตุผล ยายพูดยายมีเหตุผล ทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันตาม เหตุผล ทะเลาะกันจนไม่จบไม่สิ้น ขาดแค่ไม่ได้ลงไม้ลงมือกัน
“ฝ่าบาท มู่ฉุนเพิ่งมาแล้ว ข้ารับใช้ให้เขารออยู่ที่ห้องทรงงาน พ่ะย่ะค่ะ” ซูจื่อหลุนได้รับข่าวสารจากวันที่น้อยคนหนึ่ง เสียงเบาๆอยู่ที่ข้างเย่เทียน กราบทูล
ในสมองของเย่เทียนมึนงงถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำยังไง ดู ท่าทางของขุนนางบุ๋นและกลุ่มนี้ กลัวว่าทะเลาะกันหลายวัน หลายคืนก็ไม่มีผลสรุปสักอย่าง เขาตัดสินใจว่าไปเจอมฉุนเฟิ งก่อนดีกว่า
เรื่องสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเร่งด่วน เรื่องชายแดนรีบเร่ง เรื่อง นั่งแผ่นดินให้มั่นคงยิ่งรีบเร่งกว่า เขารู้สึกว่าก่อตั้งกองทัพ องครักษ์ลับที่จงรักภักดีต่อตนเองเป็นหลักก่อนดีกว่า
ฉันเพิ่งนำทหารที่คัดเลือกอย่างละเอียดมาเฝ้ารออยู่นอก ห้องทรงงาน เห็นฮ่องเต้เสด็จมา โค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน
ผู้พิทักษ์ลับที่คัดเลือกอย่างละเอียดทั้งแปดคนหน้าตาแตก ต่างกัน รูปร่างไม่เท่ากัน แต่ล้วนปรากฏความเลือดเย็นกับ ฉลาดหลักแหลม ทั้งวรยุทธล้วนดีเยี่ยม ล้วนเป็นระดับฝีมือยอด เยี่ยม เย่เทียนพอใจอย่างมาก
กล่าวได้ว่า ผู้สงสัยไม่ใช้ ใช้คนไม่ต้องสงสัย ฉันเพิ่งหากว่า อยากฆ่าข้า มีโอกาสมากมาย เยเทียนเชื่อมั่นในความจงรักภักดี ของเขา แน่นอนอยู่แล้วว่าก็ต้องเชื่อมั่นต่อองครักษ์ที่เขาคัดเลือก อย่างละเอียดมาแล้ว
องครักษ์ลับทั้งแปดคนถูกเย่เทียนแต่งตั้งเป็นองครักษ์มังกร เสือในทันที คุ้มครองติดตาม ทำให้พวกเขาตื่นเต้นจนคุกเข่า ขอบพระทัยต่อๆกัน
ฮ่องเต้กับฉุนเฟิงสนทนากันอย่างเบาๆ หัวหน้าควบคุมทั่วไป ประธานเนชื่อเจี้ยนซูจื่อหลุนรู้ตัวออกมายืนอยู่ห่างๆ ฮ่องเต้ สั่ง ฉุนเพิ่งมาเข้าเฝ้าอย่างลับๆ ไม่อยากให้คนรู้ถึงเนื้อหาการ สนทนาของพวกเขาอย่างแน่นอน หากว่าความรู้เช่นนี้ก็ไม่มี เขา จะรับใช้ฮ่องเต้ทั้งสามรุ่นได้โดยไม่ถูกปลดได้อย่างไรหรือ?
ฮ่องเต้ดูเหมือนไม่ค่อยเหมือนกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย เห็นเขาไม่ หยุดพักที่ตำหนักเฉินเพื่อโปรดปรานนางที่มีเสน่ห์ยั่วยวนนั้นจาก จุดนี้ก็รู้แล้ว ท้องฟ้านี้ จะเปลี่ยนแล้วนะ
ไม่ว่าฟ้าเปลี่ยนไปเช่นไร เขาแค่ต้องการรับผิดชอบหน้าที่เดิมให้สุดจิตของเขาก็พอรับใช้ฮ่องเต้ให้ดีๆ นั่งราชบัลลังก์ หัวหน้า ควบคุมทั่วไปประธานเนชื่อเจี้ยนของเขาให้มั่นคง ส่วนคนอื่นๆ ชอบเอะอะโวยวายเช่นไรก็เอะอะโวยวายไป ผลสรุปก็คือ มีคนจะ ซวยแน่แล้ว
ในใจเย่เทียนเป็นห่วงเรื่องของการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยกับ ชายแดน หลังจากสอบถามฉันเพิ่งบางเรื่อง กำลังคิดว่าจะ เสด็จกลับไปพระตำหนักในหลวนในปากถามไปเฉยๆว่า “ผู้ บังคับบัญชา มู่ถ้าหากว่าท่านหยินหยางถูกยึด ด่านหนอู่ถูก โอบล้อมไว้ เจ้าเป็นผู้บัญชาการกองทัพสูงสุดทั้งสามด้าน ควร จัดการเช่นไรหรือ?
ผู้บังคับบัญชาองครักษ์ในวัง คือตำแหน่งที่ให้มฉุนเฟิง เพียง แต่พูดอยู่ในปากของเขาเท่านั้น แน่นอน ฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่ คืนคำ เพียงแค่ให้มฉุนเฟิง เรียกองครักษ์ลับที่เคยถูกฝึกฝนเป็น พิเศษเหล่านั้นให้กลับมา เขาก็ก่อตั้งค่ายองครักษ์ขึ้น แล้วฉัน เฟิง ก็จะเป็นผู้บังคับบัญชาของค่ายองครักษ์
ผู้บังคับบัญชาหนึ่งคำนี้ ทำให้มฉุนเฟิง ตื่นเต้นจนเลือดกาย เดือดพล่าน ขาดอีกนิดหนึ่งก็จะคุกเข่าขอบพระทัยอีกแล้ว เขา ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะวางแผนเขาไว้ในค่ายไหน แต่ฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่ คืนคำ สรุปก็คือ ผู้บังคับบัญชาตำแหน่งขุนนางขั้นที่สามนี้ เขาจะ ต้องเป็น ให้ได้แน่
เขาเข้าร่วมองครักษ์ลับ ที่ต้องการไม่ใช่จะร่ำรวยมั่งมีชั่วชีวิต หรือ? แต่ในวันนี้ ความร่ำรวยมั่งมีที่เพ้อฝันมาหลายปีไม่คิดว่า จะได้ง่ายดายเช่นนี้ จะไม่ทำให้เขาตื่นเต้นจนอยากร้องเสียงดังๆออกมาหลายครั้ง ได้ระบายความดีใจและตื่นเต้นที่อยู่ในใจ หรือ?
ในใจเขาแม้ว่าตื่นเต้นอย่างมาก แต่สีหน้าบนใบหน้ายังคงนิ่ง สงบเหมือนเดิม ไม่ได้ถูกความร่ำรวยมั่งมีที่จู่ๆตกลงมาป่วน จน แยกแยะไม่ออกว่าไหนเป็นทิศเหนือใต้ออกตก การสอบถามของ ฮ่องเต้ทำให้เขาอึ้งไปสักพัก สงบนิ่งลงทันที กราบทูลอย่าง ระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท หากว่ากระหม่อมมีตรงไหนกล่าวผิด ขอ ประทานโทษฝ่าบาทพะย่ะค่ะ”
เย่เทียนอดหัวเราะไม่ได้ ชายคนนี้ เจ้าเล่ห์นัก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ