สาวธรรมดากับนางฟ้านําเต้า

ตอนที่ 4 บริสุทธิ์ไร้มลทิน



ตอนที่ 4 บริสุทธิ์ไร้มลทิน

ชายในชุดสีเข้มไม่ได้พามั่วชิงเฉินเดินเข้าทางประตูใหญ่ แต่ กลับเข้าจากทางประตูด้านข้าง

ม่วงชิงเฉินเดินตามเขามุ่งไปข้างหน้า ดวงตาอดสังเกต รอบข้างไม่ได้

จวนที่ดูจากภายนอกนั้นแสนธรรมดา แต่ภายในกลับต่าง กันราวฟ้าดิน ศาลากลางน้ำ ระเบียงทอดยาว ถูกบดบัง ท่ามกลางมวลหมู่แมกไม้ ดอกไม้ที่ไม่รู้จักชื่อบานสะพรั่ง มีคน เข้าๆ ออกๆ ผ่านด้านข้างไปเป็นระยะๆ และหยุดเดินโค้งคำนับ ถอยหลบไปข้างๆ เมื่อเห็นชายในชุดสีเข้ม

ชายในชุดสีเข้มไม่แม้แต่จะชำเลืองมองพวกเขา พามั่วชิง เฉินเดินผ่านพวกเขาไปซึ่งทำให้มั่วซึ่งเป็นอดสังเวชไม่ได้ว่า โลกนี้ช่างแตกต่างกับอีกโลกหนึ่ง โดยสิ้นเชิง

เมื่อผ่านประตูจันทร์เสี้ยว สาวน้อยเสื้อขาวนางหนึ่งกำลัง เดินมุ่งหน้ามาทางนี้

แม้จะบอกว่าสาวน้อย แต่จากที่มั่วชิงเฉินดูแล้วอายุก็ไม่ น่าเกินสิบกว่าขวบ ยังดูเด็กกว่าหลิวหลังจือด้วยซ้ำ เพียงแต่ สาวน้อยนาง รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าดุจน้ำแข็ง จึงเพิ่มความ รู้สึกเป็นผู้ใหญ่และใจเย็น

สาวน้อยเห็นพวกถั่วชิงเฉินสองคนจึงหยุดเดินและพยักหน้าให้ชายในชุดสีเข้มเบาๆ “ท่านอาสิบสี่” เสียงดุจหยกเย็น และหยาดน้ำแข็งกระทบกัน เสียงเป็นเสนาะหู แต่นางกลับไม่ มองมั่วชิงเฉินแม้สักปราดเดียว

ชายในชุดสีเข้มที่หน้าไร้ความรู้สึกก่อนหน้านี้บัดนี้กลับ บานออกดั่งต้องลมฤดูใบไม้ผลิ ยิ้มว่า “เจ้าเก้า จะออกไปหรือ

สาวน้อยที่ถูกเรียกว่าเจ้าเก้า เหมือนไม่ชอบพูดคุยนักจึง

ได้แต่พยักหน้าเบาๆ

ชายในชุดสีเข้มก็ไม่ใส่ใจ ยังคงอมยิ้มมาทางมั่วชิงเฉิ นว่า “นี่คือบุตรสาวของท่านอาเจ็ดเจ้า ถ้าไม่เกิดเรื่องเสียก่อน จักเป็นน้องสิบหกของเจ้า

สาวน้อยถึงได้มองมาทางมั่วชิงเฉินด้วยท่าทางนิ่งเรียบ เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เบ่งตาทรงดอกท้อพิจารณาตนเองด้วย ความอยากรู้อยากเห็น หน้าตาประณีตดูแล้วยังงามยิ่งกว่าน้อง สิบที่ว่างดงามเกินคนนัก จึงได้นานขึ้นอีกหน่อย ไม่คิดว่าเด็ก น้อยกลับยิ้มละไม่ให้นาง เวลายิ้มมีลักยิ้มน่ารักคู่หนึ่ง โผล่มา

สาวน้อยพยักหน้าเบาๆ ให้ทั่วชิงเฉินหนึ่งที่แล้วจากไป จ ล่องลอยได้โดยไม่ได้พูดอะไร

มั่วชิงเฉินมองตามทิศทางที่สาวน้อยจากไปด้วยความ ตะลึง ในใจก็คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมนิสัยเย็นชาเช่นนี้ นาง ก็เป็นวิชาเซียนหรือกันไม่นะ

ขณะที่คิดอยู่ นางรู้สึกได้ว่าชายในชุดสีเข้มขยี้ศีรษะนาง เบาๆ พร้อมกล่าวว่า “นางหนู ดูท่าเจ้าเก้ากับเจ้าจะมีวาสนาต่อกันนะ”

มั่วชิงเฉินเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ สวรรค์ นางไม่พูด กับตนเองสักค้ายังเรียกว่ามีวาสนาอีกหรือ

ชายในชุดสีเข้มเหมือนจะมองความคิดของมั่วชิงเฉินออก หัวเราะหึๆ พลางว่า “นางหนู เจ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว เจ้าเก้าเป็น คนที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นพวกเจ้า หากจะพูดว่านางมีพรสวรรค์ที่ ไม่อาจมีผู้ใดเทียบเคียงได้ก็ไม่เกินไปนัก นางรากวิญญาณมี รากวิญญาณแปรผันธาตุน้ำแข็งที่หาได้ยาก แม้แต่สี่สำนักใหญ่ ก็ต้องแย่งชิงกันหัวร้างข้างแตก

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ก็เห็นใบหน้ามั่วชิงเฉินเต็มไปด้วยความ อยากรู้อยากเห็น จึงยิ้มพูดว่า “ตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจ รออีก หน่อยเถอะ เจ้าจะเข้าใจเอง เจ้าเก้านางเย็นชามาแต่กำเนิด วัน นี้ถือว่าปฏิบัติกับเจ้าต่างจากคนอื่นแล้ว ไปเถอะ ไปพบท่าน หัวหน้าตระกูลกับอาสิบสี่กัน

มั่วชิงเฉินมองชายในชุดสีเข้มปราดหนึ่ง คิดในใจว่ามี เรื่องรอนางอยู่จริงๆ ด้วย

“นางหนู ไม่ต้องกลัวนะ เมื่อพบท่านหัวหน้าตระกูลแล้วเจ้า ก็จะได้เป็นลูกหลานตระกูลมั่วอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อไปจะ ได้บำเพ็ญเพียรไปพร้อมกับพี่ๆ น้องๆ ชายในชุดสีเข้มพูด อย่างอบอุ่น

“ท่านอาสิบสี่ ไม่ว่าใครก็บำเพ็ญเพียรได้หรือเจ้าคะ” มั่ว ซึ่งเงินแหวนหน้าถาม
ชายในชุดสีเข้มชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ก็ไม่เชิง มี แต่คนที่มีรากวิญญาณจึงจะบำเพ็ญเพียรได้ ส่วนผู้ที่มีราก วิญญาณนั้นคือหนึ่งในหมื่น ตระกูลถั่วเราก็เช่นกัน คนใน ตระกูลมีมากมาย แต่ในแต่ละรุ่น มีเพียงผู้มีรากวิญญาณ สามารถบำเพ็ญเพียรได้ถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการจัดเรียงลำดับ ทว่านางหนูเจ้าไม่ต้องกังวลไป บิดาเจ้าเป็นรากวิญญาณคู่ที่มี คุณสมบัติขั้นสุดยอด คิดว่าเจ้ามิน่าจะมีปัญหาอันใด

เมื่อพูดแล้วชายในชุดสีเข้มก็ให้ทอดถอนใจ เมื่อผู้บำเพ็ญ เพียรหาคู่ส่วนใหญ่จะเลือกผู้บำเพ็ญเพียรเหมือนกัน มีเพียง เช่นนี้จึงจะส่งเสริมการบำเพ็ญเพียรของตนเอง อัตราส่วนที่ ทายาทที่เกิดมามีรากวิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นตามมา ท่านพี่เจ็ดแม้ จะมีรากวิญญาณคู่ชั้นยอดแต่นางหนูที่เกิดกับหญิงสามัญเกรง ว่าคุณสมบัติจะไม่โดดเด่นเท่าใดนัก

แน่นอนมั่วชิงเฉินที่มีสติปัญญาของผู้ใหญ่ย่อมตระหนักถึง ข้อนี้เช่นกัน หัวใจนางบีบรัดคราหนึ่ง ก่อนที่จะคิดได้ว่าแม้ ตนเองไม่มีรากวิญญาณ สภาพความเป็นอยู่จะยังย่ำแย่กว่าแต่ ก่อนได้อีกหรือ

คิดได้ดังนั้นนางจึงโล่งอก มองชายในชุดสีเข้มว่า “ท่าน อาสิบสี่ เช่นนั้นท่านรีบพาข้าไปพบท่านหัวหน้าตระกูลเถอะ”

ชายในชุดสีเข้มเห็นมั่วซึ่งเป็นท่าทางสบายใจ ย่อมไม่ได้ คิดว่านางคิดตกแล้ว แต่คิดเพียงว่านางยังเด็กไม่รู้เรื่อง จึง กำชับว่า “นางหนู เมื่อพบท่านหัวหน้าตระกูลแล้วต้องเรียกท่าน หัวหน้าตระกูลนะ การมีลูกหลานกลับคืนรากเหง้าเป็นเรื่องใหญ่ คิดว่าท่านปู่ของเจ้าและท่านปู่หกก็คงอยู่ด้วย

พูดจบชายในชุดสีเข้มจึงรีบจูงมั่วซิงเฉินเดินไป

เดิมที่มั่วชิงเฉินมีใจอยากจะถามเกี่ยวกับบิดาของตนเอง

แต่เมื่อคิดว่าวันหน้ายังมีเวลาอีกมากจึงทำเฉยไว้ก่อน ไม่นานนักก็มาถึงหน้าห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่ง

ชายในชุดสีเข้มหยุดลง รายงานเสียงดังว่า “ท่านหัวหน้า ตระกูล มั่วสิบสี่กลับมาแล้วขอรับ

มั่วชิงเฉินแอบคิดในใจ ที่แท้พวกเขาเรียกขานกัน ง่ายดายเช่นนี้เอง ท่านอาสิบสี่ก็เรียกว่ามั่วสิบสี่ เช่นนั้นต่อไป ตนเองก็คือมั่วสิบหกน่ะสิ ถ้าเช่นนั้น มียุ่งเหยิงกันไปหมดหรอก หรือ

ยังไม่ทันรอให้มั่วชิงเฉินคิดเหลวไหลไปนานกว่านี้ ก็มี เสียงทุ้มต่ำลองมาจากด้านใน “เข้ามาได้” สิ้นเสียงประตูแกะ สลักสีแดงเข้มก็เปิดออกเองโดยปราศจากลม

มั่วชิงเฉินรู้สึกว่ามือที่ชายชุด ในชุดสีเข้มจับตนเองอยู่นั้น ได้บีบแน่นขึ้น จากนั้นจึงจูงนางเดินเข้าข้างใน

มั่วซึ่งเงินก้มหน้าค่อยๆ เดินเข้าด้านใน ใช้ปลายสายตา เหลือบมองดูสภาพภายในห้อง

ยังไม่ทันที่จะเห็นชัดก็รู้สึกได้ว่ามีลมพัดมาสายหนึ่ง ตาม ด้วยผู้เฒ่าหน้าตาอิ่มเอิบมายืนอยู่หน้าตนเองพร้อมหัวเราะ แหะๆ ว่า “หลานปู่ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” เขาพูดไปพลางยื่นมือจะมาจับนาง

ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งตรงกลางกระแอมไอคราหนึ่ง ผู้เฒ่า หน้าอิ่มเอิบถึงได้หยุดมืออย่างเขินอายและกลับไปยังที่นั่งอย่าง ไม่เต็มใจนัก

มั่วชิงเฉินที่แต่เดิมที่รู้สึกตื่นเต้นอยู่หลังจากถูกผู้เฒ่าท่าน นั้นขัดจังหวะกลับรู้สึกสงบลง ดูๆ แล้วพวกท่านก็ไม่ได้น่ากลัว อย่างที่คิดขนาดนั้น

“สิบสี่ นี่ก็คือนางหนูน้อยที่เจ้าพากลับมา ลูกสาวของมั่ว เจ็ดหรือ” ผู้เฒ่าตรงกลางถามเนิบๆ

มั่วสิบสี่ประกบหมัดคารวะ “ท่านหัวหน้าตระกูล นางก็คือ ลูกสาวของท่านพี่เจ็ด”

ได้ยินดังนั้นผู้เฒ่าหันไปถามมั่วซิงเฉินว่า “นางหนูน้อย

เจ้าชื่ออะไร”

มั่วชิงเฉินรู้สึกได้ว่ามีแรงกดดันได้รูปอัดลงมา นาง พยายามฝืนแต่สุดท้ายก็ต้องยอมคุกเข่าลงไปตอบอย่างว่าง่าย “ท่านปู่หัวหน้าตระกูล ข้าชื่อนางหนูเจ้าค่ะ”

ผู้เฒ่าตรงกลางขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นทันที “เงยหน้าขึ้นมา มั่วซิงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไป

ทางผู้เฒ่า

ผู้เฒ่าเพ่งพินิศมั่วชิงเฉินอย่างช้าๆ อยู่สักครู่ใหญ่ พบว่า นางไม่เหมือนกับเด็กหญิงทั่วไปที่จะตื่นเต้นขวยเขินภายใต้การจับจ้องของเขา อดแอบพยักหน้าไม่ได้ ใจคิดว่าอย่างไรเสียก็ เป็นบุตรสาวของมั่วเจ็ด เมื่อนึกถึงมั่วเจ็ดก็ให้ทอดถอนใจ น่า เสียดายนัก

“บริสุทธิ์ไร้มลทิน แสงกระจ่างจันทร์สอดประสาน นางหนู เจ้ามาจากทางโลกิยะ เช่นนั้นก็ชื่อชิงเฉิน (โลกิยะไร้มลทิน เถอะนะ” ผู้เฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

มั่วชิงเฉินรู้สึกแสบตา สองมือวางลง หน้าผากจรดพื้น กล่าวอย่างเคารพว่า “ขอบคุณท่านหัวหน้าตระกูลที่ประทาน ชื่อให้เจ้าค่ะ” พูดจบน้ำตาพลันไหลออกมา

มั่วชิงเฉิน มั่วซิงเฉิน นางไม่คิดเลยว่าจะยังมีวันที่ตนเองจะ ได้ใช้ชื่อนี้อย่างสง่าผ่าเผยอีกครั้ง ณ บัดนี้นางรู้สึกซาบซึ้งพวก เขาจากใจจริง

ผู้เฒ่าพลังสายตาระดับไหน ย่อมเห็นน้ำตาที่ไหลออกมา ของมั่วชิงเฉิน ใจคิดว่าสงสัยนางหนูน้อยนี่คงลำบากมาไม่น้อย ไม่มีแม้กระทั่งชื่อเป็นเรื่องเป็นราว ทว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐาน ย่อมไม่สะทกสะท้านเพราะ เรื่องแค่นี้ จึงได้แต่พูดเรียบๆ ว่า “ชิงเฉิน เจ้ามานี่ ให้ข้า หน่อยว่าเจ้ามีรากวิญญาณหรือไม่

ต่อให้เป็นมั่วชิงเฉินที่ใจเย็นจนเป็นนิสัยพอได้ยินคำพูดนี้ ก็อดใจเต้นตึกตักขึ้นมาไม่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ