รอดอกไม้ผลิบานพร้อมกับคุณ

บทที่ 4 ได้ลูกฉลาด



บทที่ 4 ได้ลูกฉลาด

คุณครูต่างก็ชินแล้วกับคุณแม่ที่มารับสายคนนี้ ค่อยๆ อุ้มเด็กไปพักที่ห้อง

ในหมู่คน ฟางเดินมุ่งไปที่บ้าน

กลางดึก ในห้องอาร์พาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง เตาที่กำลัง ต้มหมี่ ฟางได้เดินไปปิด แล้วนำหมี่มากินที่ห้องรับแขก

หลังเลิกงาน กำลังจะกิน ก็ได้ยินเสียงของลูกชายที่ ดังออกมาจากห้อง เธอรีบลุกไปดู

“มามี้…

บนเตียง มีเด็กผมทรงกะลานั่งอยู่ มือที่นุ่มนิ่มราวกับ สําลีกำลังขยี้ตา

ฟางมาที่ข้างเตียง จัดระเบียบชุดนอนที่ยับ ถามอย่าง แผ่วเบาว่า “ลูกรัก ลูกต้น ทำไมถึงตื่นล่ะ ปวดฉี่หรอ?”

“มามี้ ต้นฝันร้ายครับ เพราะว่าวันนี้เพื่อนๆที่อนุบาล ต่างหัวเราะผมกันหมด เขาบอกว่าผมไม่มีพ่อ แม่ก็ไม่มารับ พวกคุณไม่เอาผมแล้ว

ต้นยังมึนๆงงๆอยู่ หน้าตาเต็มไปด้วยความน่าสงสาร ปากที่ชะอมเหมือนลูกอม คิ้ววที่ขมวดไว้ ตาที่ใหญ่โตก็มี น้ำตาไหลออกมา
ฟางเข้าใจดี เธอนอนลงไป ปลอบใจลูกด้วยกันจูบ แล้วจูบอีกไปที่แก้ม

ต้นขาดความเอาใจใส่ตั้งแต่เล็ก เพราะว่าเธอต้อง ทำงาน ก็เลยไปรับตันดึก ทำให้ต้นรู้สึกว่าตัวเองโดนทิ้ง

“ตันลูกรัก อย่าไปฟังคนอื่นพูดนะ ลูกเป็นลูกรักของ แม่ แม่จะไม่มีวันทิ้งลูกหรอก” ฟางรู้สึกเจ็บใจ แล้วอุ้มลูก มาในอ้อมกอด “มา

“จริงหรอครับ?!” ใบหน้าที่น่าสงสารของตัน ดีใจจน

กระโดดขึ้นมาบนเตียง “เย้ เย้!”

ฟางก็ยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็ก

เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเศร้า อารมณ์เปลี่ยนได้เร็วจริงๆ

ไม่รู้จริงๆเลยว่าใบหน้าที่น่าสงสารนั้นแสดงออก เพราะอยากให้เธอมีเวลาให้เขามากขึ้นหรือเปล่า

เอ๊ะ หรือว่าเธอได้ลูกฉลาดเนี่ย?

หลังจากลาออกจากงาน ฟางก็มีเวลาให้ต้นมากขึ้น แต่เลขในบัญชีธนาคารทำให้เธอต้องรีบหางานทำ

เธอค่อยๆหาข่าวรับสมัครงานจากบริษัทที่ใหญ่ เธอ หันไปเห็นข่าวของบริษัทอนัน
บริษัทนี้ไม่เพียงแต่ส่งออกภายในประเทศ ยังส่งออก ภายนอกประเทศอีกด้วย

วันให้สัมภาษณ์ ฟางส่งต้นไปที่โรงเรียนอนุบาล แล้วกลับไปเปลี่ยนเสื้อทํางานที่บ้าน

หลังจากแต่งตัวเสร็จ ฟางก็เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง รีบ

มุ่งไปสัมภาษณ์

แต่ก็ไม่รู้ว่าคนขับรถเป็นอะไร จ้องหน้าเธอตลอด

เวลา

หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที แท็กซี่ขับมาแล้วประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ถึง

ฟางรู้สึกกลัวแล้วถามไป คนขับรถถึงจะเร่งขับให้เร็ว

ขึ้น

ในที่สุดก็ถึง

ฟางใส่ส้นสูง มุ่งไปที่บริษัท ใครจะไปรู้อยู่ๆเสียงๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เธอวิ่งไปด้วย หยิบโทรศัพท์ไปด้วย
“คุณแม่ฟาง รีบมาค่ะ ลุกต้นเป็นไข้เข้าโรงบาลแล้ว ค่ะ!”

“เกิดอะไรขึ้น ตอนเช้าที่ฉันส่งเขาไปยังดีๆอยู่ไม่ใช่ หรอ?” ฟางรีบหยุด ไม่ทันระวังชนโดนประตู ใบหน้าที่รีบ เร่งของเธอนั้น

“เมื่อวานมีเพื่อนเป็นหวัด คาดว่าน่าจะแพร่ให้ต้น

“อะไรนะคะ? โรงพยาบาลไหนคะ!”

“โรงบาลอนันค่ะ”

“ฉันจะรีบไปค่ะ”

ไม่มีเวลาคิดมากแล้ว ฟางหันหลังกลับ รีบวิ่งตรงไป ที่โรงพยาบาล คิดได้ว่าถ้าวิ่งไปนี่ไม่ถึงแน่ เธอจึงรีบโบก รถแล้วไป

พอถึงโรงพยาบาล เธอได้มุ่งไปที่เตียงของต้น

ต้นดูอ่อนเพลียมากและเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง

จนกระทั่งฟางมาถึงหน้าประตู เด็กที่เป็นไข้กลับ มีหน้าที่แดงขึ้นมา ในที่สุดตันก็ยิ้ม
“มามี้”

ต้นกางมือออกทําท่าที่เหมือนจะกอด

ฟางรู้สึกเจ็บใจมากแล้วมุ่งตรงไปที่ต้น รีบรับอ้อม

กอดนั้น

“มามี้ เมื่อกี้ผมโดนฉีดยา ผมไม่ร้องไห้นะ!” ต้นเอน

หัวลง

“ลูกรักแม่กล้าหาญที่สุดเลย” เธอนวดไปที่มือ อุ้ม ลูกขึ้นมา ฟางอุ้มต้นไว้ในอ้อมกอด จูบไปที่ผมของต้น

ครูที่ส่งต้นมาโรงพยาบาล มองเห็นถึงภาพอันอบอุ่น

นี้ รู้สึกซึ้งมาก

นี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ธรรมดาจริงๆ

ยังสาวๆก็เป็นแม่เดี่ยวสะแล้ว เลี้ยงลูกเอง ทางบ้านก็ จะไม่ไหวอยู่แล้ว คุณครูมองแล้วก็อดสงสารไม่ได้

“คุณแม่ฟางคะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณหมอบอก แล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่เป็นไข้ธรรมดาค่ะ เติมนำ เกลือที่โรงพยาบาลไม่กี่วันก็หายแล้วค่ะ”
“อืม ดีแล้วค่ะ คุณครูลิลลี่คะ ขอบคุณมากๆนะคะ ฟางพูดจบก็ยืนขึ้นหันไปทางครูลิลลี่ แล้วก้มคำนับ

คุณครูลิลลี่รีบจับเธอขึ้น พูดในปากว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”

ฟางมองไปที่นาฬิกา “ครูลิลลี่คะ รบกวนครูช่วยดูลูก

ตันอีกซักพักได้ไหมคะ?

“ไม่มีปัญหาค่ะ คุณไปทำธุระต่อเถอะค่ะ” คุณครู ลิลลี่ตอบตกลง

ฟางพูดขอบคุณ แล้วเดินออกจากเตียง สีหน้าที่รู้สึก ผิด หันไปบอกลูกว่า “ลูกรัก ขอโทษนะ มามี้จะรีบกลับมา ดูแลลูก โอเคมั้ย?”

“อืมอืม” ต้นเงยหน้าขึ้น ถึงแม้ว่าไม่อยากให้แม่จาก ไป แต่ก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ “มามี้ รีบไปเถอะครับ ต้นรู้ว่ามามไปหาเงินมารักษาต้น ต้นจะเป็นเด็กดีครับ”

พูดไปพูดมา ก็รีบทําท่าทีไล่ให้แม่ไป

“ลูกฉันเป็เด็กดีที่สุดเลย!

เธอจูบไปที่หน้าผากของต้นอย่างแรง แล้วมุ่งไปสัมภาษณ์ต่อ

ไม่ทันแล้ว

ในใจของฟางกังวลมาก รีบไปให้ถึงโดยเร็วที่สุด

ขณะที่กำลังจะออกจากประตูโรงพยาบาล เธอหยิบ ประวิติตัวเองออกมาแล้วมองไปที่นาฬิกา เหลืออีกแค่ เพียงสิบสองนาทีแล้ว

“ต๊อง” เสียงดังขึ้นมา ฟางรู้แค่ว่าตัวเองไปชนโดน กำแพง มือที่จับประวัติตัวเองอยู่ ปลิวออกไปทั่วพื้น

“ซวยจริงๆเลย!”

อย่างที่เขาว่าเลยจริงๆว่ายิ่งรีบก็ยิ่งยุ่ง ฟางรีบก้มลง เก็บเอกสาร

เอกสารใบสุดท้ายถูกรองเท้าหนังที่มันวาว เหยีบลง ฟางเงยหน้าขึ้น “นี่ คนอะไรเนี่ย ชนคนอื่นไม่ช่วยก็ช่าง เหอะ นำเท้าอันสูงส่งนี้ออกไปได้ไหม ฉันรีบ?”

บาสขมวดคิ้ว มองดูเธอด้วยสายตาที่เย็นชา ตอนนี้ ยังมาเอ๊ะอะที่ใต้เท้าของธออีก แปลกจริงๆ ไม่ยอมย้าย เท้าเลย
ฟางเห็นว่าเขาไม่ยอมย้ายเท้าสักที ก็ลุกขึ้น กำลังจะ พูด ก็ตกใจแววตาของเขา

ผู้ชายมองด้วยแววตาที่สว่างไสว แต่มองไม่ออกว่า เขากับลังรู้สึกอะไรราวกับน้ำแข็งที่เยือกเย็น

ฟางอยู่ดีๆก็ทุบไปที่หัวตัวเอง

บาสมองดูผู้หญิงคนนี้ แล้วนึกถึงภาพที่เธอชนเข้ามา ในอ้อมกอด ทำไม ทำไมถึงรู้สึกคุ้นๆ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ