ฮูหยินข้ายอมแล้ว

ตอนที่ 8 มีเงิน ออกโรง



ตอนที่ 8 มีเงิน ออกโรง

ขณะที่รถม้ากำลังเคลื่อนตัวออกจากจวนตระกูลฉาง มุ่งหน้าไปที่ จวนตระกูลหลิว ปรากฏสตรีน้อยนางหนึ่ง ยืนร้องไห้ ท่ามกลาง เหล่าฝูงชนที่เดินบริเวณนั้น ฉางอันหยางลงจากรถมาทันทีเพื่อไป พูดคุยกับสตรีน้อย กวนมีเงิน ยืนร่ำไห้เจ็บปวดใจแทบจะแหลก สลาย เมื่อเห็นชายที่รักนั้นเดินทางไปเยี่ยม พ่อตาแม่ยาย

มู่หลับไม่ได้พูดสิ่งใด ปล่อยให้คนทั้งคู่ให้ปรับความเข้าใจกัน นางยังนั่งเชิดหน้า แต่สาวใช้ของนางอย่างอาชิงนั้นลงจากรถม้า มากระซิบที่ข้างหูเหมือนว่ากำลังเลยเวลาที่จะออกจากจวน ประเดี๋ยวท่านทั้งสองจะโกรธเอา

มู่หลันพยักหน้า และเปิดผ้าม่านขึ้นเล็กน้อย บรรดาเหล่าชาย หนุ่มที่เดินผ่าน ต่างหยุดชะงักจ้องมอง ฮูหยินของจานฉาง ช่าง งดงามและมิมีใครเคยเห็นโฉมหน้าของนางมาก่อน นางมองหา ฝ่ายสามีแต่ก็ไร้เงาของเขาคาดว่าน่าจะปลอบกันนาง

“พ่อบ้านออกรถ” เสียงเย็นชาพร้อมเอ่ยคำสั่ง

“เอ่อ คือว่าฮูหยินน้อยมรอนายน้อยหรือขอรับ” พ่อบ้านฉาง รับหน้าที่นั่งอยู่กับสารด้านหน้ารถม้า

“ไยต้องรอ ในเมื่อเขาเห็นคนรักสำคัญกว่า ข้ามีบิดา มารดา ที่สำคัญกว่าเรื่องไร้สาระ จะออกรถหรือจะให้คนของข้าจัดการ เอง” น้ำเสียงติดหงุดหงิดเล็กน้อย พร้อมกับใช้กำปั้นน้อย ๆ ของ นางกระแทกไปที่ข้างหน้าต่างเชิงเตือนสัญญาว่านางโมโหแล้วมะ

“ขอรับ” พ่อบ้านขานรับพร้อมสั่งให้ออกรถทันที รถม้าหลาย คันล่วงหน้าลาลับไป แต่ชายหนุ่มผู้เป็นสามีของ มู่หลันนั้นมี สีหน้าไม่สู้ดีนัก เมื่อเห็นน้ำตาของมีเงิน สตรีที่เขารัก

“ท่านพี่ บอกมาว่าท่านรักข้าหรือไม่” เสียงหวานเอ่ยร้องไห้ ออกมา ดวงตาของนางบวมเพราะผ่านการร้องไห้มานาน วันนี้ นางจะต้องถามเขาให้รู้เรื่อง นางรอไม่ได้แล้ว

“คือ…” เขาอึกอักที่เอ่ย

“ท่านพี่ไม่ตอบละก็ ท่านพ่อจะให้ข้าแต่งงานกับจวนคุณชาย เถา” สิ้นเสียงสุดท้ายนางเป็นลมหมดสติไป เขาอุ้มร่างบอบบาง ไว้แนบอก จากนั้นเร่งพานางเข้าจวน เรียกหมอให้เข้ามาตรวจ อาการของนางเสีย

“มีเงินเจ้าทำใจดี ๆ ไว้ มีเงิน” เขากระวนกระวายอยู่หน้าห้อง รับแขกที่ท่านหมอกับสาวใช้ของเขาตรวจดูอาการของนาง เขาม อยากเข้าไปเพราะเกรงว่าหากภรรยาเข้าหวั่นว่านางจะไม่พอใจ

“พวกเจ้าดูแลนางให้ดี ข้าจะตามฮูหยินไป หากนางฟื้นแล้วก็ ให้ส่งกลับเรือนของนางเสีย” เขากระวนกระวายแต่ก็ไม่อาจจะ ทำให้ภรรยาของเขาขุ่นข้องหมองใจเป็นได้

“ขอรับ” ทั้งบ่าวและสาวใช้ต่างขานรับเจ้านาย อันหยางสามี ของมู่หลันนั้นเร่งรีบออกมา ก็พบกลับความว่างเปล่าเสียแล้ว เขารีบเข้าไปด้านในประตูด้านหลังจะมีคอกม้าอยู่ที่นั่นหลายตัว เขาจับจูงออกมาพร้อมกับกระโดดขึ้นอย่างองอาจ และเร่งควบอาซาสีน้ำตาลเข้มเส้นขนของมันดูเงางามราวกับ

“ฮูหยินนายท่าน อาซิงเอ่ยขึ้น นางไม่พอใจสามีของคุณหนูที่ ไม่เลิกรากับคนรักเสียที

“ช่างเขาเถิด อะไรที่เขามีความสุขอย่าได้ขัดใจเขาเลย” มู่ หลันเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ บุรุษมักเป็นเช่นนี้จะหาใครที่รักเดียว ใจเดียวเหมือนท่านพ่อและพี่ใหญ่ของนางได้

“นายท่านคุณหนูมาแล้วขอรับ” พ่อบ้านตระกูลหลิวเอ่ยขึ้นน้ำ น้ำเสียงยินดี ใบหน้าคล้ำแดดนั่นก็เร่งรีบก้าวเท้าอันหนักแน่นมา รับน้องสาวลงจากรถมาทันที

คุณชายใหญ่ หลิวฉวน สีหน้านั้นดีอกดีใจยิ่งนักที่น้องสาว เพียงคนเดียวกลับมาเยี่ยมบ้านตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะ กลับมา เขาเปิดม่านรถม้าขึ้น ยื่นมือรอรับน้องสาว พลันสีหน้า ของเขาบึ้งตึงทันที

“ไอ้หน้าโง่ มิได้มาด้วยหรือ” เสียงที่บ่งบอกว่าเขาเริ่มจะมี โทสะเล็กน้อย เพราะน้องเขยผู้นี้เขารู้ดีว่ามีคนรักอยู่แล้ว และมัน ผู้นั้นก็บ่ายเบี่ยงมิยอมแต่งงานเสียที ครั้นจะยกเลิกการหมั้น หมายก็ไม่ได้ ฝ่ายนั้นไม่ยอม

“พี่ใหญ่” เสียงเย็นชานั้นเอ่ยขึ้น พร้อมสายตาเหมือนกำลังจะ ปรามพี่ชายให้หยุดลงเสีย ผู้เป็นพี่เมื่อเห็นสายตาเขียว ๆ ของ น้องจำเป็นต้องหุบปากทันที แม้ว่าจะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นเขาคงจะเล่นงานน้องเขยทางอ้อมเสียดีกว่ากระมัง

“เข้าข้างในเถิด แดดร้อนประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้” ผู้เป็นพี่ชายโอบประคองน้องสาวเพียงคนเดียวเข้าข้างในจวน ยามปกติ แล้ว สตรีที่เป็นที่รักในจวนนี้มีเคยได้ก้าวเท้าออกจากจวนเลยสัก ครั้ง

เพราะนางถูกผู้เป็นท่านลุงเลี้ยงดูฟูมฟักอยู่ที่จวน เช่นนั้นนาง มักจะเป็นสตรีวิปลาสอยู่เสมอ ครั้งเมื่ออยู่ที่จวนนางจะอ่อนหวาน แต่สายตาของนางยังเย็นชาอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยน

“แล้ว…สามีของเจ้าเล่าไปไหนมิได้มาด้วย” พี่ใหญ่คันปาก อยากเอ่ยถามหากมันผู้นั้นรังแกน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ให้ชอกช้ำใจละก็ จะเผาจวนมันราบคาบเซียว

“เอ่อ เขามีธุระสำคัญเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวน่าจะตามมา” นางเอ่ย โกหกคําโต เพื่อปกป้องเขานางหวังว่าเขาจะทำตามสัญญาของ ตนเอง อย่างน้อย ๆ ไม่รักกันชอบกัน ก็ต้องรักษาหน้าและเกียรติ ของตระกูลของนางบ้าง นางมิเคยหวังกับตนเองให้เขาหันมารัก เพียงแต่แค่หวังเล็ก ๆ เท่านั้น นั้นคือหน้าตาของบิดา มารดา รวมถึงพี่ใหญ่ของนาง

“ลูกพ่อ” เสียงของบิดาเอ่ยขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ รีบเข้ามา ตระกองกอดลูกสาวด้วยความคิดถึง “ท่านแม่ของเจ้ากำลัง เตรียมสำรับให้อยู่ในครัว” ท่านพ่อรีบเอ่ยกับบุตรีทันที เพราะ นางสอดสายตาหามารดาแล้ว

“ลูกลืมสนิท คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ” นางลืมเสียสิ้น “ข้าไปช่วย ท่านแม่ก่อนนะเจ้าคะ” นางต้องหลีกหนีคำถามของท่านพ่อ และ พี่ใหญ่เกี่ยวกับสามีของนาง และคงจะมีเพียงท่านแม่ละมั้งที่จะพอเข้าใจบ้าง คิดแล้วก็เหนื่อยจริง ๆ

“มาเหนื่อย ๆ เข้าห้องไปพักก่อนเถิด” ผู้เป็นบิดานั้นแย้มยิ้ม ดีใจอยู่ครู่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบุตรีของตนเองมาเพียงคนเดียว แล้วไอ้ลูกเขยนั่นไปไหน เขามองบุตรชายด้วยสายตาไม่ใคร่จะ พอใจสักเท่าไหร่

“หลันเอ๋อร์ รอพี่ก่อน” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังดังขึ้น พร้อมกับรอย ยิ้มรีบเข้ามาโอบที่เอวคอดกิ่วของภรรยา ตีหน้าเชื่อเล่าความสัก เล็กน้อย “พี่ใหญ่ ท่านพ่อ ขออภัยที่ข้ามาช้าพอดีว่าข้านึกได้ว่า ลืมของสำคัญไว้ที่จวน” เขาโกหกคำโต ทำให้หลันหันมองเขา ด้วยสายตาที่ไม่แน่ใจ

“น้องเขยเจ้าลืมสิ่งใด สตรีนางนั้นหรือ” เขาออกไปที่หน้า จวน พบกับสตรีน้อยนางหนึ่งยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นดูน่าเวทนานัก

อันหยางงุนงง เขาเร่งควบม้ามา และนางก็เป็นลมไฉนนางมา

ถึงพร้อมกันกับเขาได้เช่นนี้ เมื่อมองผ่านไปก็พบกับรถม้าคันหนึ่ง

คาดว่าน่าจะเป็นรถม้าของนาง เงิน ทรุดกายลงนั่งคุกเข่าอยู่ที่

พื้นหยาบกระด้างหน้าจวน

“ท่านลืมสิ้นรักของเรา ท่านลืมสิ่งที่ท่านสัญญาไว้กับข้าจะ ตกแต่งข้าเป็นภรรยา ท่านลืมแล้วหรือ

ค่าผิด ค่าขาด ค่าเกิน ยังมีอยู่บ้าง ขออภัยนะคะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ