เทพฟ้าสนั่นยุทธ์

บทที่ 19 ฝีมือการปรุงอาหารเป็นตัวกำหนดความ สําเร็จหรือล้มเหลว



บทที่ 19 ฝีมือการปรุงอาหารเป็นตัวกำหนดความ สําเร็จหรือล้มเหลว

เมื่อดาวเด่นของงานปรากฏตัว ได้ดึงดูดความสนใจของทุก คนให้หันไปทันที อวิ๋นเสว่เหยนและเถาซิ่งเอ๋อย่อมที่จะรวมตัว อยู่ด้วยกันด้านหน้าสุดเป็นครั้งแรก

ในฐานะของผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเทียนไห่ ซ่งจื้อตงจึง เป็นคนคอยรับรองเจมส์ คาเรนเป็นการส่วนตัวด้วยตัวเอง เขา ยิ้มและพูดว่า “มาสเตอร์คาเรน เพิ่งลงจากเครื่องก็ต้องนั่งรถ ลงเรือเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ต้องลำบากแล้ว!”

“ผมได้เชิญหัวหน้าเชฟระดับสามดาวมิชลินมาจัดเตรียม อาหารค่ำไว้อย่างอุดมสมบูรณ์เพื่อต้อนรับมาสเตอร์คาเรน”

ชาวต่างชาติที่เป็นคนตรงไปตรงมานั้นไม่รู้ว่าการพูดจา อ้อมค้อมวกไปวนมาคืออะไร มาสเตอร์คาเรนย่อมเป็นแบบนี้ ด้วยเช่นกัน แค่เห็นเขาก็เบ้ปากทันทีและพูดอย่างไม่พอใจเล็ก น้อยว่า “พระเจ้า! ในเมืองโบราณที่มีอารยธรรมมากกว่าห้า พันปีและมีมรดกเก่าแก่ที่สุดอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง!”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารอันเลิศรสเหล่านั้น เหมือนมีคน ตะกละอยู่ในท้องของผมอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเป็นเช่นนี้ ทำไมพวกคุณไม่ต้อนรับให้ผมด้วยอาหารหวาเซี่ยอันโอชะที่ ผมโหยหามากที่สุดล่ะ?”

ซ่งจื้อตงถึงกับผงะและมีร่องรอยของความอับอายปรากฏอยู่บนหน้าเขา!
เชฟมิชลินที่ผมเสียสละทุ่มเทตามหามาให้คุณ คุณไม่รู้สึก

ชื่นชมมันเลยเหรอ? แล้วคุณเองก็ไม่บอกมาก่อนล่วงหน้าว่าชอบอาหารหวา

เซี่ย!

ไม่อย่างนั้นผมก็เตรียมไว้ให้เต็มโต๊ะตั้งนานแล้ว!

แต่ว่าตอนนี้ ผมจะไปหาให้คุณได้ที่ไหน?

ในเวลานี้ น้ำเสียงที่มั่นใจของเกาซิ่งเอ๋อ ได้ดังขึ้น เนื่องจาก มาสเตอร์คาเรนอยากทานอาหารหวาเซีย ในฐานะเจ้าบ้าน พวกเราไม่อาจทําให้คุณต้องผิดหวังได้!

“คืนนี้ฉันเชิญพ่อครัวใหญ่จากหอรวมพลมาเป็นพิเศษ มาเพื่อ ทําอาหารแสนอร่อยให้กับมาสเตอร์คาเรนด้วยตัวเองเลยนะ คะ!

“จริงเหรอ! งั้นก็เยี่ยมไปเลย!

ดวงตาของมาสเตอร์คาเรนเป็นประกาย แล้วผละออกจาก ซ่งจื้อตง เดินไปหาเถาซิ่งเอ๋อที่ด้านหน้าแล้วจับมือขวาเธอยก ขึ้นและจูบอย่างสง่างาม “คุณผู้หญิงแสนสวย คุณคือเทพธิดา ที่สวยที่สุดของผมในคืนนี้!”

เถาซิ่งเอ๋อเองก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน “เถาซิ่งเอ๋อแห่งบริษัท เถาชื่อกรุปยินดีอย่างยิ่งที่ได้บริการคุณค่ะ!”
เมื่อเห็นว่าเถา งเอ่อช่วงชิงความโดดเด่นไปแล้ว ในตอน นี้ อวิ๋นเสบู่เหยนก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “มาสเตอร์คาเรน เพื่อ เป็นการต้อนรับการมาถึงของคุณบริษัทมู่ชือกรุปเองก็ได้เชิญ หัวหน้าเชฟจากภัตตาคารเทียนหลานเก๋อมาเป็นพิเศษ คุณ จะได้ลิ้มรสอาหารต้นตำรับและน่าพึงพอใจที่สุดอย่างแน่นอน ค่ะ!”

ทันใดนั้นทุกคนต่างร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ แล้วพา กันกระซิบกระซาบ

“ภัตตาคารเทียนหลานเก๋อและหอรวมพลทั้งหมดเป็นร้าน อาหารเก่าแก่อายุนับร้อยปี สามารถเชิญพ่อครัวใหญ่ของพวก เขามาได้ ดูเหมือนว่าเถาชื่อและบริษัทมู่ซือกรุปจะมีการเตรี ยมตัวมาก่อนแล้ว”

“น่าเสียดาย! ที่พวกเขาสืบรู้เรื่องนี้ได้ก่อน ทำไมฉันไม่เคย ได้ยินมาก่อนเลยว่ามาสเตอร์คาเรน ชื่นชอบในการกินอาหาร หวาเชี่ย!”

“เฮ้ เลิกพูดเถอะ ดูเหมือนว่าหุ้นส่วนในการร่วมมือของมาสเต อร์คาเรนคืนนี้ มันคงจะเกิดขึ้นระหว่างเถาซิ่งเอ๋อและอวิ๋นเสว่ เหยนแล้วล่ะ มันขึ้นอยู่กับเชฟที่พวกเธอสองคนเชิญมา อาหาร ที่ใครทำสามารถทำให้มาสเตอร์คาเรนชื่นชอบได้!”

ดวงตาทั้งคู่ของคาเรนเป็นประกาย แล้วพูดเสียงดังด้วยท่าทางตื่นเต้น “พระเจ้าของข้า! สามารถลิ้มรสอาหารหวาเซี่ย ของเชฟใหญ่ได้ในเวลาเดียวกันสองคน ผมอดใจรอไม่ไหว แล้ว!”

“ผมเคยได้ยินชื่อทั้งบริษัทเถาชื่อกรุปและบริษัท ซือกรูป ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับล้วนแต่ทรงพลังอย่างมาก! ถ้า อย่างนั้นผมขอประกาศว่า ใครก็ตามที่สามารถทําอาหารออก มาได้ตามแบบที่ผมชอบกิน คนนั้นจะเป็นเจ้าของต้นฉบับงาน ออกแบบที่ผมนำมาในครั้งนี้!”

ไม่ผิดเลย วิธีการร่วมมือของชาวต่างชาติ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ ทําให้ประหลาดใจและคาดไม่ถึงอยู่เสมอ

แต่เมื่อพูดประโยคนี้กลับทำให้ดวงตาของเถาซิ่งเอ๋อและอวิ๋น เสว่เหยนเป็นประกายสว่างไสวขึ้นทันที!

“คุณหนูอวิ๋น คุณแน่ใจนะว่าจะแข่งกับฉัน?” เถาซิ่งเอ๋อหรี่ตา มองอวิ๋นเสวีเหยนแล้วเอ่ยขึ้น

“คุณหนูเถาได้ที่ไหนกันล่ะคะ ห้ามผู้อื่นทำ แต่พวกคุณทำได้ เท่านั้นงั้นเหรอ!”

“เพียงแค่กลัวว่าคุณจะสู้ฉันไม่ได้แล้วกลับกันในตอนท้าย เป็นคุณที่ต้องขายหน้า!”

เถาซิ่งเอ๋อหยุดชะงักไปชั่วครู่ ลดสายตาลงแล้วมีประกาย หยอกล้อขึ้นมา “คุณหนูอวิ๋น ฟังคำแนะนำของฉันนะ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะถอนตัว อย่าให้ถึงเวลาสุดท้ายเสียเปล่า ทั้งขึ้นล่อง!”

มาถึงตอนนี้แล้ว อวิ๋นเสบู่เหยนจะถอยได้อย่างไร เธอทําเสียง ฮึดฮัดเบาๆ “เนื่องจากคุณหนูเถามั่นใจขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ มาแข่งกันไม่ดีกว่าเหรอ?”

“ดูว่าเชฟคนไหนที่พวกเราเชิญมาจะสามารถคว้าความอยาก อาหารของมาสเตอร์คาเรนไปได้!”

กลุ่มคนค่อยๆแยกออกจากกัน แล้วมอบเวทีให้กับเถาซิ่งเอ๋อ และอวิ๋นเสวีเหยน

หลังจากนั้นชายวัยกลางคนสองคนในชุดเครื่องแบบพ่อครัว แยกกันเดินจนมาอยู่ด้านหน้ท้างสองคน

เถาซิ่งเอ๋อเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “ท่านผู้นี้คือเผิงไห่เชิงเฮด เชฟเผิง เชฟใหญ่ของหอรวมพล! คืนนี้ เขาจะทุ่มเทนำเสนอ แขกผู้มีเกียรติของเรามาสเตอร์คาเรนด้วยอาหารหวาเซี่ยที่ เลอค่าอย่างแท้จริง พระกระโดดกำแพง!”

อวิ๋นเสบู่เหยนรีบพูดกับเชฟใหญ่ของภัตตาคารเทียนหลานเก่ อที่อยู่ด้านข้าง “เฮดเชฟเซี่ย การแพ้ชนะในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ อนาคตของบริษัทมู่ซือกรุป ทุกอย่างต้องขอความกรุณาจาก คุณแล้ว!”

บนใหน้าอ้วนอูมของเซี่ยหูปรากฏเป็นรอยยิ้มที่ต่างไปจากเดิม “ผู้อำนวยการอวิ๋นวางใจเถอะ อาหารหวาเขี่ยต้องดู อาหารซานตง อาหารหลู่ที่เป็นอันดับหนึ่งคือลำไส้ใหญ่จิ่วฉวน ตุ่น แล้วจะทำให้คุณเห็นว่าผมจะทําให้เจ้าหมอนั่นของหอรวม พลกลับไปพร้อมความล้มเหลวอย่างไร!

อวิ๋นเสวีเหยนไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของเซี่ยหูเลย และ เอาแต่ขอบคุณไม่หยุด “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนเฮดเชฟเซี่ย แล้ว!”

หลังจากนั้นเชฟใหญ่ทั้งสองคนได้ลงไปเตรียมอาหาร ใน ระหว่างที่คาเรนเฝ้ารอด้วยความปรารถนา หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถเข็นอาหารสองคันถูกเข็นออกมาช้าๆ

เผิงไห่เซิงเป็นคนเดินเข็นออกมาก่อน เมื่อเปิดผ้าคลุมโต๊ะขึ้น ทันใดนั้น กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกค่อยๆอบอวลไปทั่วห้องจัดเลี้ยง ในชั่วพริบตา คาเรนสูดหายใจลึกด้วยความปลาบปลื้ม อด ไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมว่า “พระเจ้า กลิ่นนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของ พระเจ้าโดยแท้!”

“ผมไม่เคยได้กลิ่นที่หอมขนาดนี้มาก่อน!

เถาซิ่งเอ๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ด้านหน้านี้ คือ ปลิงทะเล หอยเป๋าฮือ กุ้งก้ามกรามและอื่นๆและอาหารทะเลนับสิบ แปดชนิด ทั้งหมดนี้พวกเราคัดสรรมาอย่างดี เสริมด้วยเห็ด หอมเกรดพิเศษและยาสมุนไพรจีนล้ำค่าสามสิบชนิด รวมทั้ง โสมภูเขาที่หัวหน้าเชฟที่ปรุงด้วยตนเอง สำหรับแขกVIP ที่มี เกียรติที่สุดของบริษัทเถาชื่อกรุปของพวกเราเท่านั้น!”
เมื่อพูดคํานี้ ผู้คนต่างปรบมือกันเกรียวกราวด้วยความชื่นชม วัตถุดิบก็เป็นวัตถุดิบที่เลอค่ามากที่สุด เชฟคือเชฟระดับท๊อป ด้วยความจริงใจ เพียงอย่างเดียว บริษัทเถา อกรุปก็ยืนอยู่ บนตาชั่งแห่งชัยชนะแล้ว!

พระกระโดดกำแพงชามหนึ่ง ได้ถูกคาเรนกลืนลงท้องไป อย่างรวดเร็วแล้วเลียริมฝีปากพร้อมกับเบนสายตาไปยังรถ เข็นอาหารที่อยู่ด้านข้างอวิ๋นเสบู่เหยนโดยยังมีรสชาติอาหาร ค้างอยู่ที่ลำคอ “พระเจ้า นี่เป็นอาหารที่เลิศรสที่ดีที่สุดเท่าที่ ผมเคยลิ้มลองมาในชีวิตนี้อย่างแน่นอน!

“ในตอนนี้อยากจะลองชิมว่าอาหารอร่อยๆ แบบไหนกันที่คุณ หนูอวิ๋นได้เตรียมไว้ให้ผม!”

อวิ๋นเสวีเหยนรีบพูดว่า “เฮดเชฟเซี่ย อาหารของพวกเราไม่มี ปัญหาใช่ไหมคะ!”

มุมปากของเซี่ยหูยกขึ้น “แน่นอนว่าไม่มีปัญหาครับ คุณหนูอ วิ่น มอบให้คุณเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง นำเสนอกับมาสเตอร์ คาเรน เถอะครับ!”

อวิ๋นเสวีเหยนไม่มีความสงสัยในตัวเขาเลย เอื้อมมือจะยก จานขึ้นมา แต่กลับถูกเซี่ยงเส้าหลงคว้าข้อมือเอาไว้

“เซี่ยงเส้าหลง! คุณจับฉันไว้ทำไม!”

สายตาของเซี่ยงเส้าหลงกลับไปที่เซี่ยหูอย่างล้ำลึกแล้วเปิดปากพูดว่า “ผมเองก็อยากรู้ว่าเฮดเซฟเซียเตรียมอาหาร อร่อยอะไรไว้ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะนำเสนอให้กับมาสเตอร์คา เรน สู้ให้ผมดูก่อนไม่ดีกว่าเหรอ!”

ขณะที่พูด เขาก็เปิดผ้าคลุมโต๊ะออก ทันใดนั้นมีกลิ่นจางๆ แพร่กระจายขึ้นมา มันคือลำไส้ของหมูที่หั่นเป็นเก้าชิ้นและที่ ไม่ผ่านการทําอะไรใดๆเลยอย่างเห็นได้ชัด!

แม้แต่รอยสกปรกบนผิวหนัง ยังสามารถมองเห็นได้อย่าง

ชัดเจน!

แขกที่รายล้อมด้วยความอยากรู้ในตอนแรก พากัน กระจัดกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง

“นี่มันกลิ่นอะไร ฉันขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว!”

“ไส้หมูงั้นเหรอ? บริษัทมู่ซือกรุปคงไม่คิดจะหยิบสิ่งนี้มา ต้อนรับมาสเตอร์คาเรนหรอกนะ?”

ตอนนี้บริษัทมู่ซือกรุป ต้องหนาวแล้วล่ะ! กล้าเอาของที่ น่ารังเกียจแบบนี้มาต้อนรับมาสเตอร์คาเรน หรือว่าบริษัท มู่ซือกรุปไม่รู้ว่าด้วยอิทธิพลของมาสเตอร์คาเรน ในวงการ อุตสาหกรรม ขอเพียงแค่เขาพูดมาคำเดียว ความร่วมมือของ แบรนด์เครื่องประดับกว่าครึ่งที่ทำกับบริษัทมู่ซือกรุปจะต้อง ล้มเหลวเลยนะ?”

แต่คาเรนที่ไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุอะไรยังคงทำจมูกฟุดปิดดมกลิ่นแล้วพูดอย่างสงสัยว่า “ทำไมถึงมีกลิ่นเหม็น? มัน เป็นอาหารรสเลิศเหมือนเต้าหู้เหม็นอย่างนั้นเหรอ?”

เมื่อได้ฟังเสียงเย้ยหยันอย่างสะใจของทุกคนแล้ว ใบหน้าขอ งอวิ๋นเสบู่เหยนก็ขาวซีดแล้วมองไปที่เซี่ยหูอย่างไม่อยากจะ เชื่อ ” เฮด…..เฮดเซฟเซี่ย ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะคะ?”

“ทำไมงั้นเหรอ? คุณคิดว่าทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ จะไม่มีใครรู้ เรื่องงานอดิเรกของมาสเตอร์คาเรน ด้วยแวดวงเพื่อนฝูงที่คับ แคบของคุณจะสามารถสอบถามมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ เลยงั้นสิ?”

เถาซิ่งเอ๋อเดินเข้ามาช้าๆ บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ของผู้ชนะ

“เป็น…..เป็นคุณงั้นเหรอ?”

อวิ๋นเสวีเหยนคิดได้ในทันที!

“แน่นอนว่าต้องเป็นฉัน! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันแพร่กระจายข่าว ออกไป คุณจะไปขอความช่วยเหลือจากเฮดเชฟเซี่ยงั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเตรียมการไว้ล่วงหน้า คุณคิดจริงๆเหรอว่า ด้วยผลประโยชน์เล็กน้อยขนาดนั้นจะสามารถทำให้หัวหน้า พ่อครัวของภัตตาคารเทียนหลานเก๋อมาให้บริการคุณได้!

“อวิ๋นเสบู่เหยน จะสู้กับฉัน คุณยังอ่อนหัดเกินไป!”
“เฮดเซฟเซี่ย ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ ทำไมคุณถึงทําร้ายฉัน ถึงเพียงนี้ล่ะ?”

บนหน้าของเซี่ยหูไม่เพียงแต่ไม่มีร่องรอยของความละอายใจ ตรงกันข้ามยังพูดอย่างเยือกเย็นว่า “คุณหนูอวิ๋นใช้คําพูดผิด ไปแล้ว คุณไม่เคยเป็นนายจ้างของผมเลย!”

เถาซิ่งเอ๋อปิดจมูกแล้วเดินเข้าไปหาอวิ๋นเสบู่เหยนพร้อมกับ จงใจพูดว่า “ผู้อำนวยการอวิ๋น รออะไรอยู่เหรอมาสเตอร์คาเร นกำลังรอให้คุณเตรียมอาหารอร่อยๆให้เขาอย่างละเอียดและ ประณีตอยู่นะ!”

อวิ๋นเสบู่เหยนก้มหน้าลง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีเทา ไม่ว่าจะยก อาหารจานนี้ขึ้นไปเสิร์ฟหรือไม่บริษัทมู่ซือกรุปถึงคราวจะต้อง ล้มเหลวแล้ว!

ในช่วงเวลานี้เอง มีเสียงที่ราบเรียบดังขึ้น “พระกระโดด กำแพงของเฮดเชฟเผิงนั้นรสชาติอร่อยก็จริง แต่เมื่อเทียบ กับสิ่งที่บริษัทมู่ซือกรุป ของพวกเราได้จัดเตรียมมาก็เป็นแค่ ความต่างระหว่างดวงจันทร์กับฝุ่นผงเท่านั้น ไม่น่าพูดถึงเลย สักนิด!”

เมื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องต่างตกใจ เถาซิ่งเอ๋อจึงเหลือบมองเขาที่ พูดเกินจริงแล้วยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม “คุณเซี่ยงในเวลา เช่นนี้ คุณเอาคำพูดที่มั่นใจแบบนี้มาจากที่ไหน?”

“ทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ เชฟที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็นของภัตตาคารเทียนหลานเก่อและหอรวมพล ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ ล้วนอยู่ที่นี่ คุณยังจะเอาอะไรมาต่อสู้กับฉัน?”

“โดยการพึ่งไส้หมูหมักจานนี้น่ะเหรอ?”

เซี่ยงเส้าหลงกลับมีสีหน้าที่สงบนิ่งแล้วเทไส้หมูทิ้งไปก่อน จะพูดอย่างไม่แยแสว่า “เชฟที่บริษัทมู่ชือกรุปเชิญมาไม่ใช่ ภัตตาคารเทียนหลานเก่อ นะครับ เพื่อแสดงความจริงใจต่อ แขกผู้มีเกียรติผู้อำนวยการอวิ๋นจึงได้ออกหน้าด้วยตนเองและ ทําการเชิญเทพเซียนครัวมาเป็นพ่อครัวทําอาหารให้กับมาส เตอร์คาเรน เป็นพิเศษ!”

เมื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องเงียบกริบ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

ออกมาดังลั่น!

“เขาบ้าไปแล้วหรือไง? ถึงได้กล้าพูดว่าเชิญเทพเซียนครัว

ออกมา?”

“เทพเซียนครัวเคยเป็นเชฟ นยอดเพียงหนึ่งเดียวที่เคยจัด งานเลี้ยงระดับประเทศให้กับผู้ที่มีอำนาจสูงสุด เป็นบุคคล ระดับสมบัติของชาติ เชฟชื่อดังทั่วทั้งภาคเหนือ เมื่อได้พบกับ เทพเซียนครัว ไม่มีใครไม่เรียกเขาว่าท่านอาจารย์ด้วยความ เคารพ แล้วตัวเขาคู่ควรที่จะเชิญเทพเซียนครัวมาได้งั้นเห รอ?”

“ถูกแล้ว! นอกจากนี้เทพเซียนครัวได้ออกจากวงการไปสิบปี แล้ว ปีที่แล้วในวันเกิดครบรอบอายุแปดสิบปีคุณแม่ของเจ้าเมือง ไม่ว่าจะเชิญหรือกราบกรานเท่าไหร่ก็เชิญเทพเซียน ครัวมาไม่ได้ แล้วเขาเป็นตัวอะไร?”

ได้ยินคำพูดเย้ยหยันของทุกคนแล้ว บนหน้าของเถาซิ่งเอ๋อ เต็มเปี่ยมไปด้วยการเยาะเย้ย “เต็มทีคิดว่าคุณยังเป็นบุคคล หนึ่ง แต่ตอนนี้เมื่อมองดูแล้วก็เป็นเพียงแค่ความเก่งกาจที่คุย โม้โอ้อวดทําให้ฉันได้เห็นอะไรแปลกใหม่

และเซี่ยหูก็พูดจาเย้ยหยันเช่นกัน “ที่แท้ผู้อำนวยการอวิ๋นก็ หน้าใหญ่ขนาดนี้เอง ในเมื่อสามารถเทพเซียนครัวมาได้ แล้ว ทำไมตอนนั้นถึงต้องอ้อนวอนให้ผมช่วยอย่างนอบน้อมด้วย ล่ะ?”

เซี่ยงเส้าหลงเบนสายตาไปทางเขา เพราะเดิมทีคิดว่าฝีมือ ของเฮดเชฟเซียเพียงพอแล้วที่จะบดขยี้หอรวมพล คิดไม่ถึง เลยว่าจะมองผิดไป อาศัยบุคลิกลักษณะที่ย่ำแย่ของคุณ ฝีมือ การทำอาหารนี้น่ากลัวว่าจะเป็นแค่ระดับทำที่บ้านก็แย่แล้ว!

“ใช่แล้วล่ะ ผมจะแก้ไขคำพูดที่คุณใช้ให้ถูกต้องอีกครั้ง พวก เราไม่ได้อ้อนวอนเลย มันคือการกุศล การกุศลที่เปิดโอกาส ให้คุณได้เข้าไปข้างใน เป็นโอกาสที่จะได้แสดงต่อหน้าทุกคน แต่น่าเสียดาย ที่คุณไม่ได้รักษามันไว้!”

“คุณ! ……

ในแววตาของเซี่ยหูเป็นประกายที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
รับโทรศัพท์มาแล้วก็กดโทรออกไปยังหมายเลขที่ป้อนไว้ นานแล้ว!

เสียงกริ่งดังอยู่สามครั้ง หลังจากโทรติดแล้ว อวิ๋นเสวีเหยนมี สีหน้ากระวนกระวายแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ขอโทษนะ คะ คุณคือเทพเซียนครัวหรือเปล่าคะ?”

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เกิดความเงียบไปเล็กน้อย จากนั้น มีเสียงหัวเราะที่กระจ่างใสดังขึ้น “ผู้อำนวยการอน ผมรอ สายคุณอยู่ที่ปากประตู จนจวนเจียนจะหลับอยู่แล้วนะ!

เมื่อเสียงนั้นจบลง ทั้งห้องโถงก็เงียบกริบ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ