การแต่งงานคือสายฝน: ภรรยาสุดรักของ ประธานาธิบดี

บทที่ 27 ฉันเรียนมาน้อย อย่ามาหลอกกันนะ



บทที่ 27 ฉันเรียนมาน้อย อย่ามาหลอกกันนะ

เอมมิกายังไม่หายโมโหเลย ตาบ้านใจร้ายที่สุด

เอมมิกา นหน้านี้ เอียงตัว ด าแพง หลีกทางให้คร

ถึงจะสู้ภัครไม่ได้ แต่เธอก็หลีกเลี่ยงเขาได้

เขาไม่เพียงแต่เดินลงมาอย่างช้าๆ พอเดินถึงตรงหน้า เอมมิกากลับหยุดแล้วถามเสียงต่ำ “วันนี้เธอนอนที่นี่หรอ?”

เอมมิกาไม่มองหน้าภัครเลย แค่คิดถึงคำพูดของเขา ก่อนหน้านี้ที่ว่าไม่เอาเธอไปทิ้งขยะก็ดีแค่ไหนแล้ว มันทำให้ เอมมิกาหัวร้อน ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนก่อเรื่อง ยังจะอยากโยน เธอทิ้งถังขยะอีก! ! ! ที่ตัวเอมมิกาเปียกน้ำกับเปื้อนน้ำมัน ก็ เพราะเขาเป็นคนทําแท้ๆ

“ฉันเป็นขยะ นายไม่ต้องมาคุยกับขยะ ” เอมมิกาบอก

ฝืดฟัด

ภัครเชยคางเธอขึ้นเพื่อมองหน้าเขา “ขยะพูดไม่ได้นะ หรือเธออยากเป็นใบ้

เอมมิการู้ความหมายของคำพูดเตือนนี้ เธอรีบเม้มปาก ไม่พูดอะไร

ภัครเมื่อเห็นเอมมิกาน้ำตาคลอ เหมือนจะควบคุม อารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว ทั้งโกรธ ทั้งโมโห มันทำให้คนมอง อย่างเขาใจอ่อน

เสียงของภัครอ่อนลงมาก ‘ ‘ไม่รู้ว่าสรุปแล้วเธอต้องการ

เดิน อะไรกันแน่?”

“คะ?” เอมมิกาใจสั่น

น้ำเสียงของเขา ทำให้คนฟังคิดไปไหล

แต่ยังไงก็ตาม ภัครไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาปล่อยมือแล้ว เดินลงบันไดไป

เอมมิกามองตามหลังของภัคร สงสัยเธอคงจะคิดมากไป

เอง

เธอเข้าไปในห้องของตัวเอง ล็อคประตูแล้วอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเป็นกี่เพ้าของคุณย่า

กี่เพ้านี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าสั่งตัดพิเศษ แต่ว่าเธอสูงกว่า คุณย่ามาก ทำให้ความยาวของชุดที่ควรจะอยู่ที่หัวเข่ากลับ

ไปถึงแค่ต้นขา

เอมมิการีบซักเสื้อผ้าของตัวเองแล้วตากไว้ พรุ่งนี้เช้าถ้า แห้งเธอจะได้เปลี่ยนกลับมาเป็นชุดของตัวเอง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เอมมิกาขวานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า คนที่โทรมาเป็น แม่เลี้ยงของเธอเอง “แม่คะ หนูทำงานอยู่ข้างนอก วันนี้ไม่ได้ กลับบ้านแล้ว ไม่ต้องรอหนูนะ พักผ่อนเยอะๆนะคะ”

“เอม หนูมีเงินเท่าไหร่?” บัวผู้เป็นแม่เลี้ยงของเธอถาม “มีสามแสนกว่าค่ะ มีอะไรรึเปล่า? พี่กำเริบอีกแล้วหรอ คะ?” เอมมิกาถาม

“ไม่ใช่พี่สาวของแก วันนี้ตอนที่แม่ไปทำงานบ้านที่บ้าน คนอื่น เผลอไปทำแจกันโบราณของเขาแตก พวกเขาให้แม่ ชดใช้ แปดแสนบาท หนูเอาเงินให้แม่ยืมก่อนได้ไหม?” บัว อธิบายให้เอมมิกาฟัง

“ยืมอะไรกันคะ เดี๋ยวหนูโอนเงินไปให้นะคะ แต่ว่าแม่ แน่ใจนะว่าเป็นวัตถุโบราณ? จะถูกหรอก ” เอมมิกากลัวแม่เลี้ยงของเธอ

“ตอนเย็นแม่เอาซากของแจกันไปให้ร้านเขาเช็คดูแล้ว เขาบอกถ้าจะซื้อตอนนี้ราคาก็อยู่ที่ประมาณสามล้านกว่า ผิด ที่แม่เองไม่รู้จักระวัง ถ้าแม่หาเงินมาชดใช้ให้เขาไม่ได้ ต้อง ติดคุกแน่เลย ตอนนี้แม่ติดคุกไม่ได้ พี่สาวของลูกกับพ่อยัง ต้องการคนดูแล” บัวพูดเสียงสั่น

‘บวกกับของหนูสามแสน ยังขาดอีกเท่าไหร่คะ?”

“หลายปีมานี้พ่อของลูกร่างกายไม่แข็งแรง พี่สาวก็เข้า โรงพยาบาลหลายรอบ แม่มีเงินสดแค่ห้าหมื่น ยังขาดอีกสี่ แสนกว่า ญาติของพวกเราก็ถูกเรายืมเงินจนไม่กล้าให้ยืม แล้ว ยังติดพวกเขาอีกเกือบล้านแหนะ”

เอมมิกาพอจะเข้าใจแล้ว “เดี๋ยวหนูช่วยหาวิธีนะคะ”

“ให้คำตอบแม่วันนี้ได้ไหม พรุ่งนี้แม่ต้องเอาเงินไปชดใช้ ให้เขา”บัวบอก “ค่ะ” เอมมิกาตัดสายไป

เอมมิกาโทรหาเพื่อนทุกคนเธอหามาได้ทั้งหมดห้าหมื่น บาท แล้วยืมจากอาจารย์ได้มาอีกสี่หมื่นบาท แค่ยืมได้เท่านี้ เธอก็ขอบคุณทุกคนมากแล้ว

เธอจะทนมองแม่เลี้ยงของเธอเข้าคุกไม่ได้ เธอหายใจ เข้าลึกๆ มองไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว โทรออกไป

“ใคร?”

”น้าคะ พ่อของหนูอยู่ไหมคะ?” เอมมิกาถาม

“เอมมิกา” เสียงของคนปลายสาย “แกยังมีหน้าโทรมา อยู่หรอ สิ่งที่แกนํามันทําให้พ่อขายหน้าไม่พอ ยังไง? แกออก จากบ้านนี้ไปแล้ว ก็ไม่ควรที่จะติดต่อกลับมาอีก”

“หนูมีเรื่องจะคุยกับพ่อค่ะ” เอมมิกาอดทนแม้ว่าคน ปลายสายจะพูดไม่ดีใส่

“มีธุระ? อย่าบอกฉันนะว่าแกจะโทรมาขอเงินพ่อ ผู้หญิง อย่างแก เวลาที่ต้องการเงินถึงจะโทรหาเขาเท่านั้นแหละ โชค ดีที่พ่อของแกไปต่างประเทศ ไม่อย่างงั้นถ้าเขาได้ยินเสียงแก คงความดันขึ้น อีกอย่างปรางกับตาฟอร์ดก็จะหมั้นกันเดือน หน้านี้แล้ว แกอย่ามาทำลายความสุขของน้องแก” ปลายสาย พูดอย่างรังเกียจเธอ

เอมมิกาหลับตาลง ตอนนี้ใจเธอเหมือนถูกทำร้ายจนเจ็บ ในที่สุดเธอก็ไม่ตอบอะไรจนตัดสายไป

ตอนนั้นเธอเลือกที่จะออกมาอย่างหยิ่งทะนง เรื่องที่เกิด ขึ้นมันถูกเธอฝังไปแล้วทั้งความจริง การถูกว่าร้าย รวมถึง ความรู้สึกของเธอด้วย แต่ทําไมทุกวันนี้เธอถึงยังคงเจ็บปวด

ผู้ชายคนนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะแลกด้วยชีวิตเข้าช่วยแล้ว ก็ตาม แต่เขาก็ได้เดินออกไปจากโลกของเธอแล้ว เขามอบ ความรักและการแต่งงานให้กับผู้หญิงอีกคนไปแล้ว

เอมมิกาเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ใช้ทั้งสองมือจับตรง หน้าอกฝั่งซ้าย เธอพยายามกลั้นนํ้าตาให้ไหลกลับเข้าไป

ไม่จําเป็นต้องร้องไห้ น้าตามันไม่ช่วยอะไรเลย

เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู

ถ้าการใช้ชีวิตมันลำบาถึงขีดสุดแล้ว คำว่ายางอายก็เป็น เพียงของฟุ่มเฟือย

เอมมิกาเคาะประตูห้องคุณย่า

คุณย่าเปิดประตูท่าตาลุกวาว “ว้าว สวยจริงๆ หนูเอม หนูเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ย่าเคยเจอ เหมือนหลุดออกมาจาก ภาพวาดเลย คนบางคนก็เนอะเหมือนไม่มีตาเลย”

“คุณย่าคะ หนูขอยืมเงินสามแสนได้ไหมคะ?” เอมมิกา

ถามอย่างระวัง คุณย่าทำตาเปร่งประกาย “ไม่ได้หรอก ย่าไม่ยอมทอน ขนตัวเอง แต่ถ้าหนูทำงานให้ย่าได้ ก็สามารถคุยกันได้นะ”

“ใช้แรงงาน?”

“หนูมาเป็นแม่บ้านให้ย่าสิ ย่าจะให้เดือนละสองหมื่นห้า ถ้าหนูจะยืมสามแสนก็ต้องทำงานที่นี่หนึ่งปี” คุณย่าบอก

“แต่หนูต้องทำงานนิคะ หนูไม่มีเวลามาเป็นแม่บ้านให้ คุณย่าหรอก” เอมมิกาปฏิเสธ

“หนูไม่จำเป็นต้องทำตลอดเวลา เวลาในไม่ทำงานก็มาที่ นี่ โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์ อาทิตย์”

“แต่วันหยุดบางครั้งหนูก็ต้องทำโอทีนะคะ”

คุณย่าทำหน้าเขร่ง เอามือท้าวสะเอง “สรุปแล้วหนูจะ ยืมเงินไหม”

เอมมิกาไม่มีทางเลือก คุณย่าเป็นคนเดียวที่สามารถ ให้เธอยืมเงินได้ในตอนนี้ “แล้วถ้าหนูคืนเงินให้หมดก่อน

สามารถจบการทำงานก่อนได้ไหมคะ”

“ไม่ได้ แต่ว่าถ้าหนูจำเป็นต้องทำโอที ไม่มาก็ได้ ฉันเห็น ว่าหนูช่วยชีวิตฉันไว้เลยพูดง่ายขนาดนี้นะ”

“ค่ะ” ทุกอย่างเข้าทางคุณย่า เธอหัวเราะแล้วตบบ่าเอมมิกา

เบาๆ “หนูเอม เรามาเซ็นต์สัญญากันก่อนดีมัน ฉันเรียนมา น้อย อย่ามาหลอกกันนะ”

เอมมิกาหัวเราะแห้งๆ แล้วเซ็นต์สัญญา คุณย่าโอนเงิน ให้เธอทันทีสามแสน โดยที่ไม่ถามเหตุผล แล้วพาเธอเดินไป ที่ห้องครัวเพื่อปลอกแตงโมแล้วยื่นให้เธอ “เอานี่ไปที่ชั้นสอง ห้องแรก หนูรอจนภัครกินหมดนะ’

“คะ? คุณภัครยังไม่กลับหรอคะ” ในหัวเอมมิกามีแต่

เสียงอื้ออึง

คุณย่า ที่จริงเธอเรียนหนังสือ ก็เรียนมาไม่เยอะ….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ