เหมยฮวา บุตรีผู้เป็นที่รัก (1)
ทันทีที่จางหย่งเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า พ่อบ้านหลวิ่งหน้าตา ตื่นมาแจ้งอย่างร้อนรน เหมยฮวา ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ใจผู้ เป็นพ่อได้ฟังร้อนดั่งไฟสุมขอน อาศัยวิชาตัวเบาทะยานถึงหน้า เรือนบุตรีเพียงชั่วพริบตา หลมามา ฮูหยินของพ่อบ้านหมี่ผู้เลี้ยง ดูเหมยฮวารายงานทั้งน้ำตาว่า ได้เชิญท่านหมอมาถึงแล้ว กำลังตรวจดูอาการคุณหนูอยู่ด้านใน
ตึง!!! โครม!!! เสียงดังสะท้านสะเทือนจวนแม่ทัพใหญ่แห่ง แคว้นเหลียง
ร่างสูงใหญ่ที่ผ่านการกรำศึกมานานกว่าสิบปีเดินวนไปวนมา มือด้านหนาจากการจับดาบฟาดสิ่งกีดขวางเพื่อระบาย โทสะที่ไม่ อาจข่มกลั้น
ถัดไปไม่ไกล สตรีร่างแบบบางวัยไม่เกินยี่สิบปี ยืนสะดุ้งตัวสั่น ไหว พลางก้มหน้าปิดตาอย่างหวาดหวั่น ข้างกายมีสาวรับใช้ คุกเข่ากอดขาด้วยความหวาดกลัวอยู่ข้างละคน
“เหตุใดจึงช้านัก ฮวาเอ๋อเป็นอย่างไรกันแน่” กู่จางหย่ง ตวาด เสียงดังลั่น ไอสังหารแผ่กระจาย สร้างแรงกดดันไปทั่วบริเวณ
บ่าวไพร่ต่างคุ้นชินแต่ก็ยังพากันตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ เดิมทีแม่ทัพกู่เจ้าของจวนมิใช่คนอารมณ์ร้อน ปกครองบ่าวรับ ใช้ในเรือนด้วยความเมตตา แต่ด้วยเรื่องตอนนี้เกี่ยวกับ เหม ยฮวา บุตรีคนเล็กที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ จึงไม่อาจสงบอารมณ์ลงได้โดยง่าย
ทันใดบานประตูห้องก็ถูกเปิดออก ชายผู้มีผมขาวเคราขาว มองแม่ทัพเจ้าของจวนอย่างสุขุม ยกมือขึ้นประสานทําความ เคารพอย่างนอบน้อมคราหนึ่งเอ่ย
“คารวะท่านแม่ทัพ
จางหย่ง รีบยกมือขึ้นประสานแสดงความเคารพกลับ พร้อม เอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“ล่วงเกินท่านหมอจงแล้ว” ถึงอย่างไรจงหลิวก็อาวุโสกว่าเขา หลายปีนัก ทั้งยังเป็นหมอมากฝีมือที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง เขาไม่ควรเสียกริยาเช่นเมื่อครู่
จงหลิวพยักหน้าเข้าใจไม่ได้ถือโทษ ด้วยรู้ถึงความรักในบุตรี เพียงคนเดียวของแม่ทัพหนุ่มรุ่นลูก ว่ากันว่า หากเปรียบคุณหนู เหมยฮวาในใจท่านแม่ทัพ แม้แต่ไข่มุกหรือหยกล้ำค่า ก็หา เปรียบได้ไม่
“เชิญท่านแม่ทัพ” จงหลิวเบี่ยงตัวผายมือข้างที่ไม่ได้ไขว้หลัง เชิญเจ้าของสวนให้เข้ามาด้านใน ก่อนเดินตามไปที่เตียงนอน ภายในห้อง ด้านหลังยังมีพ่อบ้านหมี่ หลมามา และสตรีแบบบาง กับสาวใช้ส่วนตัวสองคนตามเข้ามาด้วย
กู่จางหย่ง เพ่งมองเด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวละเอียดราวไข่มุก ที่นอนสิ้นสติบนเตียงกว้าง รอบศีรษะถูกพันผ้าสีขาวไว้รอบ รอย สีแดงจางๆ ทำให้รู้ว่าบาดแผลภายใต้ผ้านั้นยังมีโลหิตซึมออก มาไม่หยุด แขนเรียวมีรอยแดงทั้งสองข้าง พลันรู้สึกเจ็บจุกตรงกลางอกจนตัวห่อ มือหนาสั่นเทาเอื้อมไปข้างหน้าก่อนจะ หยุดชะงักลงเพราะเสียงท้วงติงของจงหลิว
“ท่านแม่ทัพโปรดให้คุณหนูได้พักอีกหน่อยเถิด แผลไม่สาหัส มาก เพียงแต่บอบช้ำรุนแรงนัก รอให้คุณหนูคืนสติข้าจะตรวจดู อีกครั้ง ตอนนี้ท่านคงอยากรู้ไม่ต่างจากข้าว่าเหตุใดคุณหนูจึง ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้”
จางหย่งกำมือที่ชะงักค้างแน่น ตาเรียวลึกหลับลงก่อนพ่นลม หายใจเพื่อสงบโทสะอีกครั้ง ร่างหนาหันไปค้อมศีรษะให้จงหลิว หันตัวเดินนําออกมาที่โต๊ะกลางห้อง จงหลิวเดินตามออกมา เงียบๆ ต่างฝ่ายต่างผายมือเชิญให้คนตรงข้ามนั่งลง จางหย่ง ลงมือรินน้ำชาให้จงหลิวด้วยตัวเอง เป็นการให้เกียรติผู้อาวุโส ทั้งคู่จิบน้ำชาเพื่อผ่อนคลายก่อนเริ่มสืบสาวราวเรื่อง
“หลี่มามา” กู่จางหย่งเอ่ยเรียกคนดูแลบุตรี
หลมามา เป็นหญิงอายุราวห้าถึงหกสิบปี พี่เลี้ยงคนสนิทของ หญ่เยี่ยน อดีตฮูหยินแม่ทัพที่จากไปหลังจากเหมยฮวาอายุได้ เพียงหนึ่งปี นางรับหน้าที่ดูแลคุณหนูฮวาเอ๋อ ตามคำสั่งเสียขอ งอดีตฮูหยิน รักและดูแลประหนึ่งเป็นบุตรีของตน
หลมามาก้าวออกมา ยอบกายทำความเคารพ เริ่มเล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียงสั่นเครือ
“เรียนนายท่าน วันนี้คุณหนูเดินเล่นอยู่หน้าเรือนรอคุณชาย ใหญ่เหมือนเช่นทุกวันเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าคุณหนูจะหิว จึงเดินไป หาของว่างในเรือนครัว เพียงชั่วครู่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น กลับมาก็เห็นคุณถูกบ่าวรับใช้แม่นางท่านทุบตีอย่างน่าสงสาร บ่าวเข้าห้ามแต่ถูกทุบตีทำร้าย หัวกระแทกหินหมดสติ พวกนางได้หยุดคุณหนูน่า สงสาร บ่าวดูแลคุณไม่ผิดต่อฮูหยินยิ่งนัก ขอนายท่าน โปรดลงโทษบ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ” มามาทิ้งตัวเข่ากระแทกพื้น ตามด้วยเสียง ครั้ง
หลี่มามา อย่าได้ทำเช่นนี้ หากเขียนเอ๋อรับรู้จะตำหนิได้” จางหย่ง โบกมือให้พ่อบ้านหลช่วยพยุงหมาให้ลุกขึ้น หน้าไปทาง แม่นาง ที่หมามากล่าวถึง
จางหลีหลิว จากหวาดหวั่นเพราะถูกไอสังหารกดดันตอน แรก พอรู้ว่าคนลงมือทำร้ายมิหมดลมหายใจสามารถกลับมาควบคุมตนเองได้ ยืนนิ่งเชิดเลี้ยงดูมาเยี่ยงคุณหนูสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจ ผูกใจ ต่อจางตั้งครั้งยังเยาว์ ขั้นยอมฮูหยินรอง แต่ กลับถูกจางหย่งปฏิเสธเพราะต้องการอยู่เพียงคู่สามีภรรยา กับ หยู่เยี่ยน ไม่ต้องการสามภรรยา สื่อน กระทั่งแม่ทัพจากไป จางหย่งยังคงปฏิเสธตลอด
หลีหลิวไม่ยอมแพ้อ้อนวอนฮ่องเต้ฉงเงินให้ออกราชโองการพระราชทานสมรสกับ แม่ทัพได้สำเร็จ วันหมายทำความรู้จักกับบุตรีคนเล็กของ ว่าสามี ด้วยหวังหากนางสามารถสนิทสนมกับตาดวงใจของเขา เขาย่อมไม่มีหนทางที่จะปฏิเสธงานมงคลได้อีก
ยังไม่ทันทีจางหลีหลิวจะได้เอ่ยวาจาแก้ต่าง หน้าประตูห้องก็ ปรากฏร่างชายหนุ่มสามคนขึ้นพร้อมกัน
คนแรกคือองค์ชายใหญ่ จ้าวหลี่จิ้น โอรสองค์โตของฮ่องเต้ กับพระสนมหม่ากุ้ยเฟย ชายหนุ่มสูงสง่า วัยสิบแปดปี ผู้มี ใบหน้าเรียว ดวงตาคมดุจพยัคฆ์ คิ้วหนาเข้ม ขับให้ดูดุดันแต่ ทรงเสน่ห์ กลิ่นอายสูงศักดิ์เหนือคนสมเป็นโอรสมังกร
คนที่สองคือ จางเหว่ย บุตรชายคนโตของแม่ทัพกู่ วัยสิบหก ปี ผู้มีท่าทางองอาจผ่าเผย แม้รูปหน้าจะไม่งดงามเท่าองค์ชาย ใหญ่ แต่ก็ถือเป็นรองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
คนที่สามคือ หวังเหว่ย บุตรชายคนรองของแม่ทัพ แม้จะ
มีอายุเพียงสิบสามปี แต่กลับมีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ อย่างหา ได้ยากที่เด็กวัยเดียวกันจะมี
เมื่อเห็นชัดว่าผู้มาใหม่เป็นใคร คนในห้องพากันลุกขึ้นแสดง ความเคารพโดยพร้อมเพรียง
“ถวายพระพรองค์ชายใหญ่”
“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้น ลุกขึ้น” องค์ชายใหญ่ตรัสพลาง โบกมือห้ามปราม ก้าวเข้าไปประคองแม่ทัพที่กำลังค้อมกาย ทําความเคารพ
“ท่านลุงมิต้องเกรงใจ ข้ามา โดยไม่ได้บอกกล่าว เสียมารยาท แล้ว” ด้วยกู่จางหย่งเป็นสหายกับฮ่องเต้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ยังเป็นแม่ทัพคู่บัลลังก์มานานหลายปี จางเหว่ยก็เป็นสหายร่วม เรียนขององค์ชายด้วยเช่นกัน องค์ชายจึงให้ความเคารพ และ เรียกขานกู่จางหย่งว่าท่านลุงอย่างสนิทสนม
“มิกล้า มิกล้า เหตุใดองค์ชายใหญ่จึงเสด็จมาถึงจวน กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ มิใช่ต้องอยู่ที่สำนักศึกษาหรือ” กู่จางหย่งเอ่ย ถามด้วยความสงสัย ดูเหมือนเรื่องที่บุตรีของเขาถูกทำร้ายจะ กลายเป็นเหตุจุดไฟเผาจวนเสียแล้ว
“มีคนไปแจ้ง จางเหว่ย กับ หวังเหว่ย ว่า ฮวาเอ๋อ โดนทำร้าย เราจึงขอตามมาด้วยความเป็นห่วง ฮวาเอ๋อตัวเล็กถึงเพียงนั้น ใครกล้าทําร้ายนางกัน แล้วนี่อาการเป็นอย่างไรบ้าง ให้เราตาม หมอหลวงมาดีหรือไม่” องค์ชายหลี่จิ้นตรัสด้วยความเป็นห่วง อย่างจริงใจ เพราะตาม หวังเหว่ย กลับมาที่จวนแม่ทัพบ่อยๆ จึง ทรงเอ็นดูฮวาเอ๋อไม่ต่างจากน้องสาว
เป็นจังวหะให้สองพี่น้องตระกูลทำความเคารพผู้อาวุโส พร้อมกัน จงหลิวค้อมกายเล็กน้อยรับการคารวะ
“กราบทูลองค์ชาย ท่านหมอจงตรวจอาการของฮวาเอ่อแล้ว พะย่ะค่ะ อาการไม่สาหัส เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ กระหม่อม ขอขอบพระทัยองค์ชายที่ทรงเป็นห่วง ความหวังดีของพระองค์ กระหม่อมน้อมรับไว้ด้วยใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จางหย่งเอยอย่าง นอบน้อม
ในที่นี้มีจางหลีหลิวอยู่ด้วย ในหวังหลังแก่งแย่งชิงตำแหน่ง กันเงียบๆ มีหรือแม่ทัพอย่างจางหย่งจะไม่รู้ องค์ชายรองผู้กำเหนิดจากจางฮองเฮา หวังตำแหน่งรัชทายาทเพียงใด ที่ฮองเฮา ทรงทูลขอราชโองการให้เขาสมรสกับจางหลีหลิวผู้นี้ มิใช่หวังจะ ใช้ตำแหน่งแม่ทัพของเขาเป็นเครื่องมือเสริมอำนาจสู่การขึ้นเป็น รัชทายาทให้บุตรของตนหรอกหรือ เรื่องความสนิทชิดเชื้อ ความ ห่วงใยที่องค์ชายใหญ่มีต่อตระกูล ย่อมถึงพระเนตรพระกรรณ จางฮองเฮา จากนี้มิใช่จะวางตัวเป็นกลางได้โดยง่าย ช่างน่า ปวดหัวยิ่งนัก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ