ฮูหยินข้ายอมแล้ว

ตอนที่ 1 ห้องหอ



ตอนที่ 1 ห้องหอ

หลิวหลัน แต่งงานเข้าตระกูลของคหบดี ที่ร่ำรวยที่สุดของ แคว้นหยาง ในค่ำคืนนี้ นางนั่งอยู่ที่เตียงนอน บรรยากาศใน ห้องนี้ช่างดูอึดอัดยิ่งนัก นางคิดสิ่งต่าง ๆ มากมายที่จะเกิดขึ้นใน ไม่ช้า ชุดเจ้าสาวสีแดงพร้อมผ้าคลุมหน้านั้นยังไม่ได้ถูกเปิดออก

“คุณหนู หิวหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้ข้างกายที่ติดตามมาดูแล นางด้วยจากตระกูลหลิว นางนามว่า อาชิง อายุของนางนั้น ยี่สิบ ห้าปีแล้ว แถมยังดูแลนางอย่างที่เรียกได้ว่าไร้ที่ติ ไม่ว่านายสาว ต้องการสิ่งใด เพียงแค่มองตาก็รู้ใจอย่างทันท่วงที

สตรีชุดแดงคืนนี้ที่เป็นเจ้าสาว อายุของนางเพียง ยี่สิบปี เนื่อง เพราะว่าฝ่ายชายนั้นบ่ายเบี่ยงที่จะแต่งงานกับนาง อายุของนาง จึงล่วงเลยเกือบจะกลายเป็นสตรีเสื้อแล้วก็ว่าได้ ใบหน้าของนาง แต่งแต้มบางเบาดูงดงามมากทีเดียว กลิ่นกายของนางช่างหอม อ่อน ๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง

“ข้าจะรอเขา คงจะไม่นาน” เสียงที่ติดจะเย็นชา และหมางเมิน นางก็มิได้อยากแต่งงานกับเขาจนตัวสั่น แต่นางสำนึกในพระคุณ ของ ท่านป้าและท่านลุงที่เคยช่วยเหลือครอบครัวของนางยาม ขัดสนข้นแค้น นี่คือสิ่งที่นางต้องตอบแทนพระคุณในครั้งนี้

เสียงดังด้านนอกนั้นค่อย ๆ เบาลง ในที่สุด คาดว่าเขาคงจะ ดื่มกับสหายไปมากโขทีเดียว และอาจจะทำใจเข้าหอกับนางเสีย ด้วยกระมัง ใบหน้างดงามนั้นแต่งแต้มดูสวยงามก็จริง หากแต่เขามิได้มองเล่าก็เปล่าประโยชน์อันใด

“คุณหนู นายท่านมาแล้ว” อาซิงเอ่ยขึ้น เมื่อได้ยินเสียงด้าน นอกห้องที่สงบลง ฝีเท้าของเขาหยุดอยู่ที่หน้าห้องหอที่ตกแต่ง ภายในเป็นสีแดง สีมงคลของคู่ชีวิต เขาหยุดควบคุมการตื่นเต้น สายตาแฝงด้วยรอยยิ้ม

เขายกยิ้มเล็กน้อย สิ่งที่เขารอคอยได้มาถึงเสียที

“เช่นนั้นเจ้าออกไปเถิด” เสียงหวานยังคงราบเรียบพร้อมกับ สีหน้าของนางยังนิ่งงันอยู่ มิได้ตื่นเต้นอันใดสักนิด ทั้งสายตา และสีหน้าของนางออกจะเย็นชาเสียด้วยซ้ำไป

“ข้ามาแล้ว ภรรยา” เขาเปิดประตูเข้ามา และอาซิงก็เร่งออก ไปด้านนอก นางกลับไปอยู่ที่เรือนด้านหลังจวน เป็นเรือนสำหรับ สาวใช้ แต่นั่นยังมีอีกเรือนหนึ่งคือ เรือนของฮูหยินเอกของจวน ตระกูล ฉาง

เขาได้จัดการไว้อย่างเสร็จสรรพแล้ว เขาอยากให้นางพักที่ เรือนหลังนั้นก่อนที่เรือนหลังใหญ่จะตกแต่งเหมาะที่จะคู่ควรกับ นาง ภรรยาของเขา ใบหน้าของเขาแดงเรือเพราะร่ำสุราจน เมามาย

เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงนอน เปิดผ้าคลุมหน้าและจับจูงมือ ของนางมาดื่มสุรามงคล จากนั้นก็รับอาหารมงคลอย่างเงียบ ๆ ทั้งสองคนมิได้พูดสิ่งใดเลย ชวนทำให้บรรยากาศอึดอัดยิ่งนัก เขาดื่มสุรามงคลกับรู้สึกรสชาติของมันขมปร่าและร้อนคอยิ่งนัก

เขาเบิกตากว้าง แน่แล้วเขาถูกวางยางเข้าให้แล้ว เสียรู้นางจนได้

มู่หลั่นนางยังคงสีหน้าที่เรียบเฉยและเย็นชาอยู่เช่นนั้น นาง ว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว และนางเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเข้าหอกับเขา

“เจินเอ๋อร์ รู้ไหมว่าพี่รอเวลานี้มานานเท่าไหร่ เขากำลังเล่น งิ้วฉากสำคัญ เพื่อตอบโต้ใครบางคนและนางคงเข้าใจว่าเขามี คนรักเหมือนดังเช่นข่าวลือ

นางก็หาได้ใส่ใจไม่ เพราะในเมื่อเขามิได้รักนาง แต่นางก็จะ ทำหน้าที่ภรรยาของนางให้เต็มที่ หวังว่าสักวันเขาจะเห็นความดี เปิดใจให้นางบ้างแค่นี้ก็พอแล้ว หากเขามิได้เปิดใจให้นาง นาง ก็มิได้สนใจเขาเช่นกัน

ชีวิตนั้นมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบที่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะงดงาม เหมือนกับที่เราวาดหวังไว้ มันย่อมมีสองด้านเสมอ ไม่ว่าใคร ก็ตาม และนางเองก็เช่นเดียวกัน

ฉางอันหยางเจ้าบ่าวสวมชุดสีแดง จัดการอุ้มสตรีอันเป็นที่รัก ของเขาขึ้นเตียงนอน เขาวางนางนอนราบที่เตียง มู่หลันมิได้ ขัดขืนสักนิด ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ เขาขึ้นคร่อมเจ้าสาว บนเตียงนอน

มองใบหน้าของนางที่แต่งแต้มอย่างงดงามลงตัว คิดฝันว่า สตรีที่เขารอคอยนั้น นอนอยู่ใต้ร่างของเขาแล้ว เขาแย้มยิ้มก่อน จะทาบทับริมฝากของตนเองลงที่กลีบปากแดงเรื่อของเจ้าสาว รู้

ทั้งรู้ว่าถูกวางยา จากนั้นเขาค่อย ๆ สอดมือเข้าไปภายในชุดของนาง “เจินเอ๋อร์” เสียงเอ๋ยอย่างแผ่วเบาพร้อมดวงตาของเขาค่อย ๆ เริ่มที่จะ เลือนราง

เมื่อได้ยินชื่อของสตรีที่เขารักนักหนา คราแรกก็ทำใจได้ว่า เขามิได้รักได้ชอบนาง แต่คิดว่าเขาจะรักสตรีผู้นั้นมากมาย ขนาดนี้

นางผิดหรือไรที่ตัดเส้นวาสนาของคนทั้งคู่ แค่เกิดมาก็มีคู่ หมายแล้ว อีกอย่างนางมิเคยชายตาแลชายใดเลย ถึงเขาจะเป็น เฉยหรือมิได้ใส่ใจ นางก็ได้หาสนใจไม่

“ข้ารักเจ้าที่สุด น้องน้อยของข้า” เสียงแหบพร่าและสายตา

เลือนรางค่อย ๆ ฟุบหลับลงที่ตัวนุ่มนิ่มของภรรยา

มู่หลันยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยเช่นเดิม นางผลักเจ้าบ่าวลง จากร่างกายของนาง พลางปัดไม้ปัดมือสองข้าง เสมือนว่านาง รำคาญเขาเสียเต็มประดา

“มือหนักจริง ๆ เจ้าบ้าน เจ้าโชคดีขนาดไหนแล้วมิรู้เลย เจ้า ที่ม” น้ำเสียงที่ออกจะเหยียดหยามไปสักเล็กน้อย แต่สายตาของ นางยังมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง กล้าจับเต้านุ่มนิ่มของนาง ตีเท่าไหร่ที่ ไม่ตัดมือเขาทิ้งช่างบังอาจยิ่งนัก

บัดนี้หลิวมู่หลัน กลายเป็นฉางหลันแล้ว ฮูหยินเอกของจวน ตระกูล ฉาง ร่างบอบบางเดินเข้าไปในห้องหลังฉากกั้น นางถอด ชุดสีแดงออกจนหมดแล้วนางก็ก้าวขาลงในอ่างไม้ใบใหญ่นอน แช่น้ำอุ่นและปิดเปลืองตาที่หนักอึ้งของตนเองลง

“ท่านรองขอรับเรื่องที่ให้ไปสืบได้ความแล้ว” เงาเร้นกายนายหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อได้รับคำสั่งให้ไปสืบเรื่องราวสำคัญและต้องกลับ มารายงาน

“อืม บอกคนพวกนั้นข้าแต่งงานข้ามิได้ออกศึก ไยจะต้องห่วง อะไรนักหนา” นางเป็นมากกว่าคุณหนูในห้องหออย่างที่ใคร ๆ เข้าใจ สิ่งอื่นนั้นนอกเหนือคุณหนูหลิวมู่หลันแล้ว ทุกอย่างจะเป็น ความลับ และสามีของนางมิอาจจะรู้ได้

“ถ้าพวกนั้นรู้ว่า ท่านรองเอายาลวงตาให้คุณชายฉางกิน พวก นั้นคงจะดีใจไม่น้อยแน่ ๆ ขอรับ” อาจินเอยอย่างไม่จริงใจนัก ปานขบขันคุณชายผู้นั้นเสียมากกว่า ที่ไม่รู้ว่าได้สตรีที่แม้แต่องค์ รัชทายาทอยากจะครอบครองนางใจจะขาด กลับตกอยู่ในมือ ของคุณชายผู้นี้

“อาจิน เจ้าเงียบปากไปเลย ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้เข้าใจหรือ ไม่” แววตาของนางนั้นเย็นยะเยือกประดุจน้ำแข็ง ความจริงหรือ ความลับของนาง ช่างแตกต่างกันมากมายนัก

“ท่านรอง ฝ่ายนั้นเริ่มเดินหมากแล้วขอรับ” อาจินเอ่ยขึ้น แต่ ต้องรออีกฝ่ายให้เดินหน้าอย่างเต็มที่เสีย มิเช่นนั้นอาจจะจับได้ เพียงแค่ลูกแมวมิได้ลูกเสืออย่างที่ตั้งใจ

“จับตาดูต่อไป ช่วงนี้ข้าไปไหนไม่สะดวกนัก” มู่หลันเอ่ยขึ้น พร้อมกับหลับตาอีกครั้งหนึ่ง นางอยากแช่น้ำใจจะขาดแต่ติดที่ ว่าชุดของนางนั้นหนักอึ้งเสียเหลือเกิน

“ขอรับท่านรอง”

ภัคจิรา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ