เหมยกุ้ยฮวา ชายาซ่อนพิษ

เรื่องวุ่นวาย เมื่อองค์ชายถูกพิษ (3)



เรื่องวุ่นวาย เมื่อองค์ชายถูกพิษ (3)

ตำหนักขององค์ชายใหญ่ จ้าวหลี่จิ้น อยู่ห่างจากตำหนักปิงจิ้ง เหอ พอสมควร ลีไทเฮาจึงเสด็จโดยรถม้า มีหม่ากุ้ยเฟย และทรง อนุญาตให้ฮวาเอ๋อ ร่วมขบวนเสด็จด้วย เหมยกุ้ยฮวา นั่งอยู่ตรง กลางระหว่างผู้อาวุโสทั้งสอง แม้ระยะทางจะไม่ไกลมาก แต่แรง บีบที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของนาง ทำให้รู้สึกยาวนานเหลือแสน แม้ สีหน้า และท่าทีของผู้ร่วมทางมิได้ร้อนรน หรือตื่นตระหนก แต่ แรงบีบมือนั้นแน่นขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อขึ้น และความรู้สึกสั่นเทา จาก มือใหญ่ของคนสองคนช่างบีบรัดหัวใจของนางเหลือเกิน

ตำหนัก เหลาเหลา (## ที่แปลว่าหนักแน่น) เป็นตำหนัก ขององค์ชายใหญ่ อยู่ทางปีกตะวันตกของพระราชวัง ขนาดเล็ก กว่าตำหนักเทียนหลง ของฉงเจินฮ่องเต้ ราวสามส่วน ป้ายหน้า ประตูเป็นตัวอักษรสีทองเขียนคำว่า หนักแน่น ไม้ชิงชันสีน้ำตาล แดง ตัวอักษสีแดงล้อมกรอบด้วยลายมงคลสีทองบนพื้นสีเขียว เห็นได้ว่า เป็นพระโอรสที่ได้รับความโปรดปรานอย่างยิ่ง

ทันทีที่รถม้าหยุดลง กงกง รีบเปิดม่านแล้วเข้าประคองไทเฮา ให้ก้าวลงอย่างระมัดระวัง ตามด้วยหม่ากุ้ยเฟย และเหมยกุ้ยฮวา

ห้องโถงรับรองภายในตำหนักเหลาเหลา มีขันที และนาง กำนัล นั่งคุกเข่าหมอบอยู่กับพื้นอย่างหวาดหวั่น ทันทีที ไทเฮา และหม่ากุ้ยเฟย ก้าวเข้ามา ความรู้สึกกดดันยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ จน คนบนพื้นสั่นเทาอย่างพร้อมเพรียงกันถูกความกลัวครอบคลุม จนมกล้าขยับหรือส่งเสียงส่งเดช

กู่จางเหว่ย ก้าวขึ้นมาทำความเคารพเต็มพิธีการ พร้อมกับ องครักษ์ของจ้าวหลี่จิ้น

“ลุกขึ้น ลุกขึ้น” ลีไทเฮาโบกพระหัตถ์ห้ามก่อนจะเสด็จประทับ ลงบนเก้าอี้ชุดรับแขก เพราะมิอาจฝืนพระองค์ให้ก้าวต่อไปได้อีก หม่ากุ้ยเฟยรีบก้าวขึ้นมาประคอง แล้วนั่งลงตรงตำแหน่งถัดไป เหมยกุ้ยฮวาจึงเดินไปยืนอยู่ด้านหลังหม่ากุ้ยเฟย อย่างรู้ความ

เป็นจังหวะเดียวกับที่ จางฮองเฮาเสด็จมาถึง ทุกคนในโถงจึง ทำความเคารพเต็มพิธีการพร้อมกัน จางฮองเฮาทำเพียงโบก พระหัตถ์ไปมาอย่างรำคาญ ไม่ใส่ใจ แล้วไปหยุดนั่งลงที่เก้าอี้ ข้างโต๊ะกลางห้อง ยังคงท่วงท่าสง่างาม สูงส่ง คล้ายรอชมการ แสดงเล่าเรื่องนิทานก็มิปาน

ตอนที่ออกจากตำหนักปิงจิ้งเหอ ไม่มีใครใคร่สนใจจางฮองเฮา ด้วยรีบร้อนมากดูอาการขององค์ชายใหญ่ เพราะความเป็นห่วง เหมยกุ้ยฮวาเองก็ไม่นึกว่าจางฮองเฮาจะ เสด็จตามมาด้วย รอยยิ้มร้ายที่เห็นทำให้ไม่อาจมองเห็นเจตนาดี ของนางได้เลย

“เจ้าคือกู่จางเหว่ย บุตรชายคนโตของแม่ทัพใช่หรือไม่”

ไทเฮาเอ่ยถามจางเหว่ยที่ยังคงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ไม่ลืม ปลายหางตาไปทางเหมยกุ้ยฮวา ที่ยืนชะเง้อคอมองอยู่ด้านหลัง

“ทูลไทเฮา กระหม่อม จางเหว่ย พ่ะย่ะค่ะ”

กู่จางเหว่ยเอ่ยตอบอย่างฉะฉาน น้ำเสียงมั่นคงหนักแน่น ไม่มี ความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย

“เกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายใหญ่” ฮองเฮาเอ่ยถามอีกครั้ง

“ทูลไทเฮา องค์ชาย ถูกพิษเพราะเสวยขนมถั่วกวนที่มีคนนำ มาถวาย พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หมอหลวงกำลังตรวจพระอาการ สั่ง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน”

พูดถึงตรงนี้กู่จางเหว่ยก็ก้มหน้าลง คำสั่งนี้จะใช้ได้กับเชื้อพระ วงศ์จริงๆ หรือ เหตุใดองค์ชายใหญ่หลี่จิ้นจึงต้องมอบหมาย หน้าที่กีดขวางให้เขาด้วย
“เหลวไหล!! เหตุใดจึงต้องห้ามเข้า มีสิ่งใดต้องปกปิดกัน” จางฮองเฮา ตวาดเสียงดัง ทำให้ทันที นางกำนัลฤดตัวหนี และสั่นเทามากกว่าเดิม

แต่ไม่ได้ผลกับ กู่จางเหว่ย เขายังคงสงบนิ่ง หลังยืดตรง ไม่มี แม้แต่อาการสะดุ้ง หรือขยับให้เห็นแม้เพียงนิด เขาหันกลับไป ค้อมกายคำนับจางฮองเฮา คราหนึ่ง และตอบตามที่ได้รับคำสั่ง มาให้ตอบว่า

“ทูลฮองเฮาภายในห้องบรรทมมีหมอหลวง และผู้ช่วยอีก หลายคน ทุกคนล้วนทำหน้าที่สำคัญ อีกทั้งพระอาการยังสาหัส อยู่มาก องค์ชายทรงกระอัก โลหิตจนเตียงบรรทมแดงฉาน มิใช่ สิ่งที่น่าทอดพระเนตรพะย่ะค่ะ”

กู่จางเหว่ยเอ่ยเสียงเรียบ สำหรับคนอื่นอาจคิดว่านี่คือแรง กดดันที่มหาศาล และยากที่จะรับมือ แต่เชื่อเถอะ สำหรับคน ตระกูล นี่นับว่าน้อยกว่าเสียงตวาดของ จางหย่ง ผู้เป็นบิดา ของเขา ถ้าเทียบกันแล้วคงไม่ถึงสองในสิบส่วนกระมัง นี่ สินะ…เหตุผลที่องค์ชายหลี่จิ้น เลือกเขาให้ทำหน้าที่นี้ จางเหว่ ย คิดทบทวนในใจ

ไทเฮาได้ยินพระพักตร์พลันซีดลงกว่าเดิม ยกพระหัตถ์ขึ้นกุมพระนลาฏ (หน้าผาก) กงกง รีบโบกพัดให้คลาย กังวล

ส่วนหม่ากุ้ยเฟยยังคงนั่งนิ่ง สายตามองไปยังหลังม่านไม้ ที่ เป็นห้องบรรทมขององค์ชายใหญ่ แววตาสั่นไหวแต่มีน้ำตา

นี่เจ้า!!!” จางฮองเฮาผุดลุกขึ้นยืน แผดเสียงเล็กแหลมด้วย แรง โทสะ พระหัตถ์กำแน่นจนสั่น

ดี!!! ดี!!! คนตระกูล ในเมื่อขวัญกล้าเทียมฟ้าไม่เห็นฮองเฮา อย่างนางอยู่ในสายตา ลบหลู่นางถึงเพียงนี้ อย่าได้มากล่าวโทษ ว่านางโหดร้ายทีหลังเล่า

“คุณชายผู้นี่ วาจาสามหาวนัก กล้ากล่าวว่าข้าจะเข้าไป ขวางการรักษาของหมอหลวง ยังไม่รีบนำตัวไปลงโทษอีก!!!!

จางฮองเฮา พระหัตถ์ไปที่จางเหว่ย ที่ยังคงนิ่งอยู่ที่เดิม สิ้น เสียงรับสั่ง กงกง คนสนิทของจางฮองเฮา สองคนเดินตรงไปที่ จางเหว่ยทันที

เหมยกุ้ยฮวา ตกใจแทบหลุดตะโกนเรียกพี่ชาย นี่เกินไปแล้ว หม่ากุ้ยเฟยที่เป็นพระมารดาแท้ๆ ยังไม่แสดงอาการเช่นนี้เลย เหตุใด จางฮองเฮาจึงต้องเป็นเดือดเป็นร้อนอยากเข้าไปดู อาการขององค์ชายใหญ่นักเล่า
กงกง คนสนิทของ จางฮองเฮา ช่วยกันจับแขนทั้งสองข้างของ กู่จางเหว่ยหวังใช้กำลังพาเขาออกไปรับโทษนอกตำหนัก แต่มี เสียงหนึ่งจัดขึ้นเสียก่อน

“พวกเจ้าทําอะไร!!! เวลาเช่นนี้ยังมีแก่ใจมาเอะอะเสียงดัง รบกวนหมอที่กำลังช่วยชีวิตองค์ชายใหญ่ หรือพวกเจ้ามอยาก ให้องค์ชายใหญ่มีชีวิตรอด!!!”

ฮ่องเต้จ้าวฉงเจินได้ยินเสียงโวยวายตั้งแต่อยู่ด้านหน้าประตู รีบสาวพระบาทเข้ามาภายในโถง ก่อนตวาดด้วยเสียงทรง อำานาจ และเฉียบขาด

กู่จางหย่งเดินตามเข้ามา ข้างหลังเขาคือหวังเหว่ย หวังกงกง และองครักษ์ส่วนพระองค์อีกสี่คน

กงกง คนสนิทของจางฮองเฮาถึงกับหน้าถอดสี รีบปล่อยตัว จางเหว่ย ลนลานคุกเข่าเอ่ยติดๆ กันหลายครั้ง

“กระหม่อมมิกล้า!!! มิกล้า!!!!

ข้อหานี้มิใช่โทษตายทั้งตระกูลหรอกหรือ มิกล้ารับ รับมิได้ คนภายในห้องโถงแสดงความเคารพฮ่องเต้องเงินพร้อมกัน

“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นได้”

จ้าวฉงเจินเอ่ยบอก ก่อนรีบเดินไปหาลีไทเฮา จับพระหัตถ์ขึ้น มาตบเบาๆ พลางเอ่ยปลอบว่า
“เสด็จแม่อย่าได้กังวลพระทัย จิ้นเอ๋อจะต้องปลอดภัยพะย่ะ

“เห็นว่าอาการสาหัสนัก ใครกันกล้าทำเช่นนี้” ไทเฮาเอ๋ย เสียงแผ่ว ปรายตามองไปทางจางฮองเฮา

“เรื่องนี้ลูกสั่งการลงไปแล้ว จะต้องสืบความให้กระจ่าง เสด็จ แม่วางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้โปรดทรงรักษาพระวรกายด้วย ลูกเป็นห่วง”

ฮ่องเต้องเงินเข้าใจความนัย ที่ไทเฮาบอก เพียงแต่ยังไม่ สามารถทําการใดๆ ในตอนนี้ได้ ต้องหาหลักฐานมัดตัวคนผิด ให้ได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตีหญ้าให้ตื่น

ไทเฮาพยักพระพักตร์ อย่างเข้าพระทัย

ฮ่องเต้ปล่อยพระหัตถ์ของไทเฮาแล้วเดินไปหยุดยืนที่หน้า หม่ากุ้ยเฟย หม่ากุ้ยเฟยจึงยืนขึ้น ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่เอ่ย คำใด ดวงตาสับสนเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น และคาดหวัง ฮ่องเต้องเงินจึงยื่นพระหัถต์ไปจับไหล่บางเอาไว้ บีบเบาๆ ก่อน เอ่ย

“เจี่ยเอ๋อ เจ้าก็อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ยอมให้ลูกของเราเป็น อะไร เจ้าเข้าใจหรือไม่”

หม่ากุ้ยเฟยพยักหน้ารับ หยดน้ำตาพลันร่วงหล่นอย่างห้ามไม่ อยู่ นางต้องการเพียงเท่านี้เพียงแค่บุรุษตรงหน้ารับปากนาง นางก็จะเชื่อ เพราะนอกจาก ตำาแหน่งฮองเฮาที่นางเอกก็ไม่เคยต้องการแล้ว ไม่มีอะไรที่ จ้าว ฉงเจิน ผู้ที่ทำให้นางไม่ได้ เขาไม่เคยผิดคำพูด หากผู้ใดกล่าวว่า กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ นางขอยืนยันว่าเป็นเช่นนั้น คนอื่นใช้ หรือไม่นางไม่รู้ แต่สำหรับจ้างฉงเจิน เขาเป็นเช่นนั้นกับนาง จริงๆ

จางฮองเฮาที่รู้สึกเสียหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นภาพตรงหน้า แทบกระอักโลหิต จ้าวฉงเจิน ท่านไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเชียว หรือ แต่ต่อหน้าพระพักตร์ นางอาละวาดไม่ได้ เอาผิดตระกูล ไม่ได้ ลงโทษหม่ากุ้ยเฟยยิ่งไม่ได้ ได้แต่ต้องขัดจังหวะเพื่อรักษา หน้าให้ตัวเองเท่านั้น

“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเป็นห่วงองค์ชายใหญ่ยิ่งนัก จึงร้อน ใจอยากจะเข้าไปดู จางเหว่ยผู้นี้กลับขัดขวาง หม่อมฉันจึงได้ สั่งลงโทษเพคะ”

กู่จางหย่งที่ยืนนิ่งมองไปที่บุตรชายคนโต พยักหน้าให้หนึ่ง ครั้ง ก่อนจะมองหาบุตรี เมื่อเห็นว่าอยู่ด้านหลังหม่ากุ้ยเฟย พยักหน้าให้อีกหนึ่งครั้ง เหมยกุ้ยฮวาเห็นเช่นนั้น จึงหันทางมอง ไทเฮา ลีไทเฮาทรงทองพระเนตรเห็นเข้าพอดีจึงพยักหน้า อนุญาต เหมยกุ้ยฮวา จึงเดินอ้อมด้านหลังไปหาผู้เป็นบิดา และพี่ ชาย ครอบครัวตะกูลยืนรวมกันอยู่ ๔ คน

“ลงโทษหรือ เหตุใดจึงต้องลงโทษในเมื่อคำสั่งห้ามเข้าไป เป็นคําสั่งของเรา ฮองเฮาจะลงโทษเราด้วยหรือไม่เล่า

จ้าวฉงเจินเอ่ยด้วยท่าทีหยอกเย้า แต่น้ำเสียงแฝงความดุดัน

หลายส่วน

จางฮองเฮาพลันได้สติ นางโกรธจนเกือบทำให้เสียเรื่อง แสดงอาการร้อนรนจนเกินไป แม้อยากจะเห็นองค์ชายใหญ่ว่ามี สภาพย่ำแย่เพียงใด แต่หากยังดึงดันจะเข้าเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่ส่ง ผลดีแน่ คิดได้ก็ทิ้งตัวลงคุกเข่า เสียงกระแทกพื้นดัง ปีก!!! ละล่ำ ละลักกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“หม่อมฉันมิกล้าเพคะ เพียงแต่ร้อนใจมากไปเท่านั้น ขอฝ่า บาทลงโทษหม่อมฉันเถิดเพคะ” พลางยกปลายแขนเสื้อขึ้นซับ น้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง

เหมยกุ้ยฮวา ลอบปรบมือให้ในใจ การแสดงล้ำเลิศ เปลี่ยน สีหน้าได้ฉับไวยิ่งนัก น้ำเสียงโศกเศร้าเรียกความสงสาร เรียก ว่าการแสดงนี้ไม่มีที่ติหากเป็นช่วงเวลาที่นางจากมา จางฮองเฮา ท่านต้องได้เป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างแน่นอน

“ฮองเฮา เราขอบใจมากที่เป็นห่วงองค์ชายใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด”
ฮ่องเต้ฉงเงินกล่าว เรื่องที่จ้าวหลี่จิ้นถูกวางยาพิษ ยังไม่มีหลัก ฐานแน่ชัด และหากว่าตระกูลจางเป็นผู้ลงมือ ย่อมไม่มีทางทั้ง ร่องรอยใด ให้สืบสาวไปถึงได้ การให้จางฮองเฮาอยู่ห่างจาก หลี่จิ้น นับเป็นเรื่องดีที่สุด

“เช่นนั้นหม่อนฉันทูลลาฝ่าบาท ทูลลาเสด็จแม่เพคะ”

ไทเฮา โบกพระหัตถ์ให้จางฮองเฮา นางไปได้เสียที ตำหนักนี้ จะได้สงบลงได้บ้าง

กู่จางหย่งเดินเข้ามาใกล้ฮ่องเต้องเงิน น้อมกายคำนับก่อน เข้าไปกระซิบความบางอย่าง ชั่วจิบชา

ฮ่องเต้ฉงเจิน พยักหน้ารับ ก่อนเอ่ยสั่ง

“นำตัว ขันที และนางกำนัลพวกนี้ไปขังรอการไต่สวน คนอื่น

ออกไปรอด้านนอกให้หมด”

ขันทีและนางกำนัลที่คุกเข่าอยู่บนพื้นส่งเสียงร้องไห้ร้องขอ ความเมตตาระงม องครักษ์ส่วนพระองค์ พร้อมทหารองครักษ์ ประจำตำหนักเข้ามากุมตัวออกไป กงกง และนางกำนัลที่เหลือ เดินออกไปตามคำสั่ง

กูจางหย่งสั่งให้จางเหว่ย และหวังเหว่ยพา เหมยกุ้ยฮวาก ลับจวนแม่ทัพ เหมยกุ้ยฮวาจึงเดินไปคารวะไทเฮาและหม่า กุ้ยเฟย ไม่ลืมวาดตัวอักษร อันเซวียน ( ที่แปลว่า ปลอดภัย) บนมือของผู้อาวุโสทั้งสองได้ รับค่าชมว่า “เด็กดี…เด็กดี…” พร้อมกับอ้อมกอดอบอุ่น

ออกจากตำหนัก เหลาเหลา มาแล้ว เหมยกุ้ยฮวายังคงหัน กลับไปมองอีกหลายครั้ง นางเป็นห่วงไทเฮา ห่วงหม่ากุ้ยเฟย และที่สำคัญนางเป็นห่วง พี่ชายบุญธรรมของนางยิ่งนัก หากนาง มิได้อยู่ในร่างเล็กจิ๋วเช่นนี้ นางจะเข้าไปตรวจอาการของเขาด้วย ตัวเอง ด้วยการแพทย์สมัยใหม่ที่นางเรียนมาย่อมดีกว่าการ แพทย์ช่วงเวลานี้เป็นแน่ คิดแล้วพลางถอนใจ บรรพบุรุษเจ้าคะ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

จางเหว่ยเห็นท่าทางของน้องสาวเป็นกังวลจึงเอ่ยปลอบ “พี่ บุญธรรมของเจ้ามิได้เป็นอันใดมากหรอก อย่าได้ห่วงไปเลย วัน พรุ่ง องค์ชายก็ออกไปซื้อของเล่นให้เจ้าได้แล้ว”

เหมยกุ้ยฮวา แปลกใจ ก็เมื่อครู่พี่ใหญ่ของนางมิได้บอกว่า องค์ชายใหญ่อาการสาหัสหรอกหรือ แล้วเหตุใดจึงบอกว่าพรุ่งนี้ ก็ออกไปเที่ยวเล่นได้แล้ว

เมื่อเห็นว่าน้องสาวมีสีหน้าฉงนสงสัย จางเหว่ยจึงจูงมือพา ให้เดินออกไปให้ไกลอีกหน่อย มีหวังเหว่ยเดินตามมาด้วย จาง เหว่ยรอจนปลอดคนจึงได้เอ่ยขึ้นว่า
“เมื่อครู่ พี่ใหญ่ของเจ้ากล่าวว่าองค์ชายอาการสาหัส ใช่หรือ ไม่ แต่พี่มิได้บอกว่าองค์ชายใหญ่อาการสาหัส

“พี่ใหญ่ อย่าได้เอ่ยวาจาเหลวไหล เรารีบพาฮวาเอ่อกลับจวน กันเถิด” กู่หวังเหว่ยเอ่ยขัดขืน สายตามองรอบข้างไปมาอย่างระ แวดระวัง

กู่จางเหว่ย หวังเหว่ยพา เหมยกุ้ยฮวาที่ งุนงง จวนแม่ทัพทันที ขึ้นรถม้ากลับ

อะไรคือองค์ชายใหญ่ มิใช่องค์ชายใหญ่ แล้วหมายถึงใคร เล่า เหตุใดจึงไม่พูดให้เข้าใจง่ายสักหน่อย นางจะเอ่ยถามก็ไม่ ได้ แล้วจะเข้าใจได้อย่างไร คืนนี้นางต้องคิดจนนอนไม่หลับเป็น แน่ พี่ชายท่านรักและเอ็นดูข้าเหมยกุ้ยฮวาจริงหรือไม่ หากรักข้า หวงข้าถึงเพียงนั้น ไยจึงทรมานข้าเช่นนี้ ข้าอยากรู้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ