เจ้าสาวกลางทะเลทราย

ตอนที่ 3 เพื่อนคนใหม่



ตอนที่ 3 เพื่อนคนใหม่

ชุติกาญจน์นอนซมอยู่บนที่นอนร่างกายเจ็บร้าวระบม ไปทั่ว เธอได้แต่สาปแช่งผู้ชายสารเลวคนนั้นให้ได้พบ กับความเจ็บปวดเหมือนกับเธอ สูญเสียในสิ่งที่รักและ หวงแหนเช่นเดียวกับเธอ

“คุณกานคะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” แม่บ้านวัย 40 ปี เคาะเรียกหญิงสาวเมื่อเห็นว่าสายมากแล้วแต่หญิงสาวก็ ยังไม่ลงไปด้านล่าง

“เปล่าค่ะ แค่ปวดหัวนิดหน่อยขอกานนอนพักสักวันนะ คะ” หญิงสาวตะโกนตอบกลับไป

“แล้วทานยาหรือยังคะ ทานข้าวต้มไหมคะเดี๋ยวป้าไปทำ มาให้

“ไม่ล่ะคะป้า กานอยากนอนมากกว่าค่ะ บอกคุณป้าด้วย

นะคะว่ากานขอหยุดพักวันหนึ่งไม่ลงไปช่วยงานด้านล่าง นะคะ”

“ค่ะ ป้าจะบอกให้นะคะแต่คุณกานไม่เป็นอะไรแน่นะคะ”

“จ้ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“งั้นป้าไปก่อนนะคะมีอะไรก็เรียกนะคะ สายหยุดเดิน หันหลังลงไปชั้นล่างตามเดิม ชุติกาญจน์ปล่อยน้ำตาลง มาอีกครั้งเธอไม่ได้นอนทั้งคืนร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจน แทบไม่มีน้ำตาให้ไหล อยากระบายออกมาเป็นคำพูดแต่ ใครเล่าจะรับฟังเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้ได้

น้อมจิต วรรณนาและประภาสนั่งรับประทานอาหารเช้า กันอยู่ที่โต๊ะอาหาร วรรณนาเงยหน้าขึ้นถามแม่บ้านเมื่อ เห็นว่าเดินลงมาคนเดียว “แล้วหนูกานล่ะ”

“คุณกานบอกว่าไม่สบายน่ะค่ะ” แม่บ้านรายงานนาย หญิงของตนเอง

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” วรรณนามีสีหน้าเป็นกังวล

*เธอบอกว่าปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”

“เดี๋ยวสายหยุดทำข้าวต้มขึ้นไปให้เธอทานด้วย นะ”วรรณนาสั่ง คุณหญิงน้อมจิตหันมาค้อนให้ลูกสะใภ้

“ป่วยแค่นิดหน่อยไม่ต้องเอาใจกันมากขนาดนั้นหรอก แม่วรรณ”

“แต่ถ้าปล่อยไว้นานก็อาจเป็นอันตรายได้นะครับคุณ แม่” ประภาสออกรับแทนภรรยา
“เอาใจกันเข้าไปลูกก็ไม่ใช่ ไม่รู้ว่าพวกแกเห็นอะไร นักหนา” น้อมจิตบอกอย่างหมั่นไส้

“นั้นสิคะคุณย่า” เพ็ญพักตร์เดินเข้ามาทันได้ยินทั้ง 3 คนคุยกันพอดี

“ตื่นแล้วหรือผิดปรกติไปหรือเปล่า” วรรณนาพูดเหน็บ บุตรสาว

“โธ่ คุณแม่ขาพักตร์ก็ตื่นของพักตร์แบบนี้ทุกวันเพียงแต่ ไม่อยากลงมาก็เท่านั้น

“แล้วเมื่อไรแกคิดจะทำงานเสียทีจบมาตั้ง 4 ปีแล้ว” ประภาสเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว

“เอ๊ะ พวกเธอนี่ยังไงกันฉันเคยบอกแล้วไงว่าระดับหลาน สาวคุณหญิงน้อมจิตไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้” คุณหญิง พูดเข้าข้างหลานสาว

“พอทีเถอะครับคุณแม่…คุณแม่ควรสอนให้ยัยพักตร์ เป็นแม่บ้านแม่เรือนได้แล้วนะครับอีกหน่อยถ้าแต่งงาน กับเจ้าชายไปแล้วเขาจะได้ว่าไม่ได้ว่าเราไม่ได้สั่งสอน ลูกหลานให้เป็นกุลสตรี ผมว่าคุณแม่เลิกตามใจยัยพักตร์ ได้แล้วนะครับ”

“แกพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้วยัยพักตร์ไม่ต้องการแต่งงานกับเจ้าชายอะไรนั่น เขามีคนรักอยู่แล้ว” ทั้ง ประภาสและวรรณนาหันไปมองหน้ากันอย่างอัตโนมัติ

“ไม่ได้นะครับคุณแม่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จะมาทำเป็น เรื่องเล่นๆไม่ได้”

“ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมให้หลานสาวฉันไปแต่งงานกับหนุ่ม ต่างชาติแบบนั้นหรอก ถึงจะรวยแค่ไหนก็ตามถ้าเธอ 2 คนรักลูกก็ควรทำตามที่ลูกต้องการไม่ใช่มาบังคับลูก”

ประภาสส่ายหน้า “คงไม่ได้หรอกครับคุณแม่ผมเพิ่งได้ รับบัตรเชิญจากองค์สุลต่านอาซิมเมื่อวานนี้ท่านเชิญยัย พักตร์ไปร่วมฉลองวันขึ้นครองราชของท่านและต้องการ ให้ยัยพักตร์กับเจ้าชายได้ทำความรู้จักกันด้วยแล้วงาน แต่งงานก็จะจัดขึ้นในอีก 1 เดือนข้างหน้าเราทำอะไรไม่ ได้แล้วนะครับคุณแม่” ประภาสประสานมือมาไว้ที่ใต้คาง

“ไม่นะคะคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่าขาหนูไม่แต่งงานกับใคร ทั้งนั้นหนูรักอยู่กับวราวุธและเราก็ได้เสียกันแล้วด้วย” เพ็ญพักตร์บอกอย่างไม่อายเล่นเอาผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนอ้า ปากค้าง

“ฉันจะเป็นลม” น้อมจิตเอามือทาบอกวรรณนารีบลุกมา ดูแม่สามี
“สายหยุดเอายาดมมาเร็วเข้า” วรรณนาบอกและเข้าไป ประคองแม่สามีทันที

“งามหน้าหนักนะลูกสาว สส.ประภาสไปนอนกับผู้ชาย เหมือนผู้หญิงข้างถนน” ประภาสกำมือแน่นด้วยความ โกรธ

“หนูไม่สนใจหรอกนะคะว่าใครจะคิดยังไงหนูรักวุธและ ถ้าคุณพ่อยังบังคับหนูอีกหนูก็จะหนีตามไปกับวุธและไป อยู่ต่างประเทศไม่กลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวประกาศ ก้องแล้ววิ่งขึ้นห้องไป

“อย่านะลูกอย่าไปจากย่า”ผู้เป็นย่าร้องเรียกหลานสาว

“แกเห็นหรือยังว่าแกทําอะไรลงไปถ้าหลานสาวฉันเป็น อะไรไปฉันกับแกตัดแม่ตัดลูกกัน” คุณหญิงตวาดใส่หน้า บุตรชายและเดินตามหลานสาวขึ้นไปบนห้อง

“ใจเย็นๆนะคะคุณ” วรรณนาเดินมาจับแขนสามี

“ผมคิดผิดจริงๆที่ให้คุณแม่เลี้ยงลูกสาวของเรา ประภาสมองหน้าภรรยา

“ไม่ผิดหรอกค่ะ ท่านเลี้ยงยัยพักตร์ด้วยความรักและ ความเอาใจใส่แต่ท่านเลี้ยงผิดวิธีเท่านั้นเอง เรามาคิดกัน ดีกว่าว่าจะทำยังไงกับเรื่องบัตรเชิญและงานหมั้นที่จะเกิดขึ้น” วรรณนาเดินตามสามีออกมาจากห้องอาหาร เข้าไปที่ห้องนั่งเล่น

“ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันมันเกี่ยวถึงศักดิ์ศรีของ ราชวงศ์เชียวนะวรรณทางนั่นจะยอมเหรอลองคิดดูสิถ้า เป็นวรรณๆจะยอมหรือ”

วรรณนาถอนใจ “คงยอมไม่ได้หรอกค่ะ ว่าที่เจ้าสาวไป มีชายอื่นวรรณกลัวเหลือเกินค่ะภาส กลัวว่าทางคูลฮาร์น จะเอาเรื่องเรา” ประภาสดึงมือภรรยามากุมเอาไว้อย่าง ปลอบใจ “คงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก”

“คุณผู้ชายคะมีแขกมาขอพบค่ะ” สาวใช้วัยเด็กเข้ามา รายงาน

“ใครกันหรือคะ”วรรรมามองหน้าสามีอย่างสงสัย

“เดี๋ยวก็รู้”ประภาสยิ้ม พอดีกับที่จิรดาเดินเข้ามาพอดี “สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” หญิงสาวยิ้มให้ผู้อาวุโสทั้งสอง

“ยัยดา” วรรณนาอุทานอย่างดีใจเมื่อเห็นหลานสาวของ สามี จิรดาเป็นลูกสาวของน้องชายประภาสแต่ไปรักกับ สาวบ้านนอกจึงถูกคุณหญิงตัดออกจากกองมรดก หญิง สาวยกมือขึ้นไหว้ ประภาสและวรรณยกมือรับไหว้หลานสาว

“เหนื่อยหรือเปล่าลูก” ประภาสเดินมาโอบบ่าหลานสาว ให้ไปนั่งที่เก้าอี้

“ไม่ค่ะสนุกดีค่ะ คุณลุงกับคุณป้าสบายดีนะคะ”

“สบายดีแล้วพ่อกับแม่ของเราสบายดีหรือเปล่า” ประภาสถามถึงน้องชายและน้องสะใภ้

“สบายดีค่ะตามประสาชาวบ้าน คุณพ่อกับคุณแม่ฝาก ความคิดถึงมาถึงคุณลุงกับคุณป้าด้วยนะคะ” หญิงสาว ยิ้มร่าเริง จิรดามีใบหน้าที่หวานคิ้วดกเรียวเหมือนกับน้อง ชายของเขา “แล้วคุณย่าสบายดีหรือคะ”

“สบายดีตามประสาของท่านนั่นแหละ”ประภาสตอบ

“หนูมาเที่ยวหรือจ้ะ”วรรณนาถามบ้าง

“เปล่าหรอกค่ะคุณลุงให้ดามาช่วยเป็นเลขาส่วนตัวของ ท่านน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบ วรรณนาหันไปมองทางสามี “ใช่จ้ะผมจะให้หนูดามาเป็นเลขาส่วนตัวจัดตารางงานให้ ผมและให้หนูกานไปเป็นเลขาที่สำนักงานคอยดูแลเรื่อง ทั่วๆไป” วรรณนาพยักหน้ารับ
“แล้วคุณคุยกับยัยกานหรือยังคะ” เธอถามสามี

“ยังเลยว่าจะคุยวันนี้พร้อมกันเลยแต่รอให้หนูกานหาย ก่อนก็ได้ ยัยดาจะได้พักผ่อนด้วย รู้สึกว่า 2 คนนี้เขาจะ อายุเท่ากันนะใช่หรือเปล่ายัยดา”

“ค่ะ ดาอายุ 22 แล้วค่ะ”

“ดีจริงจะได้เป็นเพื่อนกับยัยกานได้” วรรรนายิ้ม

“เดี๋ยวเราขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะแล้วตอนเย็นค่อยเจอกัน ลุงมีประชุมพรรคตอนเช้าด้วย” ประภาสลุกขึ้นและเดิน ออกไป วรรณนาเรียกสาวใช้มาช่วยจิรดายกกระเป๋าขึ้น ไปเก็บบนห้องซึ่งห้องของจิรดาอยู่ติดกับห้องชุติกาญจน์

“ป้าวรรณคะคุณย่าไม่อยู่หรือคะ” หญิงสาวถามเมื่อเดิน ขึ้นบันไดมา

“อยู่จ้ะสงสัยอยู่ในห้องของยัยพักตร์น่ะเราจะกราบท่าน ก่อนหรือเปล่า”

“อย่าเพิ่งเลยค่ะดาขี้เกียจฟังคุณย่าบ่นและพูดเหน็บคุณ พ่อคุณแม่ของดา” หญิงสาวบอกเสียงเรียบ
“งั้นก็ตามใจเอาไว้ตอนเย็นก็ได้ป่าไปก่อนน่ะเดี๋ยวจะ แวะดูหลานสาวของป่าเหมือนกันอยู่ห้องติดกันนี่แหละ” วรรณนาเบนสายตาไปมองที่ประตูห้องที่เพิ่งเดินผ่านมา เมื่อครู่

“ตามสบายค่ะหนูดูแลตัวเองได้ค่ะ” หญิงสาวบอกและ เดินเข้าไปในห้อง วรรณนาเดินมาหยุดยืนที่หน้าประตู ห้องของชุติกาญจน์

“กานเป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก” ชุติกาญจน์เงยหน้าขึ้น จากหมอนและเรียกชื่อผู้เป็นป่าอย่างแผ่วเบา “คุณป้า”

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะกานทานยาไปแล้วเดี๋ยวก็คง หายค่ะ”

“งั้นก็นอนพักมากๆนะป้าไม่กวนแล้ว” วรรณนาร้องบอก และเดินไปหาบุตรสาวที่ห้องเธอต้องการรู้เรื่องที่บุตรส รสาว พูดเมื่อครู่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่สร้างขึ้นเพื่อหนีงาน หมั้น

คุณหญิงน้อมจิตกอดหลานสาวเอาไว้อย่างรักใคร่ เพ็ญ พักตร์ร้องไห้เพื่อให้ผู้เป็นย่าเห็นใจเธอรู้ดีว่าคุณย่ารัก เธอมากและยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอได้รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย วรรณนาเดินเข้ามาและนั่งลงที่เก้าอี้ปลายเตียงสายตา มองไปยังบุตรสาวนิ่ง
“คุณแม่ขึ้นมาทำไมคะถึงยังไงพักตร์ก็ไม่หมั้นกับผู้ชาย ที่น่าเกลียดแบบนั้นหรอก” เพ็ญพักตร์เบ้ปาก

“แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาน่าเกลียดเคยเห็นเขาหรือไง” วรรณนาย้อนถามบุตรสาว

“แค่ชื่อประเทศก็บ่งบอกแล้วว่ากันดารไม่มีความเจริญ ที่ แบบนี้หรือคะที่คุณแม่จะให้พักตร์ไปอยู่”

“หลานสาวฉันเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลจะให้ไปลำบากแบบ นั้นได้ยังไงฉันไม่ยอมหรอกนะแม่วรรณ หล่อนไปพูดกับ สามีของหล่อนได้เลยว่าฉันไม่ยอมให้ยัยพักตร์แต่งงาน กับเจ้าชายเป็นอันขาด” น้อมจิตหันมามองวรรณนา ตาขวาง

“และถ้าพวกเธอไม่ยอมล่ะก็ได้เห็นดีกันแน่ไม่เชื่อก็ลอง ดู

“คุณแม่คะมีเหตุผลหน่อยสิคะ เขาเป็นถึงเจ้าชายเชียว นะคะเราทำแบบนั้นไม่ได้และสัญญานั่นก็ออกมาจาก โอษฐ์ขององค์สุลต่านเองถ้ายกเลิกสัญญาได้เกิดเรื่องแน่ แล้วเรื่องที่ยัยพักตร์ไปนอนกับผู้ชายหนูยังไม่ได้ต่อว่า เลยนะคะเป็นลูกผู้หญิงแต่ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวถ้าเป็น เด็กๆล่ะก็โดนตีก้นลายไปแล้ว” วรรณนามองหน้าลูกสาว ด้วยสายตาที่ดุดัน
“เธอจะมาตีหลานสาวของฉันไม่ได้ในเมื่อมันพลาด ไปแล้วก็ต้องปล่อยไปเรื่องยัยพักตร์ฉันจัดการเองส่วน หล่อนกับสามีจัดการเรื่องสัญญาจะดีกว่า”

“คุณแม่จะจัดการยังไงคะ” เธอถามอย่างไม่เข้าใจใน

ความคิดของแม่สามีเลย “ฉันจะจัดงานแต่งให้ยัยพักตร์กับแฟนเขาจะได้หมด

เรื่องไป

“แต่ว่าคุณแม่คะ..”วรรณนาอ้าปากจะค้านต่อ

“หล่อนไม่ต้องพูดอะไรแล้วกลับออกไปได้แล้วไปดู หลานสาวคนโปรดเถอะอย่ามายุ่งเรื่องนี้เลย” คุณหญิง น้อมจิตพูดตัดบทวรรณนาจึงพูดอะไรไม่ออกเธอรู้ดีว่าแม่ สามีคนนี้เอาแต่ใจขนาดไหนต่อให้เธอพูดคอแทบแตกก็ ไม่ยอมฟังอยู่แล้ว วรรณนาถอนใจอย่างระอาก่อนจะเดิน ออกมาปล่อยให้ย่าหลานได้เอาใจกันให้เต็มที่

อัลลาได้มาจอดรถที่หน้าบ้านของ สส.ประภาส เขารู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่ เขาตรงไปกดกริ่งที่หน้าบ้าน และเมื่อสาวใช้วิ่งมาเปิดเขาก็พูดเป็นภาษาไทย

“คุณผู้หญิงคนนี้อยู่หรือเปล่า” อัลลายืนรูปถ่ายของชุติ กาญจน์ที่ได้มาจากคนของเขาให้สาวใช้ดู
“คุณกานหรือคะ อยู่ค่ะเชิญด้านในค่ะ” สาวใช้กล่าว เชิญเขาไปรอที่ห้องรับแขกและขึ้นไปตามชุติกาญจน์ “คุณกานคะมีคนมาขอพบค่ะ”

“ใครกัน” หญิงสาวลงขึ้นจากที่นอนและเช็ดน้ำตาออก

ก่อนจะส่งเสียงถามออกไป

“ไม่ทราบค่ะคุณกานจะลงไปพบหรือเปล่าคะ” สาวใช้

ถาม

“เดี๋ยวฉันลงไป” หญิงสาวบอกและเข้าไปล้างหน้าใน ห้องน้ำ

ชุติกาญจน์เดินเข้ามาและมองหน้าแขกผู้มาใหม่ “คุณ ต้องการพบดิฉันเหรอคะ” หญิงสาวถามและคิ้วเรียวก็ ขมวดเข้าหากันเมื่อนึกหน้าของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าออก ว่าเป็นใคร “คุณคนที่โรงแรม คุณมาทำไม” หญิงสาวทำ เสียงแข็งพร้อมกับก๋ามือแน่น

“คือว่านายผมเขาฝากมาขอโทษคุณด้วย เขาเข้าใจผิด” อัลลาบอกอย่างสุภาพ

“ไม่จําเป็น ฉันไม่ยกโทษให้เด็ดขาด ฝากบอกเขาด้วย คำขอโทษของเขามันน้อยไปสำหรับสิ่งที่ฉันสูญเสียไป ชุติกาญจน์ตาแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“คือว่าเจ้านายของผมฝากสิ่งนี้มาให้ครับ คุณสามารถ กรอกตัวเลขตามที่ต้องการลงไปได้เลยครับ” อัลลายื่น เช็คให้หญิงสาว ชุติกาญจน์หยิบมาแล้วขย้ำปาใส่หน้า ชายหนุ่ม “เอาเงินของคุณคืนไปอย่าคิดว่าเงินซื้อทุก อย่างได้นะ เอาเก็บไว้ซื้อโล่งศพใส่ตัวเองเถอะ” พูดจบ ชุติกาญจน์ก็เดินกลับขึ้นไปข้างบน อัลลายืนนิ่งก่อนจะ หยิบเช็คขึ้นมาแล้วเดินกลับออกไป

อัลลาเข้ามารายงานเจ้าชายว่าหญิงสาวไม่ยอมรับเช็ค แถมยังต่อว่าพระองค์อย่างเสียหาย เจ้าชายเรฮานกำ พระหัตถ์แน่น

“หยิ่งนักช่างนางในเมื่อเรายื่นสิ่งดีๆให้แล้ว นางไม่รับก็ ช่างนาง เตรียมตัวกลับคูลฮาร์นพรุ่งนี้”

“พระเจ้าค่ะ” อัลลาลอบถอนหายใจ ‘เพิ่งเสด็จมาแท้ๆ กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้’ ชายหนุ่มคิดก่อนจะเดินออก ไปจัดการเรื่องที่ทรงรับสั่ง

ราชอาณาจักรคูลฮาร์น

เจ้าชายมาริคเสด็จมาหาพระอนุชาที่ในตำหนักส่วน พระองค์เมื่อทราบข่าวว่าเจ้าชายเรฮานเสด็จกลับมาจาก เมืองไทยแล้วเมื่อคืนนี้ “เกิดอะไรขึ้นหรืออัลลา” มาริค ถามองครักษ์ของน้องชาย
“ทรงกริ้วพระเจ้าค่ะ” อัลลาโค้งศีรษะลงก่อนทูลตอบ เจ้าชายมาริคนิ่วหน้าแล้วเดินเข้าไปหาเจ้าชายเรฮานซึ่ง นั่งรับลมอยู่ที่ระเบียงนั่งอยู่ เขาตบไหล่น้องชายเบาๆและ นั่งลงข้างๆ “ทำไมรีบกลับนักล่ะน้องชาย”

เรฮานหันมามองสบตาพี่ชายและหันกลับไปมองทิว ทะเลทรายเบื้องหน้าตามเดิม “ข้าเบื่อก็เลยรีบกลับ”

“ไม่จริงมั้ง พี่รู้นิสัยเจ้าดีมันต้องมีมากกว่านั้น อัลลาบอก ว่าเจ้าโกรธ”

“ก็เรื่องธรรมดาไม่มีอะไรมากแค่เข้าใจผิดนิดหน่อย ไม่มี อะไรที่น่าสนใจหรอกท่านพี่ ว่าแต่คู่หมั้นของท่านพี่มาถึง หรือยัง” เรฮานหันมามองหน้าพี่ชาย

“เฮ้อ พี่บอกตรงๆพี่ไม่อยากแต่งงานกับเจนเซ่นเลย”

“พูดแบบนี้แสดงว่าเจอหน้ากันแล้ว แต่ข้าว่าท่านพี่ยังดี กว่าข้าที่ได้เห็นหน้าว่าที่ชายาก่อนแต่งส่วนข้าไม่รู้เลยว่า หญิงคนนั้นเป็นคนเช่นไรรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร”

“อีก 1 อาทิตย์เจ้าก็จะได้เห็นแล้ว วันฉลองการขึ้นครอง ราชของเสด็จพ่อนางต้องมาร่วมในงานด้วย” มาริคโอบ ไหล่น้องชายเดินเข้ามาในห้อง

“ข้าจะลองคุยกับนาง ให้นางถอนหมั้น ข้าจะบอกนางว่าขามีคนรักอยู่แล้ว นางคงว่าง่าย” เรฮานบอกอย่างมี หวัง

“พี่จะเอาใจช่วย พี่ไปก่อนล่ะยังมีงานค้างอยู่” มาริคบอก และยิ้มปลอบใจน้องชาย

“ข้าก็จะไปเหมือนกัน มีประชุมเรื่องการค้าน้ำมัน” เร ฮานลุกขึ้นยืน จากนั้นทั้งสองจึงแยกออกไปคนละทาง เพื่อไปทำหน้าที่ของแต่ละคน เจ้าชายมาริคทรงเป็นองค์ รัชทายาทที่จะต้องสืบราชสมบัติต่อจากองค์สุลต่านจึง ต้องดูแลงานเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมือง ส่วนเจ้าชาย เรฮานดูแลเกี่ยวกับกิจการและธุรกิจของราชวงศ์ทั้งหมด เหล่าประชาชนต่างชื่นชมในองค์รัชทายาททั้งสองมาก ทรงเก่งในทุกด้านพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาเป็น ที่ตรึงตาตรึงใจของหญิงสาวทุกคน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ