บทที่ 7 ตบเจ้าให้สลบ
บทที่ 7 ตบเจ้าให้สลบ
ชายที่ใส่ชุดหรูหราหลายคนสำลัก แล้วแออัดในใจมาก คนที่มามุมดูต่างพากันหัวเราะ ทำให้พวกเขาหน้าแดง ทันที
“ฮ่า คำพูดของท่านอ๋องโยวพัฒนาไม่น้อย” หนึ่งในคน พวกนั้นกล่าว
“พวกเจ้าบอกว่าข้าเป็นคนโง่ คำพูดจะพัฒนาได้ อย่างไร? แม้แต่คำพูดของคนโง่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ พวกเจ้าแม้แต่คนโง่ก็เทียบไม่ได้” จูนเจ๋วมองพวกเขาด้วย สายที่รังเกียจ แล้วหยิบผลไม้ใส่ปาก
“เจ้า! จูนเจ๋ว! เจ้าอย่ามาอวดดีหน่อยเลย เจ้ายังคิดว่า ตัวเองเป็นท่านอ๋องโยวเมื่อก่อนอยู่หรือไง! เจ้าในตอน นี้อะไรก็ไม่ใช่ มาเป็นคนถือรองเท้าให้ข้ายังไม่เหมาะ เลย!
จูนเจ๋วเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะด้วยความเย็นชา แล้ว พูดว่า “แม่ของข้าเป็นองค์หญิงของราชวงศ์หลินฉี่ และ เป็นน้องสาวของฮ่องเต้ พวกเจ้าพูดอะไรหัดคิดซะบ้าง การดูหมิ่นราชวงศ์เป็นโทษประหาร”
“เจ้า–”
“เจ้าหลี่ เจ้าจะไปถือสากับคนโง่ทําไหม เขาพึ่งได้ แต่งงานกับภรรยาที่น่าเกลียดไป ในใจคงจะอึดอัดไม่ใช่ น้อย นอกจากนั้นในใจของภรรยาที่น่าเกลียดยังหลงรัก ท่านอ๋องหลิงอยู่ ได้พระชายาที่ไม่อยู่นิ่งๆแบบนี้ คนโง่นี่ น่าจะอึดอัดไม่ใช่น้อย” คนที่อยู่ข้างๆกล่าว
“ฮ่า ก็ใช่นะ อ๋องโยวแล้วยังไง หญิงสาวของตนก็รักษา ไว้ไม่ได้เลย”
เมื่อคนพวกนั้นพูดเสร็จ สีหน้าของจูนเจ๋วก็ไม่น่ามองขึ้น มาทันที แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ภรรยาของข้าทั้ง สวยและมีเมตตา ข้าทั้งสองรักกันจะตาย พวกเจ้าที่แม้แต่ หญิงสาวก็หาไม่ได้ ยังมีเวลามากัดลิ้นตัวเองอีก กลับไปฉี่ แล้วส่องหน้าตัวเองดูไป เกิดมาน่าเกลียดแบบนี้อย่าออก มาให้คนอื่นเขาตกใจเลย
คนเหล่านั้นเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดำขึ้นหน้า ผู้นำที่ใส่ชุด หรูหราโกรธมาก ดึงดาบแล้วชี้ไปที่จูนเจ๋ว ตะโกนว่า “กล้า ดีนักจูนเจ๋ว! สมองไม่พัฒนาแต่นิสัยกับพัฒนาขึ้นเยอะ เลยนี่! วันนี้ไม่สั่งสอนเจ้าหน่อยคงจะไม่รู้ตำแหน่งของ ตัวเองซะแล้ว!
เมื่อพูดจบ ชายคนนั้นก็ยกดาบขึ้น เมื่อเห็นว่าดาบกำลัง จะฟันลง ทันใดนั้นก็มีแรงที่
มหาศาลควักปกคอหลังของเขา และตอนที่ทุกคนยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ขาของเขาก็ได้ลอยออกจากพื้นแล้ว หมุนในอากาศหนึ่งรอบ จากนั้นก็ตกลงบนพื้นอย่างหนัก
นั่งเย่มองคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา แล้วหัน หลังมองจูนเจ๋ว แล้วถามว่า “บาดเจ็บไหม?
จูนเจ๋วส่ายหัวไปมา แล้วบีบน้ำตาออกจากตาหลายหยด แล้วพูดว่า “เกือบจะตายแล้ว คนนี้อยากฆ่าข้า และยังด่า ข้าอีก ยังพูดว่าเจ้าอัปลักษณ์แล้วยังโหยหาอ๋องหลิง และ ยังพูดเจ้าว่าเป็นผู้หญิงเล่ห์เหลี่ยมหลายใจ พวกเขายัง ด่าเจ้าว่าไร้ยางอาย แล้วแช่งเจ้าให้ไปตายอีก แล้วยังพูด อีกว่าเจ้าไปเป็นคนถือรองเท้าให้พวกเขาก็ยังไม่เหมาะ เลย!
พวกเขาพูดคำพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร!
ฉีหยั่นโม่ที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นไอดอลของตัวเองถูกคนอื่น กลั่นแกล้ง ในใจโกรธอย่างมาก แล้วพูดว่า “พวกเจ้าไป กินความกล้าของเสือดาวมาหรือไง! ถึงได้กล้าลงมือกับ อ๋องโยว! พวกเจ้ามีหัวกี่หัวให้ตัดกัน!
ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ อ๋องโยวได้สูญเสีย อำนาจและได้กลายเป็นคนโง่ ในหลินจี่มีไม่กี่คนที่ใส่เขา ไว้ในใจ ถึงแม้ว่าจะรังแกแล้วก็แล้วจะยังไง แต่ท่านอ๋องคนนี้ไม่เหมือนกัน เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของ อ่องจี้ และในราชวงศ์เขาก็มีตำแหน่งสูงเหมือนกัน ทันใด นั้นทุกคนรีบก้มหัวแล้วไม่กล้าพูดอะไร
วิ่งเย่มองทุกคนด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วสุดท้ายสายตา ของเข้าก็จ้องมองไปที่คนที่ถูกโยนลงบนพื้น “รังแกคนจน ร้งแกไปถึงหัวของตำหนักอ๋องโยวเลยนะ ช่างกล้าดี ”
นางจำชายคนที่อยู่ตรงหน้าได้ เขาเป็นลูกชายคนโต ของจวนตะกูลหลี่ หลี่ผิงเหวิน สมัยตอนเด็กในฐานะที่ เป็นสหายเรียนของฮ่องเต้ เลยเคยได้พักอยู่ในวังสักช่วง หนึ่ง ก็ถือได้ว่าเป็นคนมีอำนาจ มีนิสัยที่โอ้อวด และเป็น คนที่ชอบทําให้คนอื่นไม่ชอบเอามากๆ
“เจ้าเป็นใคร! ถึงได้กล้าตีข้า! เจ้ารู้ไหมว่าข้าคือ ใคร! ” หลี่ผิงเหวินที่นอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นพูด เขาไม่ สามารถทำอะไรฉีหยั่นโม่ได้ แต่หญิงสาวที่ผอมบางคน นี้กับกล้าขี่หัวของเขา ถ้าพูดออกไปจะใช้ชีวิตต่อได้ยัง ไง!
“เจ้าไม่เคารพสามีของข้า แล้วยังใส่ร้ายข้าว่าหลายใจ แล้วในตอนนี้กลับมาถามว่าข้าเป็นใคร? ” วิ่งเก๋พูดด้วย เสียงที่เย็นชา
ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ หลี่ผิงเหวินยังไม่ทันรู้สึกตัว แล้วถามว่า “เจ้าเป็นหรงนั่งเอ๋?
ไม่ถูกนี่ หรงวิ่งเย่เป็นคนที่ผอมแห้งตัวก็เล็กๆ สีหน้าแห้ง เหลือง แล้วใบหน้าอัปลักษณ์ ทำไมแค่แป๊บเดียวก็กลาย เป็นคนสวยละ?
“ใช่หรงวิ่งเย่แล้วจะทำไม! ข้าเป็นถึงลูกชายคนโตของ จวนตระกูลหลี่ เจ้ากล้าลงมือกับข้า วันนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้า ไว้แน่!” เมื่อพูดจบ หลี่ผิงเหวินดึงดาบออกมา แล้ววิ่งเข้า ใส่วิ่งเก๋
วิ่งเ ท่าตาเล็ก แล้วหลบการโจมตีไปด้านข้างอย่าง รวดเร็ว จากนั้นนางก็หมุนไปด้านหลังของหลี่ผิงเหวิน แล้วยกมือขึ้นตบไปที่ศีรษะของเขา
ทันใดนั้น หลี่ผิงเหวินทำตาโต แค่เห็นว่าเขายืนตกใจอยู่ ที่เดิมสักพัก จากนั้นก็ล้มลงไปกับพื้น หน้าที่กระแทกลง ไปบนพื้นมีเสียงดังออกมาไม่ใช่น้อย
ทุกคนกะพริบตา หลี่ผิงเหวินนี่คือ…..สลบไปแล้ว? ถูก
ตบจนสลบ?
ทันใดนั้นทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบที่แปลก ประหลาด ทุกคนต่างอ้าปากค้างไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตรงหน้า หลี่ผิงเหวินฝึกเพลงยุทธมาต่างแต่เด็ก แต่ตอนนี้ ถูกคนตบแค่ครั้งเดียวก็สลบ? หรือถูกหรงวิ่งเก๋ตบจนสลบกันแน่?
วั่งเย่ตบมือ แล้วมองทุกคนด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วพูด ว่า “การไม่เคารพตำหนักอ๋องโยวนี่ก็คือบทลงโทษ ถ้าเกิด ให้ข้าได้ยินเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ข้าจะดูดเอาสมองของ พวกเจ้ามาเป็นเครื่องดื่ม!
เมื่อพูดจบ คนรอบๆที่มามุมดูก็สั่นไปทั้งตัว สายตาของ วิ่งเย่เยือกเย็นมาก พลังที่น่ากลัวเต็มไปทั่วทุกมุมห้อง พวกเขารู้สึกว่านางนั้นไม่ได้กำลังพูดเล่นอยู่ ถ้าเกิดทำให้ นางโกรธขึ้นมา คงจะไม่สามารถรักษาสมองของตนได้แน่
วั่งเย่มองหลี่ผิงเหวินที่กำลังสลบอยู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียง ที่เย็นชาว่า “หาคนมามัดตัวพวกเขาแล้วโยนกลับไปที่ จวนตระกูลหลี่”
ฉีหยั่นโม่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ ถึงแม้ว่าพี่สะใภ้คนนี้ จะเอาแต่ใจ แต่จวนตระกูลหลี่ก็เป็นคนที่มีฐานะและชื่อ เสียง และหลายปีมานี้ความสัมพันธ์ที่มีกับราชวงศ์ก็ดี ไม่ใช่น้อย นางตบลูกคนโตของจวนตระกูลหลี่จนสลบก็ ว่าไปอย่า แต่ยังจะมัดและโยนพวกเขากลับไป เป็นการ ดูถูกอย่างมาก จวนตระกูลหลี่คงไม่ปล่อยไว้แน่!
“พี่สะใภ้ ข้าว่า………
“เจ้ามีความคิดเห็นเหรอ? ” นั่งเย่เหลือบมองเขาด้วย สายตาที่เย็นชา ฉีหยั่นไม่เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ส่ายหัวอย่าง แรง
“มัวทำอะไรกันอยู่ รีบมัดหลี่ผิงเหวินแล้วโยนกลับจวน
ตระกูลหลี่ซะ! ” ฉีหยั่นโม่พูดด้วยเสียงที่ดัง
วั่งเย่เดินไปข้างๆจูนเจ๋ว แล้วดึงเขาให้ลุกขึ้น “กลับบ้าน”
“ตกลง! ”
“รอแป๊บ!
ทันใดนั้น ก็มีเสียที่คุ้นหูลอยมาจากชั้นสองของร้าน เหล้า ทุกคนเมื่อได้ยินเสียงก็ตกใจ เงยหน้ามองไป เห็น ชายหนุ่มที่ใส่ชุดสีเขียวเดินลงมา ในมือถือพัดไว้แล้วยิ้ม อย่างอ่อนโยน ลักษณะเหมือนกับชายหนุ่มรูปหล่อ
ฉีหยั่นโม่เมื่อเห็นคนคนนั้นสีหน้าก็ไม่ดีขึ้นมาทันที สายตาของเขาจ้องมองไปที่เขา
“นั่งเก๋ ไม่ได้เจอกันนาน”
ชายคนนั้นเดินไปหน้านั่งเก๋ วิ่งเก๋มองเขาอย่างเงียบๆแล้วทำตาเล็กจนจะเหมือนเส้นด้าย
“บังเอิญจัง ที่ได้เจอท่านอ๋องหลิงตรงนี้” วิ่งเย่พูดด้วยน้ำ เสียงที่เฉยชา
ชายคนที่ใส่ชุดสีเขียวที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ก็คือลูกชาย ที่รักของฮ่องเต้มีนามว่าฉีหยั่นหลิง และเป็นอ๋องหลิงที่ ร่างกายนี้หลงรัก ดูท่าทางเขาน่าจะอยู่ตรงนี้นานแล้ว ข้าง ล่างเสียงดังขนาดนี้ เขาพึ่งจะปรากฏตัวในตอนนี้ น่าจะ มาดูจูนเจ๋วกลายเป็นตัวตลก
นั่งเก๋พูดด้วยเสียงที่เบามาก และสายตาก็เฉยชา ทำให้ อ๋องหลิงประหลาดใจมาก เมื่อก่อนนางเห็นเขาแล้วก็จะ รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ในสายตาจะเต็มไปด้วยความชอบ จนจะล้นออกมา เมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกรำคาญ แต่ทำไมวันนี้ เหมือนกับเป็นคนละคนกันเลยละ ?
“เจ้ากับข้ารู้จักกันมาก่อน ได้ข่าวว่าเจ้าแต่งงานแต่ข้าก็ ไม่ได้ไปแสดงความยินดีด้วย หวังว่าเจ้าจะไม่โกรธ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ