สามีข้า ข้าปกป้องเอง

บทที่ 10 เอามันไปแขวนซะ



บทที่ 10 เอามันไปแขวนซะ

บทที่ 10 เอามันไปแขวนซะ

ทันใดนั้น หน้าลานก็มีเสียงวุ่นวายดังขึ้น วิ่งเย่เงยหน้า ขึ้นอย่างช้าๆ มองเห็นชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดจีนวิ่งเข้ามา หานาง คนคนนั้นยังพาทหารในตำหนักมามากมาย คนใน ตำหนักอ๋องโยวเดิมทีก็น้อยอยู่แล้ว จะห้ามคนพวกนี้ได้ ยังไงกัน เลยกลัวจนถอยไปด้านหลังทันที

ชายวัยกลางคนวิ่งมาที่หน้างั่งเย่ เมื่อเห็นวิ่งเย่นอนอยู่ บนเก้าอี้อย่างสบายใจ ทันใดนั้นก็โกรธขึ้นมาทันที แล้ว ตะโกนว่า “หรงวิ่งเย่เจ้านึกว่าเจ้าเป็นใครกัน กล้าดีได้ยัง ไงที่กล้าตีลูกชายข้า และมัดตัวเขาแล้วโยนกลับตำหนัก ข้า! ก็แค่ลูกนอกสมรสที่ไม่มีใครรัก ไปกินความกล้าหมี และเสือมาหรือไงถึงกล้าไร้มารยาทเช่นนี้! ”

วิ่งเก๋กระดิกคิ้ว พูดแบบนี้ก็เข้าใจเลยว่าคนคนนี้เป็นใคร พ่อของหลี่ผิงเหวินชื่อหลี่อี้ หลายปีมานี้อยู่กับคนมีอำนาจ ได้ไม่เลวเลย ก็ถือว่ามีอำนาจไม่น้อย แต่น่าเสียที่ไอคิว ของเขาไม่สูงเลย มักถูกคนล้อเหมือนกับคนโง่

“นายท่านหลี่พูดตลกอะไรกัน ลูกชายของเจ้าข้าไม่ โยนกลับบ้านแล้วจะให้โยนลงบ่อหรือไงกัน? ถ้าพูดให้ เร็วกว่านี้ คราวหลังคนรุ่นหลังอย่างข้าจะปฏิบัติให้อย่าง แน่นอน ” วังเย่หัวเราะเบาๆแล้วพูด
หลี่อี้เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วตะโกน ด่าด้วยความโกรธว่า “หรงวิ่งเย่เจ้าคนชั้นต่ำ ยังกล้าพูด เรื่องไม่ใช่เรื่องอีก! เจ้าทำร้ายลูกชายข้า จนตอนนี้ยัง ต้องนอนอยู่ในตำหนัก หนี้ครั้งนี้จะคิดยังไงเจ้าลองพูดมา ดู! ไม่งั้นข้าจะมัดเจ้าเข้าวังให้ฮ่องเต้คืนความเป็นธรรม แก่ข้า! ”

นั่งเก๋ทำตาอันน้อยนิด แล้วหัวเราะด้วยความเย็นชา “นายท่านหลี่อยากคิดหนี้ครั้งนี้ยังไงกันละ?

หลี่อี้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็นึกว่าฝ่ายตรงข้ามกลัวแล้ว แล้ว พูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าทำร้ายลูกชายข้าอย่างหนัก ก็ควร ที่จะมัดเจ้ากลับไปแล้วโบยเพื่อยอมรับโทษ! แล้วบวก กับค่ารักษาของลูกชายข้า ตำหนักอ๋องโยวควรชดใช้ด้วย ของอะไรสักหน่อย แต่ข้าก็ไม่เห็นของมีค่าในตำหนักอ๋อง โยวเลย แค่ส่งมอบเศรษฐกิจทั่วไปให้จวนตระกูลหลี่ก็ พอ! ”

คำพูดของหลี่อี้ทำให้คนรอบๆข้างต่างตาโต เห็นได้ ชัดเจนเลยว่าคนคนนี้อยากฉวยโอกาสตอนที่อ๋องโยว โง่อยู่ หรงวิ่งเก๋ก็ไม่มีอำนาจและงี่เง่า เลยใช้โอกาสนี้ขอ อย่างปากกว้างเพื่อกลืนกินตำหนักอ๋องโยว วิธีแบบนี้ ต่าช้าซะจริงๆ

วั่งเย่ขยับมุมปาก “แล้วถ้าข้าไม่ตกลงละ?
“ไม่ตกลง? เจ้ามีสิทธิอะไรตอบไม่ตกลง? ก็ไม่ดูตำแห น่องของตัวเองซะบ้าง นึกว่าแต่งงานแล้วได้เข้ามาอยู่ใน ตำหนักโยวอ่องแล้วจะสูงส่งขึ้นงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าอยู่ดีๆ ตำแหน่งของเจ้าในตอนนี้ก็จะได้ลำบากน้อยหน่อย แต่ท่า ต่อต้าน ข้าก็จะให้คนตีเจ้าจนตายไปเลยที่นี่!

คำพูดของหลี่อี้ทำให้คนรับใช้ในตำหนักเงียบแล้วก้ม หน้าลง เมื่อก่อนตอนที่ท่านอ๋องของพวกเขายังปกติอยู่ หลี่อี้ก็มาในตำหนักทุกวัน แต่ตอนนี้ท่านอ๋องโง่เลยกล้าดี เช่นนี้

วิ่งเก๋ไม่ได้โกรธอะไร นั่งไขว้ขาแล้วเหลือบมองเขาอย่าง เบาๆ แล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “ข้าอยากเห็นจริงๆเลยว่า นายท่านหลี่จะตีข้าตายตรงนี้อย่างไร ไม่งั้นให้เจ้านาย หลี่ลองสาธิตให้ดูหน่อยไหม? แล้วให้คนรุ่นหลังอย่างข้า ได้เห็นว่าท่านนั้น มีความสามารถมากขนาดไหนกันแน่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่อี้ก็โกรธขึ้นมาทันที เลยดึงดาบที่ อยู่บนเอวแล้วตะโกนว่า “เจ้าคนโกหกกล้าดียังไงมายั่ว ยุข้า ดี! นี่เจ้าพูดเองนะ! วันนี้จะได้ให้เจ้าเห็นความน่า เกรงขามของข้า! ”

เมื่อพูดเสร็จหลี่อี้ก็ยกมือขึ้น เมื่อเห็นดาบกำลังจะฟันลง ไป คนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกใจ อยากรีบเข้าไปข้าม แต่นั่งเย่ ก็เร็วกว่าพวกเขาก้าวหนึ่ง ทันทีที่คาบกำลังจะฟันลง นางก็ยกเท้าขึ้นแล้วถีบขาของหลี่อี้ หลี่อี้รู้สึกปวดเข่า ทั้งร่างกายยืนแทบไม่ไหวเลยคุกเข่าลงไปกับพื้น

วั่งเย่ลุกขึ้นแล้วมองหลี่อี้ที่กำลังอยู่บนพื้น ยิ้มแล้วพูดว่า “นายท่านหลี่กำลังทำอะไรอยู่? ไม่ใช่ว่าจะให้คนรุ่นหลัง อย่างข้า ได้เห็นความน่าเกรงขามของท่านไม่ใช่? แล้ว ทำไมคุกเข่าอยู่อย่างนี้ละ? รีบลุกขึ้นมาเถิด เดียวคนรุ่น หลังอย่างข้าชีวิตจะสั้น”

หลี่อี้อยากลุกขึ้นมา แต่เข่าของเขาเจ็บจนราวกับว่าหัก ไปแล้ว หน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าก็เจ็บจนบิด เบี้ยวไปหมด เสียแรงไปเยอะมากกว่าจะกัดฟันแล้วพูด ออกมาคำหนึ่งว่า

“เจ้า! เจ้ากล้าลงมือกับข้า! เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร กัน! ”

วั่งเย่แคะหู แล้วพูดเบาๆว่า “นายท่านหลี่เกรงใจซะ ขนาดนี้ คนรุ่นหลังอย่างข้าจะไม่รู้ได้ยังไงว่าท่านคือ ใคร? แต่ท่านกำลังจะยกดาบฟันข้าอยู่แล้ว ข้าจะยืนนิ่งๆ ให้ท่านฟันได้ไงกันละ? ”

“วั่งหรงเก๋! เจ้าคนชั้นต่ำ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่! คนรับ ใช้ ไปจับคนรนหาที่ตายนั้นเอาไว้! แล้วล้อมรอบตำหนัก อ๋องโยวซะ ข้าจะฆ่าคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด! ”
เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่อี้โกรธมาก คำพูดแต่ละคำก็ไม่รู้จัก หนักเบาไปแล้ว วิ่งเย่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะด้วยความ เย็นชา เงยหน้าขึ้นมองทุกคน และตอนที่ทุกคนยังไม่ทัน ได้รู้สึกตัวนางก็ได้ถีบไปที่หัวของหลี่อี้ เดิมทีเขาก็เจ็บจน จะลุกไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ทำให้เขาถึงกับนอนลงไป กับพื้น

วิ่งเก๋มองเขาด้วยความเย็นชา แล้วเหยียบไปที่ท้องของ เขา นั่งเย่ใช้แรงเหยียบไม่ใช่น้อยเลย หลี่อี้ถึงกับตัวสั่น อยู่บนพื้น และทั้งตัวก็เปียกไปด้วยเหงื่อ สีหน้าเดียวเขียว เดียวแดงเมื่อเห็นแล้วช่างน่าสงสารจริงๆ

“พวกเจ้าถ้าอยากขึ้นมาลองดู หรืออยากที่จะช่วยเจ้า นายของพวกเจ้าละก็ ก็ต้องดูว่าเจ้านายของพวกเจ้าจะมี ชีวิตนั้นไหม! ” นั่งเก๋พูดด้วยสายตาที่เย็นชา

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นต่างก็ตกใจ พวกเขายังไม่เคยเห็น ใครกล้าเหยียบเจ้านายของพวกเขาลงไปกับพื้นเลย! ถึงจะเป็นพระชายาอ๋องโยวก็เถิด นางก็ไม่ควรดูหมิ่นนาย บ้านของผู้มีอำนาจ!

นั่งเก๋ไม่ได้สนใจสายตาของพวกเขาเลย แค่เหลือบมอง หลี่อี้อย่างเบาๆ แล้วโน้มตัวพูดว่า “ร่างกายของนายท่าน หลี่จะอ่อนแอไปหน่อยนะ ดูเหมือนว่าจะใช้ชีวิตที่สุข สบายจนนานเกินมากไปหน่อย เลยไม่ได้ฝึกฝนกล้ามเนื้อ คนรับใช้ ไปเอาเชือกมา”
คนรอบข้างเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตัวสั่น และหลิงเอ๋อก็รู้สึก ตัวก่อน รีบเข้าไปเอาเชือกที่มีความหนาเท่ากับนิ้วมือ วั่งเย่รับเชือกมา ยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มเหมือนมีอะไรซ่อน อยู่

“มัดตัวนายท่านหลี่แล้วนำไปแขวนบนต้นไม้ซะ”

ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึง คำพูดของนางทำให้ทุก คนต่างก็ตกใจ หลี่อี้ยิ่งอับอายเข้าไปใหญ่ แต่ตัวเองก็ ถูกเหยียบไว้บนพื้น แม้แต่จะโต้กลับก็ทำไม่ได้ แค่ทำได้ โกรธแล้วตะโกนว่า “หรงวิ่งเย่เจ้ากล้าเหรอ! ข้าเป็นนาย บ้านของจวนตระกูลหลี่! ข้าเป็นคนในหมู่ผู้มีอำนาจ เจ้าไม่เคารพข้า คนในจวนตระกูลหลี่ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ฮ่องเต้ก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้เช่นเดียวกัน!”

“ฮ่องเต้จะปล่อยข้าไปไหมเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าเป็น ห่วงเจ้าดีกว่าว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปไหม” วิ่งเก๋ขยับมุมปาก แล้วยิ้ม ในดวงตาของนางก็มีรอยยิ้มที่น่าสยดสยองออก มา แล้วรีบมัดเร็วขึ้น ไม่นานหลี่อี้ก็ถูกมัดขาทั้งสองข้าง เหมือนกับหมู

คนรับใช้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็หวาดกลัวและตกใจ หลิงเอ๋ อมีความกลัวเล็กน้อย แล้วขึ้นมาเตือนด้วยเสียงที่เบาว่า “พระชายา เขายังไงก็เป็นถึงนายบ้านของจวนตระกูลหลี่ แบบนี้จะ~~”
“นั้นจะให้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตำหนักอ๋องโยว? ข้าก็ ไม่ได้สนใจอะไร เพราะยังไงก็ไม่ใช่ของของข้าอยู่แล้ว” วั่งเย่ยักไหล่แล้วพูด

หลิงเอ๋อเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ถอยกลับไป ยังไงก็ตามห้าม ปล่อยให้ตำหนักอ๋องโยวตกอยู่ในมือของคนแบบนี้ไม่ได้ วิ่งเก๋ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็มองไปที่คน รับใช้ที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “มัวทำอะไรกันอยู่ รีบนำนาย ท่านหลี่ไปแขวนซะ”

คนรับใช้เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตัวสั่น แม้ว่าพวกเขาจะ กลัวถูกถามโทษ แต่พวกเข้ากลัวเจ้านายของเขาโกรธ มากกว่า เลยก้าวไปข้างหน้าแล้วนำหล่ำอี้ไปแขวน ตอน นี้ทุกคนต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก ทหารตำหนักของจวน ตระกูลหลี่ มองเจ้านายของตัวเองที่กำลังเขย่าไปมาด้วย ความหวาดกลัว พวกเขาอยากข้าไปช่วยแต่ก็กลัวจะถูก หรงวิ่งเย่ฆ่า เลยทำได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมแล้วไม่รู้ว่าจะทำ อย่างไรดี

หลี่อี้กำลังดิ้นรนอย่างไม่หยุด เชือกนั้นถึงจะหนา แต่ถ้า เขาเขย่าไปมาอย่างนี้เชือกก็ขาดได้ วึ่งเก๋ทำตาอันน้อย นิดแล้วหัวเราะ จากนั้นก็พูดอย่างช้าๆว่า “คนรับใช้ เอา อั้งโล่ไว้ข้างล่างหัวของนายท่านหลี่ เอาแบบเผาสุดๆ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ