ทนายเซ็กซี่เป็นเมียของผม

บทที่18 ณ ห้องนอน (3)



บทที่18 ณ ห้องนอน (3)

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าห้องนอนผู้หญิง พูดไปแล้ว เป็นห้องนอน ของผู้หญิง ภายในห้องออกแบบได้อย่างอบอุ่น อีกทั้งยังมีกลิ่น น้ำหอมที่อยู่บนเรือนร่างของผู้หญิง กลิ่นน้ำหอมชนิดนี้เหมือนกับ กลิ่นบนเรือนร่างของหวางย่าน

“คุณพ่อ มาทางนี้ พ่อนอนตรงนี้ ตรงนี้!” หวางจิ้งนั่งลงบน

เตียง นิ้วน้อย ๆ ของเขาชี้ไปที่บนเตียงพูดกับฟางจื้อเฉียง

ฟางจื้อเฉียงอึดอัดแทบจะตายให้ได้ ยืนอยู่หน้าประตู ยังไม่ เดินเข้าไป พูดกับหวางจิ้งว่า “เด็กดี ลูกนอนก่อนนะ พ่อจะอยู่ ตรงนี้จนหนูนอนหลับ ดีไหม?”

“ไม่เอา ไม่เอา ผมไม่เอา ผมจะนอนกับคุณพ่อคุณแม่ ต่อไปนี้ ทุกวันผมจะนอนกับคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนคนอื่นของผมทุกคนก็ นอนกับคุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อ ผมขอร้อง นอนกับผมและคุณแม่ นะครับ!” หวางจิ้งวีได้ยินก็เริ่มที่จะร้องไห้งอแงขึ้นอีก

งอแงจนถึงตอนนี้ ฟางจื้อเฉียงเองก็อับจนหนทางเข้าแล้วจริง

“คุณนอนทางนั้น นอนกับเขาทางนั้น” หวางย่าซินพูด จากนั้น ลดระดับเสียงลงพูดกับฟางจื้อเฉียงว่า “รอจนกว่าเขาหลับคุณ ค่อยไป วันนี้เขาเล่นจนเหนื่อยมาก อย่าทำให้เขาร้องไห้งอแงอีก เลย”
ฟางจื้อเฉียงเอามือลูบหัวตนเอง ช่างอึดอัดแทบจะตายให้ได้ แต่จริง ๆ เขาก็ดูออกว่าหวางยาซินเองก็แสร้งทำเป็นเยือกเย็น ตั้งแต่ฟางจื้อเฉียงเข้ามาในห้องนอน ใบหน้าของหวางย่าน แดง ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าในใจของเธอเขินอายและอึดอัด ยิ่งนัก แต่เพื่อลูก เธอก็จนหนทาง ตัวเขาเองที่เป็นผู้ชายยังอึดอัด ขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอที่เป็นผู้หญิงจะรู้สึกอย่างไร พอคิดมาถึง จุดนี้ฟางจื้อเฉียงเริ่มที่จะยกย่องหวางย่าชิ้นขึ้นมาในทันที ความ เป็นแม่คนนี้ช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ

ฟางจื้อเฉียงอับจนหนทาง เดินไปอีกด้านของเตียง มองไปมา ก็ไม่รู้ว่าตนเองควรถอดเสื้อผ้าหรือว่าไม่ควรถอดเสื้อผ้า แต่ สุดท้ายก็ถอดแค่เพียงเสื้อนอกเท่านั้น แม้แต่เสื้อเชิ้ตก็ไม่ถอด เอนตัวลงนอนที่ขอบเตียง เขานอนบนเตียงด้านนี้ หวางย่าซิน นอนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง หวางจิ้งนอนตรงกลาง ยังดีที่เตียงมีขนาด ใหญ่พอเพียง เนื่องจากหวางย่าชินกับฟางจื้อเฉียงนอนคนละฝั่ง ของเตียง ทำให้พื้นที่ตรงกลางเหลืออยู่มาก ดังนั้นจึงไม่มีทาง เกิดเหตุการณ์เนื้อหนังสัมผัสกันระหว่างคนทั้งสอง แต่ว่าชาย หญิงสองคนที่ไม่สนิทกันนอนบนเตียงเดียวกันยังไงก็รู้สึกว่า อึดอัดและแปลกประหลาดมาก นอนอยู่ในผ้าห่ม ฟางจื้อเฉียงได้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ บนหมอนที่ชวนให้หลงใหล ฟางจื้อเฉียงต้อง ยอมรับว่ากลิ่นน้ำหอมเย้ายวนมาก ทำให้จิตใจมีความสุข อีกทั้ง ยังทำให้ในใจของฟางจื้อเฉียงถึงกับตื่นเต้น ยังไงเขาก็คือผู้ชาย ธรรมดาคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่กำลังหนุ่มแน่นวัยฉกรรจ์ อีก
“คุณพ่อ พ่อจะกอดผมนอนได้ไหมครับ?” หวางจิ้งใช้ดวงตา น้อย ๆ ของเขามองไปที่ฟางจื้อเฉียง

“ได้ พ่อกอดลูกนอน” คำร้องขอของเด็กน้อย ฟางจื้อเฉียงไม่มี ทางจะปฏิเสธ ยื่นมือไปโอบหวางทิ้งไว้ในอ้อมกอด

“พ่อครับ ผมอยากให้พ่อเล่านิทานให้ผมฟัง” หวางจิ้งพูด อย่างจริงจัง

“เล่านิทานเหรอ?”

“ใช่แล้ว อยู่ที่บ้านคุณแม่จะเล่านิทานให้ผมฟังก่อนนอนทุกวัน

ผมถึงจะนอนหลับ คุณพ่อ วันนี้เล่านิทานให้ผมฟัง ต่อไปทุกคืน คุณพ่อเล่านิทานให้ผมฟังก่อนนอน ได้ไหม? “คุณเล่านิทานให้เขาฟังเถอะ เขาเคยชินไปแล้ว ทุกคนจะต้อง

ฟังนิทานถึงจะนอนหลับ” หวางย่าซิ่นพูดเตือน

“แต่ว่า ……แต่ว่า…ผมเล่านิทานไม่เป็น” ฟางจื้อเฉียงแสดง สีหน้าเป็นทุกข์

“แต่งเรื่องคุณทำไม่เป็นเหรอ?” หวางย่าซินกดเสียงลงถาม

ครั้งนี้ทำให้ฟางจื้อเฉียงลำบากใจจริง ๆ แต่งนิทานเป็นเรื่อง ง่ายเสียที่ไหน ตนเองก็ไม่ใช่นักเล่านิทานเสียด้วย ที่สามารถ แต่งนิทานสำหรับเด็กได้มากมายขนาดนั้น

“อ่านให้ฟัง!” หวางย่าซินจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากที่นอน เดินไปด้าน ข้างหยิบหนังสือโยนไปให้ฟางจื้อเฉียง จากนั้นปิดไฟและพูดว่า “เปิดไฟตรงหัวเตียง
ฟางจื้อเฉียงเปิดไฟตรงหัวเตียง หยิบหนังสือนิทานสำหรับเด็ก ขึ้นมาดู จากนั้นก็มองไปที่หวางจิ้ง มองเห็นแต่เพียงหวางจิ้ง กอดตนเองไว้จนแน่น ดวงตาใสซื่อจ้องมองมาที่ตน

“กาลครั้งหนึ่ง มีหนูจอมขยันอยู่ตัวหนึ่ง กับอีกาน้อยจอม เกียจเอาแต่กินตัวหนึ่ง พวกมันทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ต่อมา ฤดูใบไม้ร่วงใกล้จะสิ้นสุดลง และฤดูหนาวกำลังมาถึง ลมเย็น หนาวเหน็บเสียดถึงกระดูก พายุหิมะก็พัดกระหน่ำเหมือนจะกลั่น แกล้ง เจ้าหนูตัวน้อยวิ่งหาอาหารทั่วทุกสารทิศ ส่วนอีกาน้อย กลับนอนดูโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียง กินอาหาร เพียงเล็กน้อยที่หลงเหลือจากปีที่แล้ว……” ฟางจื้อเฉียงหยิบ หนังสือขึ้นมาเปิดไปที่หน้าแรก เริ่มต้นอ่านให้ฟัง

ขณะที่กำลังอ่าน จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีใครถีบมาที่ขาของตน เงย หน้าไปมองที่หวางย่าน

“มองดูซิ หลับแล้วหรือยัง?” หวางย่าซินกระซิบถามเบาๆ ฟางจื้อเฉียงหันไปมองที่หวางทิ้ง เขาหลับไปแล้ว มือกอด ฟางจื้อเฉียงไว้จนแน่น นอนหลับลึกมาก

“หลับแล้ว งั้นผมกลับแล้วนะ” ฟางจื้อเฉียงใช้น้ำเสียงต่ำพูด ออกมา

“โอเค!” หวางย่านลุกขึ้นนั่งบนเตียง หันมามองไปที่ลูกของ ตน

“เขากอดผมจนแน่น คุณช่วยผมคลายมือเขา” ฟางจื้อเฉียงจะ ขยับตัว พบว่าหวางจิ้งกอดเขาไว้จนแน่นมาก จึงพูดกับหวางย่าซิน

หวางย่านเข้าไป ตระเตรียมที่จะคลายมือหวางจิ้งที่กอด ฟางจื้อเฉียงเพื่อให้ผละตัวออกมา แต่ว่า ยังไม่ทันได้ลงมือก็พลัน ได้ยินเสียงร้องของ

หวางจิ้งวี่: “คุณพ่อ คุณพ่อ พ่ออย่าเพิ่งไป คุณพ่อ”

ทั้งสองคนถึงกับตกใจ รีบมองไปที่หวางจิ้ง แต่กลับเห็นหวาง จิ้งวี่ยังคงหลับตาสนิท และยังคงหลับอยู่ แต่ปากกับร้องเรียกพ่อ ว่าอย่าเพิ่งไป เห็นได้ชัดว่า ในความฝันของเขาฝันเห็นฟางจื้อ เฉียงกำลังจะไป

มาถึงตรงนี้ ทั้งสองคนถึงกับนิ่งไปพักใหญ่ ทั้งสองต่างก็มอง หน้ากัน

“ไม่งั้นคืนนี้คุณก็ไม่ต้องกลับแล้วกัน?” หวางย่าซินลังเลอยู่ นานถึงจะพูดคำนี้ออกมา หลังจากพูดจบใบหน้าของเธอแดง อย่างเห็นได้ชัดเจน

“อะไรนะ?” ฟางจื้อเฉียงถึงกับตกตะลึง และไม่รู้ว่าจะพูดต่อยัง

“ถ้าคุณกลับไปแล้ว หากกลางดึกเขาตื่นขึ้นมาไม่เห็นคุณ ไม่รู้ ว่าจะร้องไห้งอแงขนาดไหนอีก เขาติดคุณมากเอาจริง ๆ” หวาง ย่าซินถอนหายใจพูดออกมา จากนั้นก็พูดอีกว่า “คุณก็นอนตรง นั้นเถอะ พรุ่งนี้เช้าตรู่ค่อยกลับไป ถึงเวลานั้นก็บอกว่าคุณไป ทำงาน เขาน่าจะไม่ร้องงอแงแล้วล่ะ”
“นั้นมันไม่ค่อยเหมาะสมนะ?” ฟางจื้อเฉียงถึงกับสับสน แต่ กลับรู้สึกว่าทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง

“มีอะไรไม่เหมาะสม คุณจดจำไว้ให้ดี คืนนี้เวลานอนอย่าทำ อะไรนอนนิ่ง ๆ คุณนอนตรงนั้น ฉันขอเตือนนะ ฉันเป็นทนาย ถ้า หากฉันพบว่าคืนนี้คุณมีเจตนาที่คิดมิดีมิร้ายล่ะก็ คุณก็เตรียมไป นอนที่ห้องขังไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน!” หวางย่านเกิดอาการ กลัวอย่างเห็นได้ชัด พูดเตือนฟางจื้อเฉียงไว้ก่อนล่วงหน้า

“ผิดแล้ว คนอย่างคุณนะใช้ตรรกะอะไรคิด เป็นคุณเองที่ ต้องการให้ผมนอนบนเตียง อะไรถึงเรียกว่ามีเจตนาที่คิดมิดีมิ ร้ายเหรอ? ผมเองที่กลัวคุณคิดมิดีมิร้ายกับผมมากกว่านะ?” ฟาง จื้อเฉียงรู้สึกไม่พอใจจึงพูดออกไป

“คุณ” หวางย่าซินโมโหฟางจื้อเฉียงขึ้นอีกครั้ง หลังผ่านไป ครู่หนึ่งพูดต่ออีกว่า: “ไม่มีอะไรดีที่สุด รบกวนคุณแล้วล่ะ ขอโทษ ด้วย ทั้งหมดก็ทำเพื่อลูก ตั้งแต่เขาเกิดมา ก็ไม่มีพ่อแล้ว นี่คือสิ่ง ที่ฉันติดค้างเขา โชคดีที่ฉันพบคุณ ไม่งั้น จากสถานการณ์ที่เห็น เขาติดคุณมาก หากปล่อยเรื่องนี้ให้พัฒนาไปเลยเถิด อาจจะ ทําให้กลายเป็นโรคทางจิตได้

ฟางจื้อเฉียงพยักหน้าเห็นด้วย เด็กคนนี้น่าสงสารจริง ๆ ถึง แม้ว่าสถานภาพทางครอบครัวของเขาจะดี กินของดี ใช้ของดี แต่ว่าตั้งแต่เกิดมากลับไม่มีพ่อ

“ขอละลาบละล้วงถาม พ่อของเด็กล่ะ?” ฟางจื้อเฉียงถาม อย่างเกรงใจ จากนั้นก็พูดอีกว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคุณ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่นำไปซุบซิบนินทา ผมก็แค่ กลัวว่า หากคุณมีสามี สามีคุณกลับมาแล้วเห็นผมนอนอยู่บน เตียงคุณแบบนี้ ผมก็ตายสถานเดียวน่ะสิ คุณต้องบอกความจริง กับผม ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย คำร้องขอนี้คงไม่มากเกินไปนะ ครับ?”

หวางย่าชินมองหน้าฟางจื้อเฉียง รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล อยู่บ้าง นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มพูดออกมาว่า “เขาไม่มี พ่อ ฉันก็ไม่มีสามี คุณวางใจเถอะ ไม่มีใครที่จะสร้างความยุ่ง ยากกับคุณ คุณนอนหลับให้สบายใจเถอะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ