ตอนที่ 1 เข้าใจผิด
หลังจากที่สูญเสียบิดาและมารดาไปเมื่อ 2 ปีก่อนชุติ กาญจน์ก็เข้ามาอาศัยอยู่กับป้าซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของ มารดาและเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ หญิงสาว นั่งมองรูปถ่ายเมื่อครั้งที่บิดาและมารดายังมีชีวิตอยู่ ท่าน ทั้งสองไม่เคยตายไปจากใจของเธอเลย
“หนูกานทำอะไรอยู่ลูก” วรรณนาเดินเข้ามาในห้องของ หลานสาวและเดินเข้าไปลูบผมหญิงสาวเบาๆ ชุติกาญจน์ เงยหน้าขึ้นมองหน้าของผู้เป็นป้าและยิ้มให้
“เอาอีกแล้วลูก ป้าบอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าเศร้า เขา สองคนไปดีแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนคงกำลังมองดูหนูอยู่ นะลูก ถ้าเขาเห็นหนูมานั่งเศร้าซึมแบบนี้ทั้ง 2 คนคงไม่ สบายใจ” วรรณนานั่งลงตรงข้ามหลานสาว
“ป้าคะหนูรักป้านะคะป้าดีกับหนูมาก” หญิงสาวมองหน้า ป้าอย่างซาบซึ้ง วรรณนายิ้มให้หลานสาวอย่างเอ็นดู
“หนูก็เหมือนลูกสาวของป้าอีกคนหนึ่งหรืออาจจะดีกว่า ยัยพักตร์ลูกสาวของป้าด้วยซ้ำไป หนูไม่เคยทำให้ลุงกับ ป้าผิดหวังเลยทั้งเรื่องเรียนและการประพฤติตัว จริงสิ เรียนจบปริญญาตรีแล้วหนูอยากเรียนต่อปริญญาโทหรือ เปล่า”
“ไม่ค่ะ หนูอยากทำงานหาเงินมาใช้คืนคุณป้า หนู รบกวนคุณป้ามามากแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างจริงใจ วรรณนายิ้มและดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดตั้งแต่น้องสาว และน้องเขยประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อ 2 ปีก่อน เธอก็รับชุติกาญจน์มาเลี้ยง เธอสงสารหลานสาวเป็น อย่างมากที่ต้องมาสูญเสียคนที่รักไปพร้อมๆกัน และชุติ กาญจน์ก็ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวังเรียนก็ได้เกียรตินิยม อันดับ1 กิริยามารยาทก็เรียบร้อย ผิดกับบุตรสาวของเธอ ที่เรียนก็ไม่จบแถมไม่คิดหางานหาการท่า ออกเที่ยวทั้ง กลางวันกลางคืน ที่ลูกสาวของเธอเป็นแบบนี้เป็นเพราะ แม่ผัวของเธอ…คุณหญิงน้อมจิตรักหลานสาวมากจนเกิน ขอบเขตตามใจทุกอย่างจนเพ็ญพักตร์กลายเป็นคนที่ เอาแต่ใจตนเอง
“ไม่ต้องหรอกลูกแค่หนูเป็นเด็กดีป้าก็ดีใจมากแล้ว นี่คือ สิ่งที่หนูได้ตอบแทนป้าแล้วเรื่องเงินป่าไม่ต้องการหรอก” วรรณนาหอมแก้มหลานสาวอย่างเอ็นดู พอดีกับที่คุณ หญิงน้อมจิตเดินผ่านหน้าห้องมาเห็นเข้า
“รักกันเหลือเกินนะแม่วรรณ” หญิงสูงวัยพูดเหน็บลูก สะใภ้
“ก็หลานสาวของวรรณๆก็ต้องรักสิคะ” วรรณนาหันมา มองหน้าแม่สามีอย่างไม่พอใจ คุณหญิงน้อมจิตค้อนให้ ทั้งสองคน “สนใจแต่ลูกของคนอื่นแล้วลูกของตัวเองล่ะ ป่านนี้ยังไม่เห็นกลับบ้านเลย”
“เขาไม่ได้บอกคุณแม่หรือคะว่าจะไปไหน”
“เปล่า ก็หล่อนเป็นแม่ไม่รู้หรือไง”
“ไม่ทราบสิคะเขาไปไหนมาไหนก็ไม่ได้บอกวรรณอยู่ แล้วเขาไม่เห็นหัววรรณด้วยซ้ำไป
“ก็หล่อนมัวแต่มาโอ้หลานสาวจนลูกมันน้อยใจนะสิ เรียนจบแล้วไม่คิดจะหางานท่าบ้างหรือไงแม่กาน น้อม จิตหันไปถามหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง
“กำลังหาอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบ
“หนูกานเพิ่งเรียนจบเองนะคะคุณแม่จะให้ออกไปหา งานทำแล้วหรือคะ แล้วหลานสาวของคุณแม่ล่ะคะเมื่อไร จะออกหางานทำจบมาตั้ง 4 ปีแล้ว” วรรณนาพูดไปถึง บุตรสาวของตนเอง เธอไม่ชอบการเอาเปรียบคนของคุณ หญิงน้อมจิตนักเธอจึงไม่ค่อยลงรอยกับแม่สามีสักเท่าไร
“ยัยพักตร์เป็นหลานสาวฉันถึงไม่ทำงานก็มีกินไปตลอด ชาติ แล้วอีกอย่างเธอคงจะลืมไปแล้วมั้งว่ายัยพักตร์เป็น ถึงคู่หมั้นของเจ้าชายเรฮานองค์รัชทายาทลำดับที่2ของ คูลฮาร์นเชียวนะ”น้อมจิตยิ้มอย่างปราบปลื้ม
“แต่ถ้าทางคูลฮาร์นเขารู้ว่ายัยพักตร์ประพฤติตัวไม่ เหมาะสมเขาก็คงจะขอยกเลิกสัญญาเมื่อครั้งเก่าเป็นแน่
“นี่หล่อนควรจะดีใจมากกว่าที่จะได้ลูกเขยเป็นถึงเจ้า ชายและสนับสนุนลูกสาวไม่ใช่มาคอยแตกดันและต่อว่า กันแบบนี้เป็นแม่ประสาอะไร” น้อมจิตมองวรรณนาอย่าง ตำหนิและเดินออกไปจากห้องของชุติกาญจน์ วรรณนา หันมามองหน้าหลานสาวที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนเตียง
“อย่าไปฟังที่เขาพูดเลยนะลูกหนูพักให้หายเหนื่อยก่อน สัก 1 เดือนแล้วค่อยออกไปหางานทำ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า แล้วพี่พักตร์เป็นคู่หมั้นของเจ้าชาย ได้ยังไงคะคุณป้าหนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย” หญิงสาวถาม อย่างสงสัย
“เรื่องมันนานมาแล้วตั้งแต่สมัยคุณปู่ของยัยพักตร์ตอน นั้นท่านเป็นนายกและได้ต้อนรับองค์สุลต่านของคูลฮาร์ นที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยของเรา ระหว่างที่องค์ สุลต่านกำลังจะเสด็จมาขึ้นรถเพื่อไปยังโรงแรมที่พักมี กลุ่มกบฏของคูลฮาร์นได้ปลอมตัวเข้ามาเป็นนักข่าวและ ลอบปลงพระชนม์องค์สุลต่านแต่คุณปู่ได้ใช้ตัวเองเข้าบัง กระสุนไว้จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตลง
“แล้วพวกกบฏล่ะคะ” หญิงสาวถามอย่างตื่นเต้น
“พวกกบฏถูกจับหมดและรับสารภาพว่าใครเป็นคนจ้าง” วรรณนายิ้มให้หลานสาว
“เล่าต่อสิคะกานอยากรู้เรื่องต่อ”
“ได้จ้ะ องค์สุลต่านเสียพระทัยมากและได้บอกกับคุณ ประภาสซึ่งตอนนั้นกำลังเด็กอยู่ว่าจะคอยช่วยเหลือทุก อย่างและถือคนในตระกูลรังสิโรจน์เป็นมิตรเรื่อยมา
“ยังกับนิยายเลยนะคะคุณป้า”
“จ้ะแต่ยังมีต่อนะจ๊ะ แล้วเมื่อ10 ปีที่แล้วองค์สุลต่านองค์ ใหม่ได้ขึ้นครองราชและได้เดินทางมาเยี่ยมครอบครัว ของป่าอย่างเงียบๆพอท่านเห็นยัยพักตร์ก็นึกเอ็นดูจึง ขอยัยพักตร์ให้กับพระโอรสองค์ที่2ของพระองค์ซึ่งตอน นั้นคุณลุงของหนูดีใจมากจึงตอบตกลงและเมื่อถึงเวลา สมควรที่ทั้งคู่โตพอแล้วจึงจะจัดพิธีแต่งงานให้
“แล้วเมื่อไรล่ะคะ” หญิงสาวเอียงคอถาม
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันตอนนี้หนูอายุเท่าไรแล้วล่ะลูก” วรรณนาถามหลานสาว
“ 22 ปีค่ะทำไมหรือคะ”
“ช่างสงสัยจริงนะเรา ถ้าอย่างงั้นยัยพักตร์ก็คงจะ 26 ปี แล้วแต่ทำตัวเหมือนเด็ก ป่าล่ะเบื่อจริงๆ” วรรณนาสาย หน้า ชุติกาญจน์กุมมือผู้เป็นป่าไว้พร้อมกับพูดปลอบโยน
“คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงพี่พักตร์หรอกนะคะ พี่พักตร์เขา มีบุญวาสนาคุณป้าก็พลอยสบายไปด้วยไม่ลําบากหรอก ค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้
“หนูมองทุกอย่างในแง่ดีมากเกินไปจนบางครั้งมันจะ ทำให้หนูดูอ่อนแอนะลูกจำไว้ทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนไม่มี อะไรแน่นอน”
“ค่ะหนูจะจำไว้หนูจะไม่อ่อนแอหนูจะเข้มแข็งจะคอย ดูแลคุณป้าและคุณลุงไปตลอดชีวิต”
“ปากหวานจริงหลานสาวป้าเอาล่ะนอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ เช้าจะได้ไปทำบุญกันแต่เช้า” วรรณนาลุกขึ้นจากเตียง
“ค่ะ นอนหลับฝันดีนะคะคุณป้า”
“จ้า” วรรณนายิ้มให้หลานสาวและเดินออกมา ชุติกาญ จน์เดินมาปิดประตูและกลับไปล้มตัวลงนอน
“พี่พักตร์โชคดีจังที่มีคู่หมั้นเป็นถึงเจ้าชาย แต่ก็เหมาะ กันดีพี่พักตร์ออกจะสวยหยาดฟ้าส่วนเจ้าชายก็คงจะ หล่อราวเทพบุตร” หญิงสาวยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง และหลับตาลง
ราชอาณาจักรคูลฮาร์น พระราชวังอิสบาลามัส
ภายในห้องทรงพระอักษรขององค์สุลต่านอาซิม การ์ดา อิสมาลามัส เหล่าขุนนางคนสําคัญต่างก็มาประชุมพร้อม หน้ากัน
“เสด็จพ่อเรียกพวกเรา 2 คนมามีเรื่องอะไรหรือพระเจ้า ค่ะ” มาริคมองหน้าเหล่าขุนนางคนสำคัญ
“พ่อมีเรื่องจะต้องปรึกษากับทุกคนเพราะว่ามันเป็นเรื่อง สำคัญและถึงเวลาแล้ว” องค์ประมูขอมยิ้มพร้อมกับมอง หน้าโอรสทั้งสอง
“ถึงเวลา เวลาอะไรพระเจ้าค่ะ” เรฮานถามอย่างสงสัย
“พระองค์ทรงหมายถึงงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายเร ฮานกับบุตรสาวของตระกูลรังสิโรจน์ใช่ไหมพระเจ้าค่ะ” ข้าหลวงสูงวัยคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มตกใจมากเขาไม่ เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
“จริงหรือเสด็จพ่อ
“ใช่ เจ้ามีคู่หมั้นแล้วอยู่เมืองไทยและจะต้องแต่งงานกัน ในเร็ววันนี้เรื่องทุกอย่างพ่อจัดเตรียมไว้แล้ว” องค์สุลต่าน รับสั่งพระสุรเสียงเรียบเฉย
“ไม่พระเจ้าค่ะข้ามีคนรักอยู่แล้ว” เรฮานพูดอย่างไม่
พอใจ “พวกดารานักร้องชื่อดังพวกนั้นนะหรือคนรักของเจ้า”อา
ซิมมองหน้าบุตรชายคนเล็กอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“ใช่พระเจ้าค่ะและลูกก็ไม่ต้องการแต่งงานกับหญิงชาติ อื่นด้วย ให้ท่านพี่มาริคแต่งแทนสิพระเจ้าค่ะ”
“ได้ไง พี่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว” มาริคทำหน้าตื่น
“โธ่ ท่านพี่”
“หยุดทั้งคู่นั้นแหละ ถึงเจ้าไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งเจ้า เตรียมตัวได้เลยเรฮานอีก 1 เดือนงานอภิเษกสมรสของ เจ้าจะถูกขึ้นที่นี่เลิกประชุมได้” อาซิมพูดจบก็เดินออกไป จากห้องทรงอักษร เรฮานจึงรีบตามพระบิดาไป
“เดี๋ยวก่อนเสด็จพ่อเรื่องการแต่งงานลูกควรเป็นคน เลือกเอง”
“แต่คราวนี้ไม่ใช่ ตระกูลรังสิโรจน์มีบุญคุณกับเสด็จปู่ ของเจ้ามากเราต้องตอบแทนพวกเขา”
“โดยที่ให้ข้าแต่งงานกับลูกหลานของเขาหรือเสด็จพ่อ” ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำด้วยแรงโทสะ มาริคจึงดึงแขนน้อง ชายเอาไว้เมื่อชายหนุ่มจะเดินตามบิดาไป
“ใจเย็นๆก่อนสิเรฮาน” มาร์คบอก
“ท่านพี่บอกให้ข้าใจเย็น ท่านพี่ไม่ใช่คนที่ต้องแต่งงาน กับหญิงที่ไม่ได้รักนี่นาเรฮานทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“ฟังพี่ก่อน ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 1 เดือนระหว่างนี้เราก็ ทำให้เสด็จพ่อเห็นว่านางเป็นผู้หญิงที่ไม่คู่ควรกับเจ้าแล้ว การถอนหมั้นมันก็จะง่ายขึ้นแถมเราไม่ต้องเสียหายอะไร ด้วยเพราะทางเขาเป็นฝ่ายผิดเองไม่คู่ควรกับเจ้าชาย อย่างน้อง เป็นไงความคิดของพี่พอจะใช้ได้หรือเปล่า”
เจ้าชายเรฮานยิ้มออกมาอย่างดีใจและมองเห็นหนทางที่ จะหนีจากการแต่งงานในครั้งนี้ได้แล้ว
“เยี่ยมมากท่านพี่ งั้นก็ตกลงตามนี้แต่มีอีกเรื่องที่ข้า อยากให้ท่านพี่ช่วย”
“เรื่องอะไร” มาริคขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ข้าอยากไปเที่ยวเมืองไทยเห็นเขาบอกกันว่าสวยงาม มากแต่ข้าไม่ต้องการให้ใครรู้ข้าอยากไปแบบเงียบๆท่าน พี่จัดการให้ข้าได้หรือเปล่า”
“ฮ่า ฮ่า นึกว่าเรื่องอะไรจะแอบไปดูตัวว่าที่เจ้าสาวหรือ
ไง”
“ถ้าข้าอยากเจอนะ แต่ข้าไม่อยากเจอนางแค่ต้องการไป
เที่ยวเฉยๆ”
“ได้ แล้วพี่จะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับขอให้เที่ยวให้ สนุกนะน้องชาย” มาริคตบไหล่น้องชายเบาๆและเดินจาก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ