บทที่ 3 ตกงาน
ฟางจื้อเฉียงไม่ได้สนใจว่า เมื่อกี้ที่ตัวเองช่วยเด็กนั้น ทำให้มือ เขาถลอกจนเลือดไหล รีบเปิดประตูขึ้น รีบลากคนขับที่อยู่ด้าน ในออกมาอย่างสุดแรง แต่ก็ไม่ขยับ เขาพบว่าคนขับนั้นคาด เข็มขัดนิรภัยอยู่ ฟางจื้อเฉียงหมอบลงกับพื้น แล้วค่อยๆปืน เข้าไป ปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้คนขับ จากนั้นนอนลงกับพื้น ใช้ เท้ายันกับประตูค่อยๆดึงคนขับออกมา ออกแรงเยอะมาก จึงจะ ดึงคนขับออกมาได้ จากนั้นลุกขึ้นมาอุ้มคนขับรถคนนั้น แล้วรีบ วิ่งออกมา เขาวิ่งไปได้สิบกว่าก้าว ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น ตามด้วย ไฟลุกท่วม
จากเหตุการณ์นั้น ฟางจื้อเฉียงถึงกับเข่าอ่อน เวลาเพียง 1-2 นาที เขารอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด เขายืนอุ้มคนขับหญิงสาว พลางมองรถด้วยความตกตะลึง ณ ตอนนั้น คนรอบๆเริ่มยก โทรศัพท์ขึ้นมาโทรติดต่อรถฉุกเฉิน และได้ยินเสียงรถตำรวจใน ระยะไม่ไกลนัก รีบขับมาด้วยความเร็ว ฟางจื้อเฉียงไม่รู้ว่า ใน ขณะที่เขาตกตะลึงอยู่นั้น คนขับสาวคนนั้นที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ก็กำลังมองเขาด้วยความตกตะลึง มองเขาด้วยความตั้งใจ สุดท้าย ก็หลับตาลง
หลังจากที่ฟางจื้อเฉียงได้สติขึ้นมา จึงค่อยๆวางคนขับลงกับ พื้น ตอนนั้นจึงพบว่า คนขับเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เหตุการณ์ตรง หน้าอันตรายและเร่งรีบมาก ฟางจื้อเฉียงคิดแต่เรื่องช่วยคน โดยไม่ได้สนใจว่าคนขับเป็นหญิงหรือชาย ผ่านอุบัติเหตุนี้มาทำให้ทั้งสองคนเลอะมอมแมม ฟางจื้อเฉียงมองไม่ออกว่าหญิง สาวหน้าตาอย่างไร และไม่มีอารมณ์จะสนใจเรื่องพวกนั้น ฟาง อเฉียงยื่นมือไปสัมผัสจมูกของหญิงสาว โชคดี เหมือนเธอยัง หายใจอยู่ ณ ตอนนั้น ตำรวจก็วิ่งเข้ามา ฟางจื้อเฉียงเห็นตำรวจ วิ่งเข้ามา เขาจึงลุกขึ้นจากพื้น แล้วเดินไปทางรถสามล้อไฟฟ้า ของตัวเอง ทั้งตัวเขามีแต่เหงื่อและฝุ่น
ฟางจื้อเฉียงถอดเสื้อคลุมออก ปัดสองสามที มีแต่ฝุ่น จากนั้น ก็พบว่าแขนของเขานั้นเต็มไปด้วยเลือด ตอนที่ช่วยเด็กน้อยแขน เขาพูดไปกับพื้นจนถลอกไปทั้งแขน ตอนแรกไม่ได้สังเกต แต่ ตอนนี้เริ่มรู้สึกแสบๆ ฟางจื้อเฉียงรีบถกเสื้อขึ้นมา บนแขนของ เขาอาบเลือด
เมื่อหันไปดู ในพื้นที่เกิดเหตุที่มีแต่ตำรวจเต็มไปหมด ฟางจื้อ เฉียงควานหาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกง แล้วจุดขึ้นมาสูบ จากนั้นก็ ขับกลับไป ขับไปได้นิดเดียวก็ได้ยินเสียงรถฉุกเฉิน
ขับตามหลังรถของฟางจื้อเฉียง อยู่ที่หน้าคอนโด รถBMWที่ จอดอยู่ตลอด ในนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น จนจบ หญิงสาวมองฟางจื้อเฉียงที่กำลังตื่นตระหนกด้วยความ เพ่งพิจารณา เธอกำลังครุ่นคิด และยิ้มอย่างมีเลศนัย
ถ้าหากฟางจื้อเฉียงเห็นหญิงสาวที่สวยเกินเหตุคนนี้ เขาคงจะ ตกใจอย่างแน่นอน หญิงสาวคนนี้ก็คือหวางย่าซินที่เคยฟ้องเขา นั่นเอง
ฟางจื้อเฉียงดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลากว่าหกโมงครึ่งแล้ว เขาเสียเวลาไปเป็นครึ่งชั่วโมง เขาคงต้องรีบกลับไป ไม่อย่างนั้น บริษัทจะเลิกงานกันแล้ว รายการส่งของของเขาวันนี้หากไม่ได้ส่ง ก็คงจะโดนปรับเงินแน่นอน เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟางจื้อเฉียงก็ไม่มา สนใจมือที่อาบไปด้วยเลือดอีก เขารีบกลับไปที่บริษัททันที
ตอนที่ฟางจื้อเฉียงมาถึงบริษัท เขาโชคดีมาก ที่คนยังกลับกัน ไม่หมด ผู้จัดการก็ยังไม่กลับ ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก ที่ตอน นี้ยังมีคนกลับไปไม่หมด
“ผู้จัดการครับ วันนี้เลิกงานดึกจังเลยครับ!” ฟางจื้อเฉียงพูด กับผู้จัดการอย่างเป็นกันเองเสียจนดูประจบ
“ฉันรอแกอยู่” ผู้จัดการพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“รอผม? โอ๊ย ผู้จัดการคุณยอมเสียสละเพื่อการงานจริงๆเลย ครับ เป็นแบบอย่างที่ดีของพวกเรา วันหลังผมจะทำตามแบบผู้ จัดการครับ ขยันทํางาน เอางานไว้เป็นอันดับหนึ่ง” ฟางจื้อ เฉียงเริ่มพูดไปเรื่อย
“พอได้แล้วๆ แกรู้ไหมฉันรอแกด้วยเรื่องอะไร?” ผู้จัดการพูด ด้วยความรําคาญ
“ไม่เพื่อ…รอรายการส่งของวันนี้เหรอครับ?” ฟางจื้อเฉียง ตกใจ
“นั่นเป็นงานของฉันเหรอ? ฉันต้องนั่งรอตรงนี้จนแกเอาบิลมา ให้ฉันในเวลานี้เหรอ?” ผู้จัดการพูดอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้น ผู้จัดการล้วงหยิบจดหมายออกมาจากเก๊ะใต้โต๊ะ โยนมาตรง หน้าฟางจื้อเฉียง แล้วพูดขึ้น “นี่เป็นเงินเดือนเดือนที่แล้วของแกบวกกับค่าคอมมิชชั่น อยู่นั้นทั้งหมด แกลองเปิดดู
จ่ายเงินเดือน? ทำไมเดือนได้ล่วงหน้าล่ะแล้วยังจ่ายของ เดือนนี้ให้ด้วย ยังถึงครึ่งเดือนนะครับ จัดการ ทำไม รู้สึกๆล่ะฟางรู้สึกบางอย่างผิดปกติ
ทั้งหมดใน8,300 หยวน ถามฝ่ายการเงินมาแล้ว เงิน เตือนแกเดือนที่แล้ว 5,400 หยวน เดือนนี้ 1,900 หยวน และ แน่นอน ไม่รวมค่าวันแกปกติเป็นตั้งใจทำงาน ฉันการเงินเพิ่มแกอีก 1,000 หยวน ถือว่าชดเชยให้แก และเอาไปซะ หลังจากโชคแล้วกันผู้จัดการ
“ผู้จัดการครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ฟางจื้อเฉียงไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น”
แกยังต้องฉันได้ แกโดนออกจากบริษัทแล้ว เอาเงินของแกไป แล้วกุญแจรถไฟฟ้า
“ทำไม? ทำไมต้องผมออก? ผู้จัดการ คุณต้องเหตุผล ผม”
“ฉันจะแกออกอย่างไม่มีเหตุผลเหรอฉันถามแกนะวันนี้ แกได้เอาของไปส่งให้ผู้หญิงชื่อ
หวางยาไหม?
“ใช่ มีคนนี้ ทำไมครับ?”
“ทำไมเหรอ? แกคงต้องถามตัวเองมากกว่า ตอนเย็นเธอโทร มาฟ้องว่าแกส่งของช้า ไม่ตรงต่อเวลา แล้วจากนั้น ก่อนหน้านี้ไม่ นาน เธอก็โทรมาอีก บอกว่าให้บริษัทไล่แกออก
“ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ? ผมแค่มาสายกว่าเวลานัดเธอไป ห้านาที? ไม่น่าจะต้องถึงกับไล่ผมออกมั้ง? แต่ว่า ผู้จัดการ แค่ เพียงเธอโทรมาสายเดียว คุณก็จะไล่ผมออกเลยเหรอ? ไม่ถาม ซักหน่อยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?
“เธอบอกมาว่า ห่อหุ้มด้านในของมีรอยข่วน เธอฟ้องแก บอก ว่าของชิ้นนั้นมีมูลค่า 30,000 กว่าหยวน เธอบอกให้บริษัทไล่แก ออก ถ้าบริษัทไม่ไล่ออก เธอจะให้ทนายความฟ้องศาลบริษัทเรา จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แกก็รู้ว่าบริษัทพวกเราเป็นบริการส่ง ของ ตอนนี้มีการแข่งขันสูงมาก แค่ในเมืองหมิงจูนี้ ก็มี 40-50 เจ้าแล้ว นี่ยังไม่รวมบริษัท โลจิสติกส์อีกนะ แล้วบริษัทของเรามี บริษัทลูกอีกสองแห่งในเมืองหมิงจูน ฉันก็รู้ว่าแกไม่ผิดในเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับแกหรอก แต่บริษัทเราไม่สามารถเสี่ยงได้จริงๆ ถ้าอีก ฝ่ายฟ้องขึ้นมาจริงๆ จะเสียชื่อเสียงบริษัท และที่สำคัญฉันคงจะดู ไม่ดีในสายตาหัวหน้าทางบริษัทแม่ ดังนั้น ที่เธอฟ้องแกมา ฉันก็ ไม่ได้หักค่าแรงตามกฎ แล้วยังให้เพิ่มอีก 1,000 หยวน ถือว่า เป็นการชดเชยให้แล้วกัน ปกติพวกเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อ กันมาตลอด ฉันก็ดีกับแกอยู่ แกก็น่าจะเข้าใจฉัน ฉันก็หมด ปัญญาแล้วเหมือนกัน” ผู้จัดการพูดเรื่องราวออกมาทั้งหมดด้วย ความสําบากใจ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ของผู้จัดการ ฟางจื้อเฉียงถึงกับอึ้งไป ผ่านไปซักพัก เขาก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นเยือกออกมา จากนั้นพูด ว่า “ผมเข้าใจคุณครับ แต่พวกคุณมีใครเข้าใจผมบ้าง? ช่าง เถอะ ผมไม่เสียเวลาพูดตรงนี้แล้ว ก็แค่ไล่ออกเอง ที่นี่ไม่ต้องการ ผม เดี๋ยวก็คงมีที่ที่ต้องการผมจําไว้นะครับ 1,000 หยวนนี้ไม่ใช่ ค่าชดเชยที่คุณให้ผม แต่เป็นสิ่งที่สมควรจะได้ แม่ถึง เดือนที่ แล้วกูเลี้ยงข้าวมึงไป 800กว่าหยวน บวกกับค่าแรงวันนี้เป็น 1,000 พอดี ไอหัวล้าน วิธีจัดการแบบนี้ของแก แกไม่ต้องไปเป็น เลขา UN ก็ถือว่าเปลืองทรัพยากรคนแล้ว”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ