ตอนที่ 12 คนหนุนหลัง
ตอนที่ 12 คนหนุนหลัง
ในสถานีตำรวจ จักรชัยลูบๆบนหัวของตนเองที่มีแผลเพิ่มขึ้นมา อีก อดไม่ได้ที่จะดึงมุมปาก หนึ่งวันนี้สมองได้รับความเสียหาย หนักถึงสองครั้ง ก็ไม่รู้ว่าสมองที่กระทบกระเทือนของตนเองจะ หนัก นอีกหรือเปล่า
“ตำรวจริว เพื่อนผมไม่กี่คนนั้นไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?
มองตำรวจที่ถือเอกสารสอบสวนอยู่ จักร ยอดไม่ได้ที่จะถาม ออกมา ตอนที่ตำรวจเข้ามาโอบล้อมพวกเขา ก็นําคนเจ็บส่งไป โรงพยาบาลก่อน เห็นร่างกายของจักรชัยไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก จึงนําตัวมาที่สถานีตำรวจทันที
“คุณมีความสามารถมากขนาดไหน ถึงสนใจเรื่องมากมาย บอก มาตรงๆก่อนว่าใครเป็นคนเริ่ม แล้วใครเป็นเอาขวดแทงท้องคน อื่นจนเละ พวกที่อายุไม่เยอะทั้งหลายลงมือได้อย่างรุนแรงไม่ ไหวเลยจริงๆ”
ได้ฟังเขาพูด จักรชัยก็รู้แล้วว่าซาสี่คงจะอาการหนักที่สุด มิเช่น นั้นก็คงไม่มาถามเขาหรอก
ในตอนทีโดนถามว่าใครคือคนทําร้าย จักรชัยจึงยอมรับว่าตนเป็นคนทําอย่างไม่ต้องคิด แต่เพิ่งพูดออกไป คำพูดของตำรวจ ริวก็ทำให้เขาตกตะลึง
นอกจากดารินที่ยังอยู่โรงพยาบาล อีกสองคนก็พูดอย่างนี้ หลัง จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยินเขาพูดอย่างนี้ก็โยนปากกาในมือทิ้ง อย่างเบื่อหน่าย
“ถ้าพวกคุณยังไม่พูดความจริงอีก ผมจะถือว่าพวกคุณขัดขวาง การทำงานของเจ้าหน้าที่แล้วนะ ถึงเวลาที่ทําอย่างนี้คงจะดี ที่สุด
จักรชัยมองเขาอย่างวางเฉย ในหัวคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจอ กับพวกเขาสองคนก่อน จะพูดอย่างไรตอนนี้เขาก็มีพ่อแม่ผู้ให้ ทําเนิด ร่ารวย อาจจะไม่ถึงกับปล่อยตัวเขา แต่ถึงตอนนั้นเรื่องก็ งจัดการได้ง่ายขึ้นมาสักหน่อย
เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะทำให้พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่เพิ่งรู้จักกันแค่วัน เดียวเห็นเขาเป็นอย่างนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง
“ตำรวจริว พวกคุณจับตัวเด็กคนหนึ่งที่ชื่อจักรชัยใช่ไหม?
ตอนที่จักรชัยกำลังเหม่อลอย โทรศัพท์ของตำรวจริวก็ดังขึ้นมา ตำรวจรวจึงรีบพูดเรื่องทั้งหมดไป อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูด ออกมาอย่างเย็นชา
“นำตัวเขามานี่!” แล้วก็วางโทรศัพท์ไปเลย
ตำรวจรวตกตะลึงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกเหมือน เสียงของหัวหน้าแปลกๆ เหมือนกับโมโหมาก มองจักรชัยครั้ง หนึ่ง ก็ไม่กล้าถามอะไรมากรีบพาเขาเดินไปที่ห้องทำงานของ หัวหน้าทันที
ส่งคนเข้าไปแล้ว หัวหน้าก็โบกๆมือให้ตำรวจริวออกไป จักรชัย กลับมองสองคนที่อยู่ในห้องอย่างประหลาดใจ
คนที่โบกมือเมื่อครู่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจ สำหรับอีกคนหนึ่ง รูปร่างหน้าแข็งแกร่งและเด็ดขาด สวมชุด ตำรวจสีขาวอย่างเรียบร้อยเหมาะสมนั่งอยู่ตรงนั้น แสดงให้เห็น ว่าเป็นข้าราชการมานานแล้วอย่างชัดเจน
แต่ใบหน้านั้น มองอย่างไรก็รู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“จัตุรงค์ พาเขามาแล้ว คุณดูสิครับ?”
ตอนที่จักรชัยได้ยินคำว่าอธิบดีก็ตกตะลึงไปเลย เขาไปได้รับ เกียรติใหญ่โตขนาดนี้จากไหน ไม่นึกว่าจะโดนอธิบดีเรียกมาถึง ห้องทำงานโดยตรง
“ออกไป!”
ความน่าเกรงขามปรากฏผ่านเสียงที่ทุ้มต่ำ ตอนที่หัวหน้าสถานี ตำรวจได้ยินสองคำนี้ก็เป่าปากอย่างชัดเจน รีบเดินออกไปข้าง นอก ตอนที่ในห้องเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน จักรชัยก็กระ พริบตาปริบๆอย่างไร้เดียงสาเล็กน้อย
ก็แค่ตีอันธพาลที่แซวผู้หญิงเท่านั้น ทำไมถึงรู้สึกเหมือน ทำความผิดร้ายแรงเลยล่ะ?
“หลานชาย คิดอะไรอยู่ล่ะ? รู้สึกว่ายังไม่พอหรือเปล่า?”
ได้ยินคำนี้ ร่างของจักรชัยก็สั่นไหว นึกถึงเมื่อครู่เหมือนได้ยิน หัวหน้าคนนั้นเรียกเขาว่าจัตุรงค์ ใบหน้านี้จะมองอย่างไรก็ค่อน ข้างคล้ายกับยศพลที่เจอเมื่อเช้านี้
อืม สมภาคภูมิคนที่ช่วยทำให้ได้มีเงินหนึ่งร้อยล้าน คนหนุน หลังในวงราชการนี่ก็ไม่ธรรมดา
“ไม่ใช่ครับ เพียงแต่ไม่รู้จะเรียกคุณว่าอย่างไร” จักรชัยแสร้งพูด อย่างสุขุม
“ฉันเป็นน้องชายของพ่อหลาน
จนกระทั่งพูดถึงตรงนี้ จักรชัยจึงเรียกออกมาอย่างนอบน้อม “ลุง สาม
ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมของเทิดไท เพราะได้ยินเสียงเรียกลุง สามในที่สุดก็มีสีหน้าที่ซาบซึ้งใจแล้ว ยิ้มเล็กน้อย ชี้ไปที่ม้านั่ง ด้านข้างแสดงเจตนา จักรชัยไปนั่ง
ในที่สุดก็สามารถนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาได้อย่างเต็ม ที่ หลายปีนี้แค่ฉันไป คําแรกของพ่อหลานล้วนแต่เป็นข่าวของ หลานไหม หลายปีนี้ฉันรวมไปถึงพ่อแม่หลานก็ไม่กล้าปล่อย เวลาให้ผ่านไปเรื่อยเปื่อยเลย
ฟังคําพูดของเทิดไทแล้ว จักรชัยเงียบไปพักใหญ่ ถ้าเริ่มแรก เขายังไม่ค่อยอยากยอมรับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของตนเองที่ปรากฏ ตัวออกมาอย่างกะทันหัน ตอนนี้ ตอนที่รู้ว่ายี่สิบกว่าปีนี้เหมือน หน่งวันทีพวกเขาคิดถึงเขา จักรชัยก็ยินยอมที่จะยอมรับพ่อแม่ผู้ ให้กําเนิดของตนเองจากใจจริงๆแล้ว
เห็นจักรชัยไม่พูดไม่จา เทิดไทก็ไม่ได้บังคับเขา เพียงแค่พูด เรื่องครั้งนี้ขึ้นมา
“ฮีม พวกอันธพาล ทั้งวันไม่ตั้งใจทํางาน ไม่นึกว่าจะหาวิธีมาเล่น งานหลานชายฉัน รวมตัวกันถือมีดทำร้ายร่างกาย ถ้าไม่สั่งสอน ให้หลาบจําสักครั้ง ฉันคงต้องขอโทษประชาชนของที่นี่แล้ว”
พูดแล้วก็ตะโกนเรียกหัวหน้าที่หน้าประตูให้เข้ามา
“คดีครั้งนี้ตรวจสอบให้ฉันอย่างถึงที่สุด พวกที่ทำผิดสักคนก็ ห้ามปล่อยตัวไป ถ้ามีคนพยายามปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อ ประโยชน์ส่วนตัว ก็รอให้ฉันเป็นจัดการ
เทิดไทพูดขึ้นมาในตอนนี้ไม่มีความอบอุ่นเหมือนตอนที่พูดกับ จักรชัยโดยสิ้นเชิง ความน่าเกรงขามที่ไม่ยอมให้ล่วงละเมิดอย่าง ชัดเจน
ใบหน้าที่ตึงเครียดของหัวหน้าสถานีตำรวจ แม้กระทั่งเหงื่อบน หน้าผากก็ไม่กล้าเช็ด พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง กลัวว่าหากทำไม่ดี จะไปยั่วโมโหท่านผู้สูงศักดิ์ได้
ฟังเทิดไทพูดจบ หัวหน้าสถานีตำรวจที่องอาจก็ไปเฝ้าอยู่ที่หน้า ประตูอีกครั้ง
จักรชัยค่อยๆเข้าใจถึงอะไรที่เรียกว่าผู้มีอำนาจสูงสุดสามารถ กดดันผู้อื่นได้ แม้กระทั่งคนที่มีอำนาจแต่ไม่สูงสุดก็ตาม
นั่งอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเทิดไทได้รับโทรศัพท์จึงต้องออกไป แต่ก่อนจะไปก็ให้เบอร์โทรศัพท์ของตนเองกับจักรชัยไว้ บอกเขา ว่าถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไปนั่งเล่นที่บ้านเขาได้ และยังจัดคนขับรถให้ ไปส่งเขากลับโรงพยาบาลอีกด้วย
เพิ่งเดินออกมาจากสถานีตำรวจ ก็เห็นชลธิชาพวกเขาช่วยๆ ประคองกันและกันออกมา เสื้อผ้าบนร่างกายของพวกเขาไม่กี่คน เกือบจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่แล้ว ร่างที่กระเซอะกระเซิง ท่าทางที่ เพิ่งเข้าไปในร้านคาราโอเกะไม่หลงเหลืออยู่เลย
“ได้ยินว่านายโดนพาไปคุยส่วนตัว พวกเขาทำอะไรนายหรือ เปล่า?”
พูดๆอยู่ ชลธิชาก็ดึงจักรชัยเข้ามามองซ้ายมองขวา ตอนที่เห็น ว่าร่างกายของเขาไม่เป็นอะไรจึงวางใจลงได้
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ครั้งนี้ต้องขอบคุณเพลงพิณเสียแล้ว ถ้า ไม่ใช่เพราะเธอโทรหาลุงของเธอ กลัวว่าพวกเราคงจะได้อยู่ใน นั้นสักกี่วัน
จักรชัยเลิกคิ้วไม่ได้พูดอะไร เห็นเพลงพิณที่ออกมาจากด้าน หลัง พยักหน้า หยกนภาที่อยู่ด้านหลังของเธอกลับพูดจาประ หลาดๆ
ยังคิดว่าคุณจะเก่งขนาดไหนเชียว สุดท้ายก็ต้องพึ่งผู้หญิงออก
มา”
“พอแล้ว เธอพูดให้น้อยๆหน่อย อยู่ในสถานีตำรวจสบายมากค่ะ สิ จักรชัย นายขอโทษหรรษาเรื่องนี้ก็จบแล้ว
จักรชัยมองเธออย่างวางเฉย ไม่พูดอะไร
เพลงพิณทําเสียงฮึดฮัด หยิบเงินออกมาแล้วโยนลงไป
“โชคดีที่คุณเป็นผู้ชาย
เมื่อครู่ที่ชลธิชากำลังจะโมโห แต่กลับโดนจักรชัยดึงเอาไว้มุม ปากเชิดขึ้นเล็กน้อย เก็บเงินบนพื้นขึ้นมา ไม่ได้มองเธอ แล้วก็นำ เงินไปวางไว้บนมือของชลธิชา
“ในเมื่อมีคนสมัครใจให้เอง ก็ไม่เกรงใจแล้ว ฉันยังมีธุระ ไปก่อน นะ ไว้คุยกัน”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ