ติดรักคุณอาสาม

บทที่ 20 ผมไม่ชอบ



บทที่ 20 ผมไม่ชอบ

บทที่ 20 ผมไม่ชอบ

อาจจะเป็นเพราะล่นลงมาพร้อมกับความเย็น ทําให้บรรยากาศ บนโต๊ะอาหารอึดอัด โดยเฉพาะคนที่นั่งตรงหน้าของเขาเพิ่งหวั่น ชิง ไม่เคยรู้สึกว่าการกินข้าวมันจะตื่นเต้นได้ขนาดนี้ แม้แต่จะ เม้าท์มอยกับสวีโน่หย่าก็ไม่เป็นธรรมชาติแล้ว

ต่อมา สวีโน่หย่าก็เล่าถึงเรื่องสมัยเรียน เพิ่งหวั่นซิงก็นึกถึง ความทรงจำเก่าๆเช่นกัน ลู่หันเฉินก็พูดแทรกเป็นครั้งครา บรรยากาศดูผ่อนคลายมากขึ้น ลู่ชื่นสิงก็เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว ของตัวเอง ไม่พูดจา สีหน้านิ่งเฉย

ผ่านไปประมาณ10นาที พนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหาร

เป็นเมนูแนะนําทุกจาน แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นอาหารรสจืดชืดไป ทั้งหมด

เพิ่งหวั่นซิงมองไปที่โต๊ะอาหาร ตกใจไปสักครู่หนึ่ง ต่อมาก็พูด ล้อเล่นกับลู่หันเฉินว่า “นี่คุณลืมไปแล้วหรอคะว่าฉันชอบกินเผ็ดๆ หน่ะ ทำไมสั่งแต่รสจืดๆมาหล่ะ? แล้วยังมีซุปกระดูกหมูอีก นี่คุณ จะให้ฉันบำรุงอะไรเนี่ย?”
“หา? คุณไม่ชอบกินหรอ?” ลู่หันเฉินเหมือนจะตื่นตระหนกไปสัก แป๊ป แล้วรีบตอบกลับมาว่า “ผมว่าช่วงนี้อากาศมันร้อน กินจืดๆ หน่อยก็ดี ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็ร้อนในได้ อีกอย่างซุปกระดูกหมูนี้ก็ มีประโยชน์กว่า

“อ๋อ” เหิ่งหวั่นซิงคิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัด ในใจรู้สึกไม่มีความ

ปกติทุกครั้งที่ออกไปกินข้าวด้วยกัน ลู่หันเฉินก็จะสั่งอาหารไว้ ก่อนล่วงหน้า แต่ก็จะเป็นอาหารที่เธอชอบทั้งนั้น

ทำไมช่วงนี้ เธอรู้สึกว่าลู่หันเฉินใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้แต่ว่า เธอชอบกินอะไรก็ลืมไปหมดแล้ว?

สวี่โน่หย่าก็หัวเราะพูด “ช่วงนี้อากาศร้อน กินรถจืดๆหน่อยก็ดี เหมือนกัน มามามา พวกเรากินกันเถอะ”

“ผมไม่ชอบ” ลู่ชื่นสิงพูดหักหน้าสวีโน่หย่าไปตรงๆ

สวี่โน่หย่าสีหน้าซีดขาว ส่วนลู่ชื่นสิงก็ยกมือเรียกพนักงานมาว่า ขอสั่งอาหารใหม่

อาหารบนโต๊ะที่ยังไม่ทันได้กินก็ถูกเก็บไปอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ยิ่งอึดอัดเข้าไปอีก เหิ่งหวั่นซิงเหลือบ ตามองลู่ นสิง ในใจคิดว่า ผู้ชายคนนี้นั้นไม่คิดเผื่อคนอื่นบ้างเลย แต่เผอิญเธอก็ไม่ชอบกินอาหารพวกนี้อยู่พอดี ก็เลยไม่ได้พูด อะไรไป

ไม่นานพนักงานก็มาเสิร์ฟอาหารใหม่

มองไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเสฉวน หลากหลายรสชาติ โดยเฉพาะปลาย่างหม่าหล่ากับหม่าหล่ากุ้งมังกร แววตาเซิ่งหวั่น ชิงนั้นถึงกับตั้งเลย

นึกไม่ถึงเลยว่า อาชายสามของหันเฉินก็ชอบกินเผ็ดเหมือนกัน คล้ายๆกับเธอ!

เพิ่งหวั่นซิงเช็ดๆไปที่ตะเกียบ คีบแผ่นเนื้อหม่าหล่ายัดเข้าไปใน

ปาก

อาจเป็นเพราะกลัวลู่ชื่นสิง ลู่หันเฉินไม่กล้าพูดอะไรเลย ได้แต่ หันไปสะกิดตาให้สวีโน่หย่า สวีโน่หยาบิ่นปากช่วงล่าง จำใจหยิบ ตะเกียบขึ้นมา

เพิ่งกินไปได้ครึ่งทาง สวีโน่หย่าเหมือนพยายามอยากทำให้ตัว เองมีตัวตน ก็พูดว่า “หวั่นซิง ฉันยังรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเราเพิ่ง เรียนจบเมื่อวานเอง แต่ที่ไหนได้นี่เธอก็ใกล้จะแต่งงานแล้วเนาะ
“ช่วยไม่ได้ เลี้ยงตัวเองไม่ไหวแล้วนิ” มีแต่คนรู้จัก เซิ่งหวั่นซิงก็ เลยพูดล้อเล่นไปเพื่อความสนุก “ก็เลยรอให้หันเฉินของเราเลี้ยง ไงหล่ะ!”

หลังพูดจบ เซิ่งหวั่นซิงยักคิ้วให้สวีโน่หย่าไปสองที หัวเราะพูด ว่า “เอ๋ๆ อย่าเอาแต่พูดถึงฉันสิ ดูเธอสิ ท้องมาตั้งนานแล้ว ยังไม่ ยอมเอาแฟนมาแนะนำให้พวกเราสักที ไม่สนหล่ะ ครั้งหน้าเธอจะ ต้องพาแฟนของเธอมาให้ฉันกับหันเฉินดูๆหน่อย จะได้ช่วยเธอ สแกนดูด้วย หันเฉิน คุณว่าใช่ไหม?”

ลู่หันเฉินถึงกับตัวแข็ง ยิ้มแห้งๆ “ใช่ๆ

เขาเหลือบไปมองเซิ่งหวั่นซิง ลู่ชื่นสิงสีหน้านิ่งๆ “ถ้าคนอื่นเขา อยากให้เธอดู ป่านี้เขาก็เอารูปให้เธอดูก่อนแล้ว

ทั้งสามคนที่เหลือในโต๊ะอาหารต่างก็หันไปมองเขา โดยเฉพาะ เพิ่งหวั่นซิง รู้สึกไม่สบายใจเลย

อาชายสามของหันเฉินหมายความว่าอย่างไรกัน อยากจะเสี้ยม ให้ทะเลาะกันหรือเปล่า?

ลู่ซีนสิงใช้ผ้าเช็ดปากไปสองสามที เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มแล้ว พูดว่า “ผมไม่ได้จะหมายความว่าอะไร ผมก็แค่คิดว่าเรื่องแฟน อย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆ มากไปกว่านั้น พวกเธอยังเป็น เพื่อนรักกันอีก”
จงใจพูดเน้นคำว่า เพื่อนรัก สองคำนี้ จนทำให้สวีโน่หย่ากับลู่หัน เฉินสีหน้าเปลี่ยนไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ