เป็นที่โปรดปรานจนลือ (2)
เนื่องจากต้องพาบุตรีเข้าเฝ้าไทเฮา จางหย่ง จึงมิได้เข้า ประชุมขุนนาง ตรงมาที่ตำหนักปิงจิ้งเหอ ในตอนสายของวัน
ท่าทีกระวนกระวาย เดินวนไปมาทำให้ของแม่ทัพ เหมยกุ้ยฮ วา ลอบหัวเราะอยู่หลายครั้ง นี่มิใช่กลัวนางทำให้ต้องโทษทั้ง ตระกูลหรือ แต่นางจะปลอบใจบิดาด้วยวิธีใดได้เล่า พูดก็ไม่ได้ แต่จะปล่อยให้เขาหวาดหวั่นอยู่อย่างนี้ก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย จึง ตัดสินใจเอื้อมมือเล็กไปจับมือของเขาไว้
กู่จางหย่งหันมองบุตรี เห็นนางยิ้มอวดฟันซี่เล็กเรียงตัวสวย พลันถอนหายใจ ยิ้มอบอุ่นส่งกลับไปให้ ยกมือข้างที่วางขึ้นลูบ ศีรษะเล็กอย่างทะนุถนอม พร้อมกับเอ่ย “อะไรจะเกิดมันก็ต้อง เกิด คิดหลีกหนีตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว อย่างไรก็คงไม่ทำให้ ตระกูลเราต้องจบสิ้นไปได้โดยง่ายหรอก ฮวาเอ๋อ อย่าได้กังวล ไป” กู่จางหย่งพูดให้กำลังใจบุตรี พอคิดได้ว่านางไม่รู้ความ พ่นลมหายใจอีกครา
เหมยกุ้ยฮวาได้ฟังคำปลอบโยนแทบจะหลุดหัวเราะ มิใช่เขา หรือที่แค่ได้ยินเสียงลมก็คิดว่าเป็นฝนไปเสียแล้ว เหตุใดจึงโยน มาให้นางได้เล่า จากที่ตั้งใจจะปลอบบิดา นางจนด้วยคำพูด ไม่รู้ว่าจะทำอันใดต่อไปดี เป็นจังหวะเดียวกับที่ กงกง ตำหนักปิง จิ้งเหอ เดินตรงมาหาพอดี
“กงกง” กู่จางหย่งน้อมตัวลงเอ่ยทักทาย กงกง คนสนิทของไท”ท่านแม่ทัพ ไทเฮาทรงประทับแม่ทัพกงกงพูดด้วยท่านอบน้อม ตารอบสังเกตเด็กตรงด้วย
“รบกวน กงกง เชิญกงกง” จางหย่งผายให้ กงกง ผู้ทาง มือหนากุมมือเล็กของพาเดินด้วยเหมยกุ้ยฮวารู้สึกถึงความมือบิดา ‘หรือคนกังวล เหงื่อออกหมด ท่านต้องห่วง ฮวาเอ๋อคนนี้ไม่ทำให้ ท่านชายต้องเดือดร้อนหรอกเจ้าค่ะ” ไว้
แต่กู่หย่งกลับคิดอีกทาง พอรู้สึกถึงแรงบีบเบาๆ ที่มือ เข้าใจว่าบุตรีหวาดขึ้นมา รีบก้มลงมอง บุตรี แล้วเสียงเบาว่า พ่อจะอยู่กับเจ้า” เหมยกุ้ยฮวายิ้มแห้ง หัวเราะไม่ร้องไห้ไม่ออก การพูดไม่ได้ลำบากเกินแล้ว
ตำหนักปิงจิ้งเหอ แม้ใหญ่โตโอ่อ่าเท่ากับตำหนักเทียนของฮ่องเต้ ก็วิจิตรปิงจิ้งเหอ
ภายโถงรับรองประดับด้วย เครื่องลายคราม หายากหลาย ชิ้น ผ้าม่านโปร่งระย้าสีฟ้าเขียวปักดอกหมู่ตาน ดอก โบตั๋นสีชมพูแซมขาว ให้ความหมายถึงความเกียรติ และเป็น สิริมงคล
“ทูลไทเฮา แม่ทัพ กับคุณหนูถึงพ่ะค่ะกงกง คนสนิทรายการไทเอาที่นั่งจิบน้ำชาอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง
“ถวายพระพรไทเฮา ทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี” จางหย่ง แสดงความเคารพเต็มพิธีการ ขาสองข้างคุกเข่าลง สองมือ ประสานก้มศีรษะจรดพื้น
ในขณะเดียวกัน เหมยกุ้ยฮวา ก็ทำความเคารพเต็มพิธีการ เช่นกัน เพียงแต่มิได้เอ่ยคำพูดใด กู่จางหย่ง ถึงกับตกตะลึง ด้วย คิดว่าบุตรียังเล็กและไม่รู้ความ เหตุใดจึงทำความเคารพเต็ม พิธีการได้งดงาม ราวกับถูกฝึกฝนมาอย่างดีเช่นนี้
“ตามสบายเถอะ ไม่ต้องมากพิธี” ไทเฮาเอ่ยพร้อมโบกมือ เป็นเชิงห้ามปราม
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” กู่จางหย่งเอ่ย ก่อนลุกขึ้นยืน ไม่ลืม
ประคองเหมยกุ้ยฮวาให้ลุกขึ้นตามมาด้วย
เหมยกุ้ยฮวาอดลอบมองไทเฮาไม่ได้ สตรีผู้ทรงอำนาจ ทรง ศักดิ์สูงสุด แม้พระชนมายุเข้าวัยโรยรา แต่ยังคงมีเคล้าโครง ความงดงาม พระเกศาสีดอกเลาประดับด้วยเครื่องผม และปิ่น ทองรูปหงส์สยายปีก มีสายระย้าปลายมีไข่มุกห้อยอยู่ ทรงพระ ศิริโฉม งดงามโดยแท้ เพียงแต่ สายตาพินิจราวกับกำลัง ประเมินนาง ช่างดูไม่น่าไว้ใจเสียเลย สตรีที่อยู่ในที่ที่มีแต่ความ แก่งแย่งชิงดีกันเช่นวังหลวงมาได้นานถึงเพียงนี้ จะให้เป็นสตรี ในห้องหอ บอบบางอ่อนโยนได้เช่นใดเล่า นึกได้เช่นนี้เหมยกุ้ยฮ วาก็พลันรู้สึกสะท้านขึ้นมา
“แม่ทัพกู่ บุตรีของท่านชื่อว่าอะไรนะ” ไทเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มิได้แสดงท่าทึกดดัน แต่ก็ไม่อาจเรียกว่าตาม สบายอย่างแท้จริง
“ทูลไทเฮา บุตรีของกระหม่อม ชื่อ เหมยฮวา พ่ะย่ะค่ะ” จาง หย่งยังคงเอ่ยวาจาอย่างนอบน้อมและมั่นคงเช่นเดิม ด้วยเห็นว่า เหมยกุ้ยฮวา ไม่ได้มีกิริยาไม่น่าดูจึงรู้สึกวางใจขึ้นมาได้บ้าง ส่วน กุ้ยเหมยฮวายังคงยืนก้มหน้าสงบนิ่ง เรียกได้ว่าเรียบร้อยอย่าง ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ให้นางมาใกล้ๆ สิ เห็นว่านางน่ารักน่าเอ็นดูจนนางกำนัล แอบทิ้งงานไปเล่นกับนางอยู่บ่อยๆ อายเจียขอดูหน้านางชัดๆ หน่อย” ลีไทเฮาเอ่ยพร้อมกับโบกมือเรียกให้เข้ามาใกล้ เหม ยกุ้ยฮวาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดาผาดหนึ่ง เห็นเขาพยักหน้าให้ จึงยอบกายคารวะคราหนึ่งก่อนเดินเข้าไปเบื้องหน้าพระพักตร์ แล้วคุกเข่าลง
ไทเฮาเชยคางเล็กขึ้นก่อนจับให้เอียงซ้ายขวาอย่างพิจารณา เครื่องหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตากระจ่างใสไร้พิษภัย ผิวขาวเนียน ละเอียดราวหยกเนื้อดี กิริยานบนอบ เรียบร้อย ไฉน จ้าวงเงิน จึงว่านางถูกทำร้ายจนสติเลอะเลือน มิใช่ว่าแกล้งตบตาเพื่อให้ ยกเลิกงานมงคลหรอกหรือ ด้วยชีวิตในวังหลวงทำให้นางไม่ เคยเชื่ออะไรได้ง่ายๆ
“ฮ่องเต้บอกอายเจียว่านางป่วย” ไทเฮาอดสงสัยไม่ได้จึง ถามออกไปตรงๆ
เมื่อวานหลังจากที่ก่จางหย่งกลับไปแล้ว ฮ่องเต้องเดินก็เสด็จมาถวายพระพรไทเฮา พร้อมกับเล่าเรื่องบุตรีของจางหย่ง ให้ฟัง ด้วยเห็นว่าสหายว้าวุ่นใจนัก จึงได้มาบอกกล่าวกับผู้เป็นมารดา ไว้ก่อน หากบุตรีของสหายทำเรื่องไม่เหมาะสมอันใด อย่างน้อย ก็อ้างอาการป่วยของนางได้
“อาการเหม่อลอย ไร้สติดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังพูดไม่ได้พะย่ะ ค่ะ” กู่จางหย่งกราบทูลลีไทเฮาตามตรง
พูดไม่ได้ นี่ไม่เท่ากับเสียโอกาสในชีวิตไปหลายอย่างหรอก
หรือ ในอกพลันเกิดความสงสาร
“น่าสงสารนัก ตัวเล็กเท่านี้ ทั้งอายุเพียงเท่านี้ ต้องมาพูดไม่ ได้” ไทเฮาพึมพำ พระหัตถ์ละจากคางเล็กขึ้นลูบศีรษะเหม ยกุ้ยฮวาอย่างนึกเอ็นดู
เหมยกุ้ยฮวาที่อยู่ใกล้ที่สุด จับน้ำเสียงและท่าทีที่เปลี่ยนไป ของลีไทเฮาได้ จึงเงยหน้าขึ้นมองเอียงคอยิ้มประจบเต็มใบหน้า แววตาสดใสราวท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มือเล็กยกขึ้นวาง บนตักก่อนซบหน้าตามลงไป
กู่จางหย่งตกใจกับท่าทางล่วงเกินไทเฮาของลูกสาว กำลังจะ เอ่ยเรียกบุตรี แต่ถูกไทเฮายกมือขึ้นปรามเสียก่อน
“ดูสิ…เด็กคนนี้รู้จักประจบเอาใจคนแก่ มิผิดที่นางกำนัลจะ เอ็นดูเจ้า” ลี่ไทเฮาทรงพระสรวลเบาๆ อย่างพอพระทัย พระหัตถ์ ยังคงลูบศีรษะเล็กบนตักไม่หยุด รู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยตรง หน้าอย่างมาก อยากให้นางอยู่ในตำหนักให้นานอีกหน่อยจึงหัน ไปบอกกับแม่ทัพ
“แม่ทัพ…ท่านไปช่วยงานฮ่องเต้เถอะ ไม่ต้องห่วงฮวาเอ๋อ อายเจียจะดูแลนางให้เอง” น้ำเสียงมิได้มีแววขอร้องแต่เป็นการออกคำสั่งที่จางหยางไม่
สามารถปฏิเสธได้ แม่ทัพหันมองไปยังลูกสาว ด้วยความเป็น ห่วง แต่พอเขาเห็นรอยยิ้มที่ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร ก็สงบใจลง เอ่ยขอตัว “กระหม่อมทูลลา”แล้วออกจากตำหนักไป นี่นับเป็นครั้งแรกกระมังที่บิดาเข้าใจความหมายที่นาง
พยายามจะบอก เหมยกุ้ยฮว่าลอบถอนใจ
ไทเฮาทรงจับเด็กน้อยให้ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตัวข้างกัน ก่อน เริ่มพูดคุย “เจ้าชื่อฮวาเอ๋อ ใช่หรือไม่”
เหมยกุ้ยฮวาพยักหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มติดกันสามครั้ง
“พูดไม่ได้เช่นนี้ ลำบากมากหรือไม่”
เหมยกุ้ยฮวาพยักหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีรอยยิ้มน่ารักอีก ดวงตาเจือแววโศกเศร้า จนลี่ไทเฮารู้สึกใจหาย เด็กคนนี้รู้สึก เช่นไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาจนหมด มีเสแสร้ง แกล้งทำแม้แต่น้อย ช่างบริสุทธิ์ใสซื่อเสียจริง
“เช่นนั้น อายเจียเอาใจเจ้าหน่อยดีหรือไม่ ทดแทนความ ลําบากที่เจ้าได้รับ ดีหรือไม่”
ดวงตาผลเมล็ดซึ่งมีประกายแวววาวในทันที ท่าทางตื่นเต้น ดีใจของเหมยกุ้ยฮวาทำให้ไทเฮาทรงพระสรวลออกมาอีกครั้ง “เด็กดี…เด็กดี”
ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้กงกงนำของมาให้เหมยกุ้ยฮวาเลือก ไม่ นานของหลายอย่างก็ถูก กงกง และนางกำนัลลำเลียงเข้ามา ถาดหลายใบวางเรียงกันอยู่ภายในถาดเต็มไปด้วยเครื่อง ประดับแวววาว ทําเอาเหมยกุ้ยฮวาตาพร่ามัว ถัดไปเป็นหีบของ เล่นมองดูแล้วเป็นของเล่นแปลกๆ ไม่เหมือนกันที่จ้าวหลี่จิ้นและ พี่ชายของนางเคยซื้อมาให้ มีหลายชิ้นที่นางไม่เคยเห็นมากก่อน อืม..น่าสนใจยิ่งนัก แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจคือ บอีกใบภายใน บรรจุตำราหลายเล่ม มีอยู่เล่มหนึ่งที่เขียนว่า สมุนไพรล้ำค่า แหละคือของที่เหมยกุ้ยฮวาอยากได้ที่สุด แต่…นางอยู่ในร่างเด็ก อายุ ๕ ขวบ จะเลือกตำราสมุนไพรได้อย่างไรเล่า เหมยกุ้ยฮวาม องตราตรงหน้าอย่างตัดใจไม่ลง ถอนหายใจคราหนึ่งก่อนเดิน ไปหยิบ เก้าห่วงปริศนา (1) ขึ้นมาแล้วหันไปยิ้มตาเป็น เส้นโค้ง ให้สีไทเฮา ก่อนยอบกายลงเป็นการแสดงความ ขอบคุณ
ไทเฮามองท่าทางของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู แม้แต่แววตา หลงใหลที่เหมยกุ้ยฮวา ใช้มองตำราในหีบก็ไม่รอดพ้นสาย พระเนตรของไทเฮาไปได้ เด็กคนนี้เฉลียวฉลาด รู้จักเลือก และ รู้จักวางตัวจริงๆ ทั้งที่มีอายุเพียง ๕ ปี กลับเปล่งประกายเช่นนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่ง
เหมยกุ้ยฮวาอยู่เล่นในตำหนักปิงจิ้งเหอจนถึงยามเซิน ไท เฮาจึงให้ กงกง ไปส่งนางที่ตำหนักเทียนหลง ทำให้จางหย่ง โล่งใจเป็นอย่างมาก แต่เพียง กงกง เอ่ยประโยคที่ไทเฮามี รับสั่งให้เหมยกุ้ยฮวาเข้าวังมาพร้อมกับเขาทุกวัน เท่านั้น เขาแม่ทัพใหญ่แทบทรุด สวรรค์ไยจึงลงโทษข้าเช่นกวาง หย่ง ร้องในใจ
กู่จางหย่งทูลฮ่องเต้องเงินด้วยอารมณ์ไม่สงบนัก ฮ่องเต้ฉงเจิน กลับทรงเกษมสำราญพิเศษ เห็นแม่ทัพบัล งก์ของเขาจะหนีไปจากเขาง่ายแล้ว ทรงโปรดบุตรีของแม่ทัพเช่นนี้ อย่าหวังได้ขอย้ายไปอยู่ ชายแดนอีกเลย จ้างฉงเจินยิ่งคิดยิ่งรู้สึกราวกับทำศึกรับ ชัยชนะ
หลังจากกลับถึงจวนแม่ทัพนาน ขบวนของขวัญตาม จวนได้ราวรถประกอบด้วยไหม แพรพรรณ เครื่องประดับ และของหีบเหมยกุ้ยฮวา ไม่ได้เลือกเมื่อ ตอนอยู่ที่ตำหนักจิงเหอ เป็น กงกง คนสนิทของไทเฮามามีใครมอบให้การส่วนพระองค์ กู่จางหย่งไม่ลืมมอบน้ำใจให้กับ กงกง ตามธรรมเนียม
ก่อนกลับ กงกง หยิบตำราเล่มหนึ่งออกแขนเสื้อมอบให้ เหมยกุ้ยฮวา
ไทเฮาทรงรับว่า เมื่อเรียนรู้หมดแล้วก็ให้ทูลขอเล่มได้กงกงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหมยกุ้ยฮวารับมาด้วยแปลกใจระคนดีใจ รีบเคารพ กงกง อย่างนอบน้อม
กงกง เมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของเหมยกุ้ยฮวาก็เข้าใจใน ทันทีว่า เหตุใด ลี่ไทเฮาจึงได้โปรดบุตรีแม่ทัพผู้นี้ นางฉลาด น่า รัก และน่าเอ็นดู ซื่อบริสุทธิ์อย่างหาได้ยาก
กงกง กลับไปแล้ว กู่จางหย่งนั่งมองบุตรีด้วยความสงสัย ใบหน้าเล็กเปื้อนยิ้ม ที่ส่อแววประจบประแจงยังคงทำเหมือนไม่ เข้าใจสายตาคาดคั้นจากเขา
“ฮวาเอ๋อ เจ้าทำอันใดไปบ้างเหตุใดจึงได้รับความโปรดปราน มากมายเช่นนี้” กู่จางหย่งเอ่ยถามบุตรี แต่ไม่ได้รับคำตอบ เหม ยกุ้ยฮวาทเพียงส่งยิ้มใสซื่อกลับมาให้ท่านพ่อข้ามิได้ทำอัน ใดเลยเจ้าค่ะ หากแต่ผู้ใหญ่ให้ของข้าจะปฏิเสธได้เช่นไรเล่า เจ้าค่ะ!
เพียงวันรุ่งขึ้นเท่านั้น ข่าวที่ไทเฮาทรงมีพระราชทานสิ่งของ มากมายให้แก่บุตรีแม่ทัพ ก็เป็นที่โจษขานกันไปทั่ว ทั้งยังคาด เดากันไปต่างๆ นานา
ที่ กงกง บอกว่าลีไทเฮาทรงมอบให้เป็นการส่วนพระองค์ พอ ข่าวกระจายออกไป ใยจึงกลายเป็นได้รับความโปรดปรานจนได้ รับพระราชทานเล่า เหมยกุ้ยฮวาไม่เข้าใจ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ