ติดรักคุณอาสาม

บทที่ 5 ทำไมต้องช่วยเธอ



บทที่ 5 ทำไมต้องช่วยเธอ

บทที่ 5 ทําไมต้องช่วยเธอ

คุณแม่ที่อยู่ข้างๆสะกิดเธอเบาๆ เธอก็รีบนั่งลงไปไม่กล้าพูด อะไรต่อ

ลู่ซี่นลิงเป็นลูกชายคนเล็กที่สุดของคุณปู่ เป็นรุ่นอาหลานกับลู่ หันเฉิน แต่อายุห่างกันเพียงแค่6ปี

ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมานี้จะไปบริหารงานอยู่ที่สาขาย่อยใน แคนาดา แต่ว่าทุกคนในบ้านลู่ก็จะมีความเกรงกลัวต่อเขา รวมถึง คุณปู่ก็ต้องยอมเขา

สายตาที่เย็นชาของลู่ชื่นสิงกวาดมองไปหาทุกๆคนที่นั่งอยู่บน โต๊ะ น้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ไม่ใช่จัดงานต้อนรับให้ผมหรอกหรอ กินแค่ข้าวยังจะทำให้วุ่นวายขนาดนี้ ไม่พอใจอะไรผมงั้นหรอ หึม?”

เจียงซิงฉีบึนปาก ได้แต่โกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร

แม่ของเจียงซิงฉีพูดไปหัวเราะไป: “ซิงฉียังเป็นเด็ก ยังไร้เดียง สา…แฮะแฮะ นสิงอย่าไปถือสาแกเลยนะ”

ลู่ซื่นสิงหัวเราะเหอะหนึ่งที มือที่เรียวยาวก็วางตะเกียบลง“อะไร เพราะว่าเด็กแล้วจะพูดจาอะไรก็ได้งั้นหรอ?”

สีหน้าของแม่เจียงซิงฉีถึงกับชา ลู่ชื่นสิงก็ทำหน้านิ่งแล้วพูดต่อ “ผมจําได้ว่าตอนที่เซิ่ง วอันแต่งงานนั้นก็ไม่รู้ว่าแม่ของเซิ่งหวั่น ชิงนั้นตั้งท้องอยู่ อีกอยากเมียเก่าของเขาก็ตายไปแล้ว เขาถึง ค่อยได้ไปคบหาดูใจกับแม่ของเซิ่งหวั่นซิง แล้วแต่งงานเข้ามาอยู่ ด้วยกัน ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วแม่ของเซิ่งหวั่นชิงแต่งเข้ามาในบ้าน ตระกูลเซิ่งมันก็เป็นความชอบธรรมไม่ใช่หรอ หืม?”

“ใช่ใช่ ใช่ฉีฉีแกไม่รู้เรื่องอะไร” สีหน้าของแม่เจียงซิงฉียิ่งแย่ เข้าไปใหญ่ ได้แต่ฝืนยิ้ม

“แต่ว่าคุณน่าจะรู้นะครับ?” ล่ นลงมองไปที่แม่ของเจียงซิงฉื แววตาเยือกเย็นอย่างกับน้ำแข็ง: “ตอนที่คุณตั้งท้องแล้วมา ร้องขอให้อาของหันเฉินแต่งงานกับคุณ ความแตกต่างระหว่าง มือที่สามกับภรรยา ผมว่าคุณน้าเองน่าจะรู้ดีที่สุดนะครับ”

ในที่สุดคุณปู่ก็เอ่ยปากพูดขึ้น: “นสิง…

“ผมอิ่มละครับ” ลู่ซีนสิงวางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ กวาดสายตา มองไปหาทุกคน แล้วหยุดสายไว้ที่สองแม่ลูกคู่นั้น “ครั้งนี้ก็ช่าง มันเถอะ แต่ผมหวังว่าจะไม่เห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก! เวลา กินก็อย่าพูด เวลานอนก็ให้หลับ แค่ตรรกะอย่างนี้ก็ไม่เข้าใจหล่ะก็…เห็นที่ผมจะต้องของสั่งสอนเธอ เป็นการส่วนตัว!”

เขาผลักเก้าอี้ถอยไปด้านหลัง แล้วเดินตรงขึ้นไปชั้นสอง สองแม่ลูกคู่นี้ถึงกับอารมณ์เสียแต่ไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง…

เพิ่งหวั่นซิงสองตาลืมโตและกำลังอึ้งอยู่กับภาพเหตุการณ์นี้ เธอนึกไม่ออกจริงๆว่าลู่ชื่นสิงจะมีสาเหตุอะไรที่มาสั่งสอนสอง แม่ลูกคู่นี้

แต่พอเธอคิดในอีกมุมหนึ่ง เขาช่วยเธอให้ได้ระบายความโกรธนี้ ออกไป บุญคุณครั้งนี้เธอจะจำไว้เป็นอย่างดี

เมื่อเหตุการณ์นี้ผ่านไป บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูเคร่งเครียด ไปมากกว่าเดิม เจียงซิงฉีโมโหจนอกแทบจะระเบิด แต่เพราะลู่ชื่น สิงได้เอ่ยปากพูด ทำให้ทุกคนไม่กล้าพูดถึงเซิ่งหวั่นซิงอีก

ลู่หันเฉินรู้สึกประหลาดใจ ถามเสียงเบาๆว่า “หวั่นซิง คุณรู้สึกว่า วันนี้อาชายสามแปลกไปไหม?”

“หา? ทำไมถึงถามอย่างนี้หล่ะคะ?” เพิ่งหวั่นซิงตะลึงอยู่
“ปกติอาชายสามของผมจะนิ่งเฉย เย็นชา ไม่เคยพูดช่วยใครมา ก่อน และก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่เขากลับพูดช่วยคุณ…. แม้แต่ลู่หันเฉินก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไม

“อ่อ…อย่างงั้นหรอ?” เพิ่งหวั่นซิงสังเกตเห็นสีหน้าทุกคนบนโต๊ะ อาหารดูเปลี่ยนไป ไม่กล้ายื่นตะเกียบออกมาคีบอาหาร ขนาดขบ เคี้ยวข้าวก็ไม่กล้าออกเสียง

ในใจรู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าพวกเขาจะคิดมากไปหรือเปล่า?

ลู่ซื่นสิงก็อาจจะแค่เห็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมก็เลยช่วยเธอ?

หลังมื้ออาหารค่ำ ลู่หันเฉินที่เมาแอ๋อยู่ก็ถูกเซิ่งหวั่นซิงกับแม่ บ้านช่วยกันพยุงขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสอง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ