เจ้าสาวกลางทะเลทราย

ตอนที่ 4 ไม่นับญาติ



ตอนที่ 4 ไม่นับญาติ

ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่

ชุติกาญจน์เดินลงมาจากชั้นบนก็พบกับเพ็ญพักตร์ที่นั่ง จิบกาแฟอยู่ที่ด้านล่าง หญิงสาวหันมามองชุติกาญจน์ และค้อนให้ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหา “ได้ข่าวว่าไม่สบาย หายดีแล้วหรือ”

“ค่ะ” ชุติกาญจน์ตอบเสียงเฉื่อยๆ

“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอเอาของขวัญไปให้พี่ช้ามาก มัวไป ทำอะไรอยู่” เพ็ญพักตร์ตะคอกใส่

“เออ พอดีรถติดน่ะค่ะกานก็เลยไปช้า” หญิงสาวตอบ ตะกุกตะกัก ความร้อนเริ่มแผ่มาที่ขอบตาอีกครั้ง

“จริงสิฉันก็ลืมนึกไป เอาล่ะเธอจะไปไหนก็ไป” เพ็ญ พักตร์โบกมือไล่หญิงสาว ชุติกาญจน์รีบเดินเข้ามาในครัว

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณกาน หน้ายังซีดอยู่เลย” สาวใช้หันมาถามเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว

“เปล่าจะไม่ได้เป็นอะไร ขอนมฉันสักแก้วนะ” หญิงสาว นั่งลงที่เก้าอี้
“ได้แล้วค่ะ” สาวใช้วางแก้วนมอุ่นๆลงตรงหน้า

“หนูว่าคุณกานขึ้นไปนอนพักจะดีกว่านะคะไม่ต้องลงมา หรอกค่ะเดี่ยวทางนี้พวกเราจัดการกันเองได้ค่ะ”

“ไม่เป็นไรฉันหายดีแล้ว” หญิงสาวยิ้มให้สาวใช้ พอดีกับ

ที่วรรณนาเดินเข้ามาสั่งงานในครัว “อ้าวยัยกานหายดีแล้วหรือลูก” เธอเดินมาลูบผมหลาน

สาว

“ค่ะ คุณป้ามีอะไรให้กานช่วยหรือเปล่าคะ”

“ไม่มีหรอกจ้ะแต่ป้าว่าหน้าหนูยังซีดๆอยู่เลยนะ ตาก็ บวมด้วยมีอะไรหรือเปล่าบอกป้าได้นะลูก”

“กานขยี้ตามากไปหน่อยค่ะ ฝุ่นมันเข้าตาเมื่อคืนนี้” ชุติ

กาญจน์พยายามฝืนยิ้มให้ผู้เป็นป่า

“วันนี้ตอนเย็นลุงเขามีเรื่องจะคุยกับเรา รอพบลุงเข้า ด้วยนะ” วรรณนายิ้ม

“ค่ะ” ชุติกาญจน์ฝืนยิ้มน้อยๆ

“กำลังทำอะไรกันอยู่คะ” จิรดาถามและยิ้มให้เมื่อทุกคนหันมามอง

“มาพอดี มานี่สิป่าจะแนะนำให้รู้จัก” วรรณนาเรียก หลานสาวของสามีเข้ามาหา ชุติกาญจน์มองหญิงสาวที่ เดินเข้ามาอย่างสงสัย

“รู้จักกันไว้ นี่ชุติกาญจน์หลานสาวของป้าเอง” วรรณนา แนะนำจิรดายกมือไหว้

“กานคนนี้คือจิรดาหลานสาวของคุณประภาส เธอเป็น ลูกสาวของน้องชายคุณประภาส” ชุติกาญจน์ยกมือไหว้ ตอบอีกฝ่าย จิรดามองหญิงสาวตรงหน้าและยิ้มให้อย่าง เป็นมิตร

“หลานสาวคุณป้าสวยจังเลยนะคะ” จิรดาชมจากใจจริง

“คุณก็สวยค่ะ น่ารักด้วย” ชุติกาญจน์ยิ้มอย่างเขินๆ

“เอาล่ะสวยด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ ป้าหวังว่าเราทั้งสอง คนคงเป็นเพื่อนกันได้” วรรณนามองสองสาว“ค่ะ เราเป็นเพื่อนกันได้แน่นอนค่ะ” จิรดายิ้มให้ชุติกาญ จน์
“ในนี้ไม่มีงานอะไรแล้วกานว่าเราไปนั่งคุยกันที่ศาลาริม สระบัวกันดีกว่านะคะ”หญิงสาวเอ่ยชวน

“ไปสิคะดามาที่นี่เป็นครั้งแรกคงต้องให้คุณกานช่วยพา เดินชมรอบๆบ้านไปก่อน” จิรดายิ้ม หญิงสาวทั้งสองจึง เดินเคียงกันออกไปจากห้องครัว วรรณนายืนกอดอกมอง หญิงสาวทั้งสองอย่างโล่งอกที่ทั้งสองเข้ากันได้

เพ็ญพักตร์เงยหน้าขึ้นมองมารดาที่เดินเข้ามานั่งลงตรง ข้ามกับตนเอง หญิงสาวทำเป็นไม่สนใจมารดาและนั่ง อ่านนิตยาสารดาราต่อไป

“วันนี้ไม่ออกไปไหนหรือไง” วรรณนาถามบุตรสาว

“ไม่ค่ะไม่มีโปรแกรม วุธเขาไม่วางต้องไปตรวจงานที่ต่าง จังหวัด” หญิงสาวตอบ

“เหรอแล้วทำไมเราไม่ตามเขาไปด้วยล่ะ” มารดาค้อนให้

“คุณแม่คะถ้าจะมาพูดแดกดันพักตร์ก็อย่าพูดกันดีกว่า ค่ะ” หญิงสาวทำท่าลุกขึ้นแต่แล้วก็นั่งลงตามเดิม

“เออ ใครมาพักที่บ้านเราหรือคะเห็นห้องข้างๆยัยกาน ประตูเปิดอยู่”
“จิรดา น้องสาวของแกเอง ลูกสาวของอากิตจำได้หรือ เปล่า” วรรณนาย้อนถามบุตรสาว

“หึ ทำไมจะจำไม่ได้คะ ลูกชายที่ถูกคุณย่าไล่ออกจาก บ้านและตัดออกจากกองมรดกเพราะไปคว้าหญิงชาว บ้านมาเป็นภรรยา

“หยุดนะยัยพักตร์คนที่แกพูดถึงน่ะเป็นอาแท้ๆของแกนะ พูดอะไรให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง” วรรณนาดุบุตร สาวแต่อีกฝ่ายกลับมีทีท่าไม่เดือดร้อนอะไร

“ทำไมคะก็หนูพูดความจริง แล้วนี่คุณย่ารู้หรือยังคะว่า หลานสาวบ้านนอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” เพ็ญพักตร์ยิ้มเยาะ มารดา

วรรณนานิ่งเงียบ เพ็ญพักตร์จึงพูดต่อ

“ยังไม่รู้ใช่ไหมคะ ถ้าคุณย่ารู้คงจะสนุกกันใหญ่” หญิง สาวพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบน

ชุติกาญจน์และจิรดานั่งคุยกันอย่างสนุกสนานที่ศาลา ริมสระบัวหญิงสาวทั้งสองมีพื้นฐานจิตใจที่ดีงามเหมือน กันจึงทำให้รู้สึกเป็นกันเองและเหมือนรู้จักกันมานาน

“คุณกานอยู่ที่นี่มานานคงโดนฤทธิ์คุณย่ามามากทนได้ หรือคะ”จิรดาถาม
“เรียกชื่อกานเฉยๆ กว่าค่ะ ดิฉันทนเพราะคุณลุงกับ คุณป้ามีบุญคุณกับดิฉันมากอีกอย่างฉันก็ไม่มีญาติ ผู้ใหญ่ที่ไหนนอกจากคุณป้า” ชุติกาญจน์ยิ้มให้อีกฝ่าย

จิรดาพยักหน้า “กานเธอควรจะสู้บ้างไม่ใช่อ่อนข้อให้ แบบที่ผ่านมา ไม่งั้นพวกนั้นจะได้ใจรังแกเธออยู่เรื่อย

“คุณดาคะคุณย่าเรียกพบค่ะ”สาวใช้เข้ามารายงาน จิร

ดาหันไปมองหน้าชุติกาญจน์ “สงสัยจะรู้ว่าฉันมาแล้ว”

“คงไม่มีอะไรหรอกดา”ชุติกาญจน์บอก

“พาฉันไปสิ”จิรดาหันมาบอกสาวใช้และลุกขึ้นเดินตาม สาวใช้ไป ชุติกาญจน์จึงลุกตามไปอีกคน

ภายในห้องนั่งเล่นคุณหญิงน้อมจิต เพ็ญพักตร์และ วรรณนานั่งคอยอยู่แล้ว ชุติกาญจน์ถอนหายใจ อย่าง น้อยป้าของเธอก็คงไม่ปล่อยให้คุณหญิงท่าอะไรจิรดาได้

“มาแล้วหรือ อ้อ สนิทกันเร็วดีนี่นั่งลงฮิยะ” น้อมจิตสั่ง เสียงเข้ม หญิงสาวทั้งสองจึงนั่งลง จิรดายกมือไหว้ผู้เป็น ย่า “หนูกราบคุณย่าค่ะ”

“เอากองไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่ต้องการแล้วหล่อนมาที่นี่ ทําไมหรือว่าพ่อของแกให้แกมาขอเงินจากฉันอย่าหวังเลย”

“เปล่าหรอกค่ะความจริงหนูก็ไม่อยากมาที่นี่นักหรอกนะ คะถ้าคุณลุงไม่ขอร้อง”จิรดาเถียงแววตาเด็ดเดียวมอง ตรงไปที่หญิงสูงวัยอย่างน้อยใจ

“ทำไมตาภาสไปขอร้องอะไรแก บอกฉันมาสิ”

“คืออย่างนี้ค่ะคุณแม่ คุณภาสจะให้จิรดามาเป็นเลขา ส่วนตัวน่ะค่ะเห็นว่าเรียนจบด้านเลขานุการมา”วรรณนา ช่วยอธิบายให้แม่สามีฟัง

“แล้วทำไมไม่ให้ยัยพักตร์ทำ เป็นลูกในไส้แท้ๆไว้ใจได้ มากกว่าคนอื่นเสียอีก”คุณหญิงค้อนให้ลูกสะใภ้

“ก็เพราะลูกสาวมันไม่ได้เรื่องไงครับผมถึงต้องพึ่งหลาน สาวแทน” ประภาสบอกเสียงเรียบและทำให้สายตาทุกคู่ หันไปมองเขากันเป็นตาเดียว

“ไม่ใช่แค่ยัยดาเท่านั้นผมจะให้ยัยกานมาเป็นผู้ช่วยของ ผมที่สำนักงานที่ว่าการของพรรคด้วย ผมเคยบอกยัย พักตร์แล้วตั้งหลายครั้งแต่แกก็ตอบว่าไม่อยากทํางาน เบื่อแล้วคุณแม่จะให้ผมทำยังไงครับ” พูดจบเขาก็นั่งลง ข้างๆภรรยา

“มาก็ดีทำไมแกต้องเอานังเด็กคนนี้เข้ามาที่บ้านฉันด้วย แกก็รู้ว่าฉันเกลียดแม่ของมัน”

“คุณแม่ครับยัยดาก็เป็นหลานสาวของคุณแม่นะครับ ตากิตก็เป็นลูกชายของคุณแม่ถึงคุณแม่จะไม่ยอมรับแต่ ความจริงก็คือความจริงหนีไม่พ้นหรอกครับ”

“แต่แม่เกลียดแม่มัน” น้อมจิตมองหน้าบุตรชายนิ่งมือสั่น ด้วยความโกรธ

“ทําไมคะคุณย่า…”จิรดาถามด้วยความน้อยใจ

“อย่ามาเรียกฉันว่าย่า ฉันไม่มีหลานอย่างแก ฉันมีหลาน สาวเพียงคนเดียวคือยัยพักตร์ส่วนคนอื่นไม่เกี่ยว”

“ก็ได้ค่ะ ทำไมคะคุณหญิงแม่ของดิฉันมันเป็นยังไง”

“แม่แกมันผู้หญิงหน้าเงินเห็นผู้ชายหล่อๆรวยๆก็คิดจะ จับ จนแล้วยังไม่เจียม

“ ถึงจะจนแต่ก็ทำให้คุณพ่อมีความสุขได้ ตอนนี้คุณพ่อ มีความสุขมาก ไม่เหมือนตอนที่อยู่ที่นี่” จิรดาน้ำตาคลอ แต่ก็กลั้นเอาไว้ไม่ยอมให้มันหยดลงมา

“พอเถอะครับคุณแม่ที่ผมเรียกยัยดามาก็เพราะจะให้มาช่วยงานของผมถ้าคุณแม่ไม่ชอบก็อย่ามายุ่งกับหลาน ก็แล้วกัน” ประภาสร้องห้ามมารดา

“นี่แกเห็นมันดีกว่าแม่ กว่าลูกของแกเองหรือไง” ผู้เป็น แม่กำมือแน่นด้วยความโกรธ

“เปล่าครับ ผมเห็นคุณค่าของคนมากกว่า คุณแม่ควรจะ ลืมเรื่องที่ผ่านมาได้แล้วนะครับ”

“ฉันลืมไม่ได้” คุณหญิงเสียงแข็ง ประภาสส่ายหน้าถึง เขาอธิบายหรือชี้แจงยังไงมารดาของเขาก็คงไม่ฟัง เขา จึงเปลี่ยนเรื่องคุย

“อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็ดีแล้วผมจะได้แจ้งให้ทุกคน ทราบว่าผมจะส่งยัยพักตร์ไปที่ประเทศคูลฮาร์นเพื่อร่วม งานฉลองการครองราชขององค์สุลต่านในตัวแทนที่เป็นคู่ หมั้นของเจ้าชายเรฮานรัชทายาทลำดับที่ 2ของคูลฮาร์น”

“ไม่นะคะคุณพ่อพักตร์ไม่ไป คุณย่าขาพักตร์ไม่ไปนะ คะ” เพ็ญพักตร์เห็นว่าอ้อนบิดาไม่ได้จึงหันมาอ้อนผู้เป็น ย่าแทน คุณหญิงน้อมจิตมองหน้าบุตรชายตาขวาง

“ฉันไม่ยอมเด็ดขาดเป็นตายร้ายดียังไงฉันก็ไม่ยอมให้ หลานสาวของฉันไปอยู่ไกลตาขนาดนั้นหรอก”
“แต่ยัยพักตร์ต้องไปโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น”ประภาส ยื่นคําขาด

“ถ้างั้นเราก็จะได้เห็นดีกัน ทำไมแกต้องบังคับจิตใจลูก กันด้วย ในเมื่อเด็กมันไม่ชอบก็บอกยกเลิกไปแม่คิดว่าเรา คุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก” น้อมจิตทำเสียงแข็ง

“คุณแม่คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือครับ เสื่อมเสีย พระเกียรติเชียวนะครับผมยังไม่อยากตาย” ประภาสมอง หน้ามารดา

“ก็เอาแบบนี้สิคะคุณพ่อก็ส่งยัยกานไปแทนหนูเขาไม่รู้ หรอกว่าเป็นยัยกานไม่ใช่หนู”เพ็ญพักตร์เสนอ วรรณนา หันไปมองบุตรสาวอย่างไม่เชื่อหูของตนเองว่าความคิด แบบนี้จะมาจากปากของลูกสาวตัวเอง

“ยัยพักตร์แกเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เห็นแก่ตัวที่สุด” วรรณนาดุลูกสาว น้อมจิตรีบออกรับแทนหลานสาวทันที

“อย่ามาดุยัยพักตร์นะ ลูกมันออกความคิดให้ฉันก็เห็นว่า มันเข้าท่าดีเหมือนกัน”

“ไม่ได้ คุณแม่หยุดตามใจยัยพักตร์เสียทีเถอะครับลูก ผมเสียคนเพราะคุณแม่ผมคิดผิดจริงๆที่ให้คุณแม่เลี้ยงดู ยัยพักตร์” ประภาสพูดออกมาด้วยความโกรธ
“แกโทษฉันหรือไงตาภาส ก็ได้ในเมื่อแกเห็นว่าฉันเป็น คนไม่ดีฉันก็จะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีกแต่ฉันจะพายัยพักตร์ไปกับ ฉันด้วย ไปยัยพักตร์ไปเก็บของย่าจะพาไปอยู่ที่อื่น” คุณ หญิงน้อมจิตโกรธจนหน้าแดงก่ำ เพ็ญพักตร์มองทั้ง 2 คน อย่างตกใจ

“ไปไหนคะคุณย่า”

“ไปบ้านที่กรุงเทพที่นี่ไม่มีใครเขาต้องการพวกเรา หรอก”

“คุณย่าแล้ววุธล่ะคะเขามาก็จะไม่เจอกกับพักตร์นะสิ” หญิงสาวร้องถาม จิรดาได้แต่นั่งมองหน้ากับชุติกาญจน์

“ก็บอกเขาสิว่าอยู่ที่ไหน หรือว่าแกจะไม่ไป

“ไปค่ะคุณย่าพักตร์จะไปกับคุณย่า”

“เดี๋ยวก่อน” ประภาสร้องห้ามก่อนจะถอนใจอย่างแรง

“ไม่ต้องมีใครไปไหนทั้งนั้น ผมจะลองไปคุยกับท่านทูตดู ให้เขาช่วยเจรจากับทางคูลฮาร์นให้” ประภาสนั่งก้มหน้า อย่างคิดอะไรไม่ออก ชุติกาญจน์มองผู้เป็นลุงอย่างนึก สงสารเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยหรือไง คุณหญิง หันไปยิ้มกับเพ็ญพักตร์อย่างพอใจ เธอรู้ว่าบุตรชายไม่ กล้าที่จะให้เธอต้องไปลำบากที่อื่นอย่างแน่นอน
วรรณนามองตามหลังแม่สามีกับบุตรสาวที่เดินกลับขึ้น ไปชั้นบนอย่างไม่พอใจและหันมามองสามีที่นั่งหลับตานิ่ง “คุณค่ะ”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยวรรณ ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆ”

“อย่าเครียดมากนะคะเดี๋ยวจะปวดหัวอีก” วรรณนา เตือนสามีด้วยความเป็นห่วง

“คุณลุงคะถ้าจะทำตามที่พี่พักตร์พูด กานก็ยินดีนะคะ กานยอมทําทุกอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณของคุณลุงกับ คุณป้า” ชุติกาญจน์ฝืนยิ้มให้ทั้งสองคน

“บ้าไปแล้วหรือไงกานชีวิตทั้งชีวิตเชียวนะ ใครๆเขาก็รู้ ว่าผู้ชายอาหรับจะมีเมียมากมายยิ่งเป็นเจ้าชายด้วยแล้ว มีผู้หญิงในฮาเร็มเป็น 100 เธอจะไปเป็นคนที่เท่าไรก็ ไม่รู้” จิรดามองหญิงสาวอีกคนอย่างไม่เห็นด้วย

“จริงอย่างที่ยัยดาพูด หนูไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยอีกอย่าง ถ้าส่งหนูไปแล้วเขาเกิดรู้ความจริงว่าหนูไม่ใช่เพ็ญพักตร์ หนูเองจะต้องเดือดร้อนนะลูก” วรรณนาเห็นด้วยกับความ เห็นของจิรดา

“ลุงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกกาน หนูไม่ควรต้องมารับ ภาระหน้าที่แทนใครลุงจะจัดการเรื่องนี้เอง” ประภาสยิ้มให้หญิงสาว
“แต่ว่าคุณลุงเคยบอกไม่ใช่หรือคะว่าเรื่องนี้ส่งผลกระ ทบต่อประเทศไทยและครอบครัวของคุณลุง ยังจะมีเรื่อง หน้าที่การงานอีกคุณลุงจะรับไหวหรือคะ”

ประภาสกับวรรณนานิ่งเงียบ ทุกอย่างที่ชุติกาญจน์พูด เป็นความจริงเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงและเกียรติยศ ของราชวงศ์คูลฮาร์นทางนั้นก็คงไม่ยอมเพราะเป็นคำมั่น สัญญาขององค์สุลต่าน ถ้าเขาบอกปฏิเสธไปทางนั้นคง โกรธที่ถูกคู่หมั้นบอกยกเลิก

“กานยินดีทําค่ะ กานจะไปแทนพี่พักตร์เอง นะคะให้กาน ไปนะคะ ชีวิตนี้ถ้าไม่มีคุณลุงกับคุณป้ากานก็คงไม่ได้มา ถึงจุดนี้กานยอมให้คุณลุงคุณป้าเดือดร้อนไม่ได้หรอก ค่ะ” วรรณนามองหน้าหลานสาวอย่างซาบซึ้ง

“ยัยกาน” เธอดึงหลานสาวเข้ามากอด

“คุณป้าไม่ต้องกลัวนะคะกานมั่นใจว่าจะต้องทำได้” หญิงสาวผละออกมาส่งยิ้มให้

“เขาอยากไปก็ให้เขาไปสิคะคุณพ่อไม่เห็นจะยาก”เพ็ญ พักตร์ยิ้มที่มุมปากมองมายังหญิงสาวตาขวาง “คงอยาก ไปจนเนื้อเต้นล่ะสิ ได้เป็นถึงคู่หมั้นของเจ้าชายเธอคง คิดสินะว่าจะสุขสบายมีเงินทองมากมายแต่ฉันขอบอกไว้ ก่อนนะว่าผู้หญิงธรรมดาแบบเธอคงไม่ทำให้เขาหลงใหล ได้หรอก หึ หึ”
“พูดมากไปแล้วยัยพักตร์ แกเองควรจะขอบใจน้องที่ เขามาช่วยไม่ให้ครอบครัวของเราต้องเดือดร้อนแล้วนั่น แกจะไปไหน” ประภาสมองบุตรสาวด้วยสายตาที่โกรธ เกรี้ยว เพ็ญพักตร์ยักไหล่

“ไปเที่ยวกับวุธค่ะเขาโทรมาเมื่อกี้นี้เอง เราจะไปดูแหวน หมั้นกัน” หญิงสาวตอบและเดินออกไปอย่างไม่สนใจคน ที่มองอยู่เบื้องหลัง

“ผมจะทำยังไงดีล่ะวรรณ” ประภาสยกมือขึ้นกุมขมับ อย่างคิดไม่ตก

“โธ่ คุณคะ” วรรณนาสงสารสามีจับใจแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำ ยังไง

“ทำตามที่หนูบอกสิคะ เชื่อใจกานนะคะคุณลุงคุณป้า แววตาของชุติกาญจน์แน่วแน่ ประภาสถอนหายใจก่อน จะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว

“ก็ได้แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นหนูต้องรีบโทรมาหาลุงทันทีนะ ลุงกับป้าคงไปด้วยไม่ได้” ประภาสมีสีหน้าไม่สบายใจ

ชุติกาญจน์ใจหายแต่ก็ต้องทำใจให้เข้มแข็งเข้าไว้

“ไม่เป็นไรค่ะกานไปคนเดียวได้” หญิงสาวตอบ
“จะบ้าหรือไงที่นั่นมีแต่คนที่เธอไม่รู้จัก พูดก็คนละภาษา เธอจะไปอยู่คนเดียวได้ยังไง เธอมันบ้าจริงๆกาน” จิรดา ส่ายหน้า

“ฉันจะต้องทนได้เพื่อทุกคนที่นี่” ชุติกาญจน์ก้มหน้ามอง มือของตนเอง

“ฉันจะไปเป็นเพื่อนเรื่องภาษาอังกฤษฉันก็พอจะพูดได้ ตอนเรียนฉันได้เกรด A ทุกปี คุณลุงจะอนุญาตหรือเปล่า คะ” จิรดาหันไปถามผู้เป็นลุง

“แต่พ่อแม่ของเธอคงไม่ยอม” ประภาสบอกหลานสาว

“ก็อย่าบอกสิคะ ไปแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับดาเป็นห่วง กานค่ะ” หญิงสาวบอกและหันไปมองชุติกาญจน์ที่ยืนยิ้ม อยู่ด้านหลัง

“ก็ได้ดีเหมือนกันมีอะไรจะได้ช่วยกัน ลุงจะให้ทางสถาน ทูตคอยดูแลพวกเราอีกทาง ขอให้หนูทำสำเร็จนะชุติ กาญจน์” ประภาสยิ้มให้หลานสาวทั้งสอง

“ป้าขอโทษนะลูกที่ทำให้หนูต้องลำบาก ป้าไม่คิดเลย ว่าลูกสาวของป่าจะเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้” วรรณนามี สีหน้าเศร้าลง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เอง ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะมีดาไปด้วยกานไม่เหงาหรอกค่ะดาเขาคุยเก่ง” หญิง สาวบอกเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล

“อีก 1 อาทิตย์องค์สุลต่านจะส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ ที่สนามบินเชียงใหม่ พวกหนูไปเตรียมตัวให้พร้อม ลุง ขอบใจมากนะกานถ้าไม่ได้หนูลุงก็คงจะคิดอะไรไม่ออก” ประภาสกอดชุติกาญจน์ด้วยความเอ็นดู

“คุณลุงอย่าคิดมากนะคะกานทำเพื่อคุณลุงกับคุณป้า ได้ทุกอย่าง”

“ลุงเชื่อว่าความดีของหนูจะตอบแทนให้หนูมีความสุข เอาล่ะไปพักผ่อนเถอะทั้ง 2 คนเลยลุงกับป้ามีเรื่องจะคุย กัน”

“ค่ะ” หญิงสาวทั้ง 2 จึงเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นและได้ เจอกับคุณหญิงน้อมจิตที่เดินลงบันไดมา

“สมใจแล้วสินะที่จะได้ผัวรวยๆแถมเป็นถึงเจ้าชาย”

“คุณหญิงคะ คุณหญิงน่าจะขอบใจกานเขานะคะที่มา รับหน้าที่แทนหลานสาวสุดที่รักของคุณหญิงที่ไม่มีความ รับผิดชอบอะไรเลย” จิรดาเชิดคอมองอีกฝ่ายอย่าง ท้าทาย

“แกนังลูกไพร่ไม่มีสกุลรุนชาติกล้ามาสอนฉันเชียวเหรอ”

“ดิฉันเป็นคนบ้านนอกคิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้นไม่ เคยคิดร้ายกับใคร

“พอแล้วดาไปกันเถอะ” ชุติกาญจน์ดึงจิรดาเอาไว้แล้ว พาออกมานอกบ้านก่อนที่จะทำให้คุณหญิงน้อมจิตโกรธ มากกว่านี้

“เธอดึงฉันออกมาทำไมกาน”

“เถียงปู่ย่าตายายมันบาปนะดา” ชุติกาญจน์เตือน

“แล้วเขาเห็นฉันเป็นหลานหรือไงเรียกคำก็จิกหัวยังกับ ขี้ข้า” จิรดาสะบัดมือออกมาจากหญิงสาวและเดินไปนั่งที่ ศาลาริมสระบัว ชุติกาญจน์เดินตามเข้าไป

“ถึงยังไงท่านก็เป็นคุณย่าของเธอ”

“จ้า แม่คนใจดี ใจบุญยอมเขาไปเสียหมดทุกอย่างแล้ว เธอคิดไว้หรือยังว่าจะบอกกับเจ้าชายเขายังไงให้เขา ยกเลิกสัญญาเอง” จิรดาถามอย่างสงสัย ชุติกาญจน์ส่าย หน้า

“ยังไม่รู้เหมือนกัน ต้องคิดก่อน”
“โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าคิดออกแล้ว เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย ต้องเดินทางตลอดเลยหรือไงเพิ่งมาถึงแท้ๆต้องไปต่าง ประเทศอีกแล้ว”

“ฉันขอโทษนะ ฉันไปคนเดียวก็ได้เธอจะได้ไม่ต้อง ลําบาก” ชุติกาญจน์ทําหน้าเศร้า จิรดาจึงรีบพูดปลอบ

“ไม่ใช่แบบนั้นฉันเต็มใจไปกับเธอก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา จริงไหม อีกอย่างฉันก็บ่นไปแบบนั้นเองถ้าเธอคบกับฉัน ไปเรื่อยๆก็จะรู้เองว่าฉันเป็นคนยังไง” หญิงสาวยิ้มให้ชุติ กาญจน์

“แล้วคนที่นั่นจะดุเหมือนในหนังหรือเปล่าดา” ชุติกาญ จน์เป็นกังวล

“คงไม่หรอกก็คงเหมือนกับคนไทยของเรานี่แหละมี ทั้งคนดีและคนเลวแต่เราจะเจอคนแบบไหนเท่านั้นเอง ไม่ต้องกังวลไปหรอกฉันจะอยู่ข้างๆเธอ” จิรดาตบไหล่ หญิงสาวเบาๆ ชุติกาญจน์พยักหน้าอย่างน้อยเธอก็ยังมี จิรดาไปเป็นเพื่อนไม่ได้ไปแบบโดดเดี่ยว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ