ติดรักคุณอาสาม

บทที่ 11 เพื่อนรักท้องแล้ว



บทที่ 11 เพื่อนรักท้องแล้ว

บทที่ 11 เพื่อนรักท้องแล้ว

“โอเค”

เซิ่งหวั่นซิงกลับไปพร้อมกับช่างกล้องสองคนนี้ แต่กลับไม่รู้ ว่าการกระทำทุกอย่างอขงเธอล้วนตกอยู่ในสายตาของผู้ชายที่ ยืนอยู่ข้าหน้าต่างห้องประชุมชั้นสอง

ลู่ชื่นสิงมองดูเซิ่งหวั่นซิงจากไป ใบหน้าตึงๆของเขาก็เริ่มเผย ยิ้มเล็กน้อย

คนในห้องประชุมต่างก็จ้องมองไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจ ทำไมปรพชุมถึงครึ่งทางประธานลู่ก็ยืนอยู่ ตรงนั้นไม่ขยับ สายตาที่เอาแต่จ้องไปที่เดิมกว่า10นาที

การประชุมครั้งนี้…ยังจะประชุมกันอยู่ไหม?

ในที่สุด ทุกคนก็เห็นประธานหันหลังกลับมา รีบตั้งสติแล้วนั่ง

ตัวตรง

แต่คาดไม่ถึงว่าลู่ชื่นสิงที่หันมาหยิบมือถือบนโต๊ะ แล้วพูดว่า “พักเบรค 10 นาที
หลังจากนั้นก็กลับไปยืนที่หน้าต่าง แล้วกดโทรออกหาเบอร์ เบอร์หนึ่ง

ทุกคน: “…”

รอไปประมาณ10วินาที ก็มีคนรับสาย ลู่ชื่นสิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ นิ่งๆว่า “ไปบอกให้ผู้จัดการถัน งานแบรนด์ต่างประเทศของโจวน่า น่าให้ยกไปให้นักแสดงคนอื่นๆ ส่วนเธอก็ให้แค่งานธรรมดาก็พอ”

“ครับ ท่านประธาน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่กลับไปนั่งตากแอร์ที่สถานี โทรทัศน์ของตัวเอง เพิ่งหวั่นซิงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้กลับมามี ชีวิตอีกครั้ง

“เธอนี่ก็น่า ทุ่มเกินไปหรือเปล่าเนี่ยะ?” ผู้หญิงร่างที่สูงบาง ผม ยาวเดินเข้ามา ยื่นชาเขียวของเธอให้เพิ่งหวั่นซิงพร้อมกับคิ้ว ขมวดที่กำลังบ่นพึมพำ

“โจวน่าน่านี้อยู่ได้ก็เพราะมีชื่อเสียง และนางก็ไม่มองพิธีกร อย่างพวกเราอยู่ในสายตาหรอกนะ แล้วนี่เธอยังไปลำบากรอสัมภาษณ์นางมาครึ่งชั่วโมง อากาศแบบนี้เธอไม่กลัวตากแดดจน ผิวไหม้หรือไงกัน?”

“มีชื่อเสียง ถึงจะทำให้ช่องเรามียอดวิวเพิ่มขึ้นไง!” เซิ่งหวั่นซิง แลบลิ้นแบร่ มีแต่ต่อหน้าเพื่อนรักของเธอสวีโน่หย่า เธอถึงจะยัง สามารถเป็นตัวของตัวเองได้หน่อย

แต่เป็นเพราะว่าช่วงนี้สวีโน่หย่าลาบ่อย วันปกติก็มักจะมีแค่เมย เมยกับเธอสลับจ้องตากันอยู่ในออฟฟิศสองคน

“หวั่นซิง พวกเธอไม่ไปกินข้าวกันหรอ?” เพื่อนฝ่ายการเงินหยิบ กล่องข้าวเดินผ่านไป “เดี๋ยวฉันกำลังจะไปร้านอาหาร จะกินอะไร หรือเปล่า เดี๋ยวฉันซื้อมาเผื่อพวกเธอ?”

“อ๊บ-แหวะ” เซิ่งหวั่นซิงกำลังจะยิ้มบอกว่าไม่ต้อง สวีโน่หย่าที่ ยืนอยู่ข้างๆก็ยกมือขึ้นมาปิดปากทันที แล้ววิ่งไปที่ถังขยะไปอ้วก

เธอตกใจไปสักพัก แล้วรีบวิ่งตามไป ตบหลังให้สวีโน่หย่าเบาๆ “ไม่เป็นไรใช่ไหม?

สวีโน่หย่าโบกมือ ช่วงที่เงยหน้าขึ้น สีหน้าดูซีดๆ: “ไม่เป็นไร คง เป็นเพราะยังไม่ได้กินข้าวหล่ะมั้ง
“แต่ฉันว่าไม่ใช่นะ?” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินเข้ามา มองสวีโน่ หย่า สีหน้าสงสัย: “ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นเธออยากอ้วกนิ แต่พอฉัน ยกถ้วยน้ำซุปปลานี้มาแล้วเธอก็ดันอยากอ้วกพอดี”

นิ่งไปสักพัก มีคนเอ่ยออกมาด้วยความไม่แน่ใจว่า “หรือ ว่า…ท้อง?”

“หา เป็นไปไม่ได้?” เพิ่งหวั่นซิงหัวเราะ “แม้แต่แฟน เสี่ยวหย่าก็ ยังไม่มี แล้วจะ..”

“ขอโทษนะ หวั่นซิง” สวี่โน่หย่ากุมมือของเซิ่งหวั่นซิงไว้ พูดจา ล้ำๆอึ้งๆ: “ฉันมีแฟนแล้วแหละ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ด้วยกันหรือ เปล่า ฉันก็เลยไม่ได้บอกให้เธอฟังสักที”

เซิ่งหวั่นซิง : “…………”

“หวั่นซิง ฉันรู้ว่าพวกเราสัญญากันแล้ว ว่าถ้ามีแฟนจะต้องบอก ให้กัน แต่ฉันกะว่าหลังจากคบกันได้ซะสองสามเดือนแล้วจะบอก เธอ เธออย่าโกรธฉันเลยนะ นะ?

“นี่ยังบอกว่าลองคบกันอีกสองสามเดือนก่อน?” โกรธก็ส่วน โกรธ แต่ตอนนี้เพิ่งหวั่นซิงเป็นห่วงเธอมากกว่า “เดี๋ยวเรื่องนี้ค่อย คิดบัญชีกับเธอทีหลัง มา ฉันพาเธอไปซื้อเครื่องตรวจครรภ์ ดูสิว่า ท้องจริงหรือเปล่า”
“ไม่ต้องไปซื้อให้ยุ่งยากขนาดนั้นหรอก ฉันมี!” เพื่อนร่วมงาน

พูด

หลังจากรอให้เพื่อนเอาเครื่องตรวจครรภ์มา เพิ่งหวั่นซิงก็เข้าไป ในห้องน้ำกับสวี่โน่หย่า

รอที่หน้าประตูอยู่หลายนาที พอเซิ่งหวั่นซิงเห็นสวีโน่หย่าเดิน ออกมา สีหน้าดูมีความสุข มืออีกข้างจับไปที่ท้องน้อยของเธอ เธอตาโต ” ไม่ใช่มั้ง อย่าบอกนะว่าท้องจริงอ่ะ?”

สวีโน่หย่าพยักหน้าอย่างมีความสุข “อืม ท้องจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ