บทที่ 6 เป็นหนุ่มหน้าขาว (1)
ฟางจื้อเฉียงรู้สึกว่าวันนี้เขาเจอแต่เรื่องไม่คาดคิด อยู่ๆ เขาก็ถูก ร้องเรียน อยู่ๆ เขาก็ได้ช่วยชีวิตคน จากนั้นอยู่ๆ ก็ถูกไล่ออก สุด ท้ายอยู่ๆ ก็มีคนมาเสนองานที่มีค่าตอบแทนสูงให้กับเขา
ฟางจื้อเฉียงเดินไปในอาคารหลังเก่าพร้อมบุหรี่ที่อยู่ในปาก ที่ นี่เป็นอาคารที่พักตั้งแต่ปี 1980 เป็นอาคารอิฐสีแดงขนาดเล็กสี่ ชั้นที่มีทางเดินด้านนอก ในบริเวณใกล้ๆ ก็มีอาคารแบบเดียวกัน อยู่อีกเจ็ดแปดหลัง หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เกือบจะกลายเป็นชุมชนแออัดในเมืองนี้ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงล้วนเป็นคนต่างถิ่นที่เข้ามา ทำงานที่นี่ ด้วยความที่เงินเดือนไม่สูง จึงไม่สามารถซื้อบ้านหรือ เช่าอาคารอพาร์ตเมนต์ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเช่าที่นี่เท่านั้น
ฟางจื้อเฉียงเดินไปที่ประตูห้องห้องหนึ่ง เปิดประตูแล้วเดิน
เข้าไป
บนโซฟากลางห้องมีชายและหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดรัดกันฟัด เหวี่ยงกันอยู่บนนั้น เมื่อเห็นฟางจื้อเฉียงเข้ามา ทั้งสองก็ตกใจ ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นและร้องเรียกฟางจื้อเฉียง “ตกใจหมดเลย เข้ามาทำไมไม่รู้จักเคาะประตู
“เฮ้อ ฉันผิดเหรอ พวกแกสองคนมีจริยธรรมหน่อยได้ไหม? นี่ มันเพิ่งกี่โมงเอง? เพิ่งจะแปดโมงเอง ใครเขาทําอะไรกันเร็ว ขนาดนี้ และอีกอย่าง โซฟาตัวนี้เป็นเตียงของฉัน ถ้าพวกแกสองคนจะทำก็ไปทำข้างในไม่ได้หรือไง? ข้างในก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเตียง โซฟาก็ตัวแค่นี้ มันสะดวกหรือไง?” ฟางจื้อเฉียงเดินเข้าไปอย่าง ไม่ใส่ใจ รินน้ำหนึ่งแก้วที่หน้าตู้กดน้ำแล้วดื่มในขณะที่พูด
“ฟาง อเฉียง นายหน้าไม่อายไปหน่อยไหม? อะไรคือที่พูดว่า โซฟาของนาย? ห้องนี้เราสองคนเป็นคนเช่า? นายแค่ถือกระเป๋า ย้ายเข้ามา ค่าเช่าก็ไม่เคยจ่ายเลยสักหยวน และทุกวันนี้ฉันยัง รับผิดชอบเรื่องกินเรื่องอยู่ให้นายอีก” หญิงสาวลุกขึ้นนั่งด้วย ใบหน้าแดง และพูดกับฟางจื้อเฉียงด้วยท่าทางไม่พอใจ ที่ดูออก ว่าเธอโกรธจริงๆ
“เดี่ยวๆ พวกแกสองคนเนรคุณเหรอ? เหล่าปี่ นายพูดว่าเงิน ที่นายกับหลิวเย่นจ่ายไปไม่ได้เอามาจากฉัน? และอีกอย่าง เมื่อ ตอนปีสามที่หลิวเย่นท้อง เพื่อที่จะหาเงินให้พอที่พวกแกสองคน จะไปโรงพยาบาล ฉันต้องกินมาม่าสองเดือนเต็มๆ พวกแกสอง คนมีจิตสำนึกบ้างไหม!” ฟางจื้อเฉียงเดินไปที่โซฟา สวมรองเท้า แตะ พลางเหยียดเท้าออกไปสะกิดก้นของเหล่าปี่และพูดว่า “ขยับไปหน่อย” จากนั้นเขาก็นั่งลงบนโซฟา
“ฟางจื้อเฉียง พวกเราไม่ได้จะไล่นายนะ แต่ด้วยความสัมพันธ์ ของพวกเรา นายก็เห็นแล้วว่านายอยู่ที่นี่มันไม่ค่อยสะดวก เรา สองคนก็ต้องมีเรื่องอย่างนั้นบ้างใช่ไหมล่ะ? นายทำงานตอน กลางวัน พวกเราก็ทำงานตอนกลางวันเหมือนกัน พอกลับมา ตอนกลางคืนเราก็อยากทำอะไรกันบ้าง แล้วพอนายนอนอยู่ตรง นี้ คิดว่าเราสองคนจะใช้ชีวิตปกติได้ไหม?” เหล่าปี่พูดด้วย ใบหน้าเศร้ากับฟางจื้อเฉียง
“พูดเหมือนกับว่าพวกแกสองคนไม่เคยทำอย่างนั้นแหละ สัปดาห์หนึ่งมีเจ็ดวัน วันจันทร์ถึงวันศุกร์ก็ทำทุกคืน ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ตอนกลางวันรึเปล่าฉันไม่รู้ แต่คืนวันเสาร์อย่างน้อยก็ ต้องสองรอบ มีแค่คืนวันอาทิตย์นี่แหละที่พักบ้าง ยังวัยรุ่น อย่า ทำอะไรที่มันเกินไปสำหรับร่างกายหน่อยเลย ความบ่อยของ พวกแกบวกกับร่างกายของเหล่าปี่ อย่างมากก็ได้อีกห้าปี เบาๆ ลงหน่อยเถอะ!” ฟางจื้อเฉียงพูดพร้อมกับตบไหล่ของเหล่า
“ให้ตายเถอะ นี่นายนับขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดวงตาของเหล่า เบิกกว้าง หลิวเป็นหน้าแดง ในขณะที่พูดเขาก็เหยียดเท้าออก และเตะฟางจื้อเฉียง ด้วยความทําตัวไม่ถูก
“ความผิดฉันหรือไง? กำแพงกั้นแค่นี้ แล้วยังไม่เก็บเสียงอีก หลิวเย่นร้องเสียงแหลมซะขนาดนั้น ฉันจะไม่ได้ยินได้ยังไง”
“นายมันหน้าไม่อาย หน้าไม่อาย!” หลิวเช่นรู้สึกอับอายกับ
ประโยคที่ฟางจื้อเฉียงพูด เธอว่ากล่าวพร้อมกับตีฟางจื้อเฉียง
“พอได้แล้ว ถือว่าฉันขอร้องนายล่ะกัน นายย้ายออกไปเถอะ ถ้านายยังอยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่ฉันทำมันจะรู้สึกค้างคาใจ ของร้อง เถอะนะ ตอนนี้นายก็มีงานทำไม่ใช่เหรอ ฉันรู้ว่านายกำลังมี ปัญหา แต่ค่าเช่าเดือนละพันกว่าหยวนนี้นายคงไม่ขาดหรอกใช่ ไหม หรือนายจะให้ฉันเช่าห้องในอาคารตรงข้ามไหม วันนี้ฉัน เห็นครอบครัวหนึ่งย้ายออกจากอาคารตรงข้าม และเจ้าของบ้าน ต้องการปล่อยเช่า หลังจากนี้นายก็ไปอยู่ที่นั่น ส่วนเรื่องอาหาร นายก็มากินที่นี่ โอเคไหม? ฉันสัญญาเลยว่าจะมีอาหารดีๆ เสิร์ฟ ทุกวัน” เหล่าปี่พูดกับฟางจื้อเฉียงอย่างเป็นขั้นเป
“เพื่อนยาก ไม่ใช่ว่าฉันจงใจอยากจะรบกวนพวกแกหรอกนะ ฉันก็ไม่มีทางเลือก นายก็รู้ว่าสถานการณ์ของฉันตอนนี้เป็น อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงเงินพันกว่าหยวนต่อเตือนนั้นเลย แค่หนึ่ง หยวนฉันก็เก็บหมด พูดตามตรงนะ เดิมทีฉันก็อยากย้ายออกไป หาที่ที่ราคาถูก แต่ฉันจะบอกข่าวร้ายให้นายรู้ว่า ตอนนี้ฉัน ตกงานอีกแล้ว ฉันคงย้ายออกไม่ได้ในช่วงนี้ พวกแกสองคน อดทนหน่อยได้ไหม คิดซะว่าฉันไม่อยู่ก็ได้ พวกแกอยากจะทำ อะไรก็ทำได้เลย” ฟางจื้อเฉียงหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าและโยน ให้เหล่าปี่หนึ่งมวน
“อะไรนะ? ตกงาน? นายล้อเล่นเหรอ?”
“ฉันถูกไล่ออก? เจอผู้หญิงมากความสั้นจนฉันโดนไล่ ” ฟางจื้อเฉียงเอนกายลงบนโซฟาและหยิบรีโมทเพื่อ เปลี่ยนช่องอื่น จากนั้นค่อยๆ เล่าเรื่องราวของทุกอย่างในวันนี้
คนสองคนในห้อง ชายคนหนึ่งชื่อหลัวซุน ชื่อของเขาเหมือน กับชื่อของชายี่ห้อหนึ่งใช่ไหมล่ะ? ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่อง บังเอิญว่ากันว่าพ่อของเขาแซ่และของแม่ของเขาแหลัว จาก นั้นเขาก็เกิดในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้พ่อของเขาก็รู้สึกว่า ชื่อหลัวซุนนั้นดูคล่องปากมาก ก็เลยตั้งชื่อนี้ ส่วนผู้หญิงอีกคน ชื่อหลิวเย่น พวกเขาทั้งสามคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัย ปี่หลัวชุนและฟางจื้อเฉียงเป็นเพื่อนที่อยู่หอพักเดียวกัน และสนิท กันอย่างมาก หลิวเย่นและปีหลัวซุนเริ่มคนหาดูใจกันก็ตอนอยู่ มหาวิทยาลัย ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสามนั้นเลยสนิท กันมาก
หลังจากจบมหาวิทยาลัย ฟางจื้อเฉียงก็กลับไปบ้านเกิด ส่วน หลัวชุนและหลิวเย่นทั้งคู่มาทำงานที่เมืองหมิงจู ตอนนี้หลว ขุนทำงานใน บริษัทจำหน่ายสินค้า ส่วนหลิวเช่นทํางานเป็น เสมียนในบริษัทต่างประเทศ รายได้ของทั้งสองคนไม่มากนัก รวมกันแล้วยังไม่ถึงหมื่นหยวนเลย ในความเป็นจริงที่ทั้งสองคน รบเร้าให้ฟางจื้อเฉียงย้ายออกไป พวกเขาแค่ล้อเล่น ในตอนที่ ฟางจื้อเฉียงมา เขาถือกระเป๋ามาเพียงใบเดียวเท่านั้น ก็เป็น หลัวชนและหลิวเย่นที่ไปรับเขามาจากสถานีรถไฟด้วยตัวเอง หลังจากมาที่นี่ ฟางจื้อเฉียงก็อาศัยอยู่ที่นี่ตลอด อย่างที่หลิวเ นพูด ทั้งสองคนรู้สถานการณ์ของฟางจื้อเฉียงดี ดังนั้นจึงให้กิน ให้อยู่ที่นี่ โดยปกติแล้วจะไม่ปล่อยให้ฟางจื้อเฉียงเสียเงินสัก หยวนเดียว และอีกอย่าง อาหารมื้อเย็นของทุกวัน หลิวเช่นก็เป็น คนทําเอง เธอไม่เคยปล่อยให้ฟางจื้อเฉียงทำอะไรเลย เพื่อนที่ ทำให้ขนาดนี้ ยังมีอะไรจะพูดอีก
“หนึ่งหมื่น? และยังทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์อีก?” ดวงตาของหลัวซุนเบิกกว้างหลังจากได้ยินเรื่องนี้
“ใช่ เธอบอกกับฉันอย่างนั้น
“เธอหลอกนายรึเปล่า? จะมีเรื่องดีๆ แบบนี้ในโลกได้ อย่างไร?” หลิวเย่นรู้สึกเหลือเชื่อ
“ใช่น่ะสิ และอีกอย่าง รูปลักษณ์นายแบบนี้ ถึงแม้หน้ารูปไข่จะ ดูดีไม่น้อย ก็ยังถือว่าเป็นไอ้หน้าอ่อนได้ แต่สมรรถภาพทางกาย ของนายดูเหมือนจะไม่สามารถไปให้บริการได้ ทำไมผู้หญิง ร่ำรวยคนนี้ถึงชอบนายกัน? พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วทำไมฉันถึงไม่รู้ว่านายมีความสามารถในเรื่องบริการกัน?” ปี หลัวซุนจ้องไปที่ฟางจื้อเฉียงอย่างประเมิน
“ไอ้นี่ ฉันพูดความจริง ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง พรุ่งนี้ฉันจะไปดู ตอนนี้ฉันจะไม่มีงานทำไม่ได้ อย่างมากพรุ่งนี้ก็ค่อยไปหางานทำ ล่ะกัน!” ฟางจื้อเฉียงเอนกายลงบนโซฟา เขาหาวและกล่าวว่าวัน นี้เขาเหนื่อยมาก
“เอาเถอะ นายก็อย่าไปสนใจเรื่องนี้มากนัก เรื่องหนี้ยังไงสัก วันหนึ่งก็ต้องคืนหมด ค่อยๆ ไม่ต้องรีบ คนเราจะกดดันตัวเอง เกินไปไม่ได้ เอาล่ะ พวกเราไปนอนกันดีกว่า นายก็อย่านอนดึก ล่ะ!” หลัวชุนเห็นว่าฟางจื้อเฉียงง่วงนอนแล้ว จึงดึงหลิวเย่นขึ้น และเดินไปที่ห้องด้านในที่เป็นห้องนอนของเขาและหลิวเช่น ส่วน เตียงของฟางจื้อเฉียงก็คือโซฟาที่พวกเขานั่งกันเมื่อครู่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ