ซุปเปอร์เจ้าสําราญ

บทที่ 2 ฉันเชื่อคุณ



บทที่ 2 ฉันเชื่อคุณ

ที่นั่งที่ หลินอิ๋ง อยู่นั้นล้วนเป็นบรรดาลูกเขยทั้งหมดของ

ตระกูลจาง

เพียงแต่บรรดาลูกเขยเหล่านี้ล้วนเป็นคนมีเงินและอำนาจ จนเขาแทบไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย

ดังนั้นเลยไม่มีคนทักทายกับเขา ต่างพากันพูดคุยและจิบ ไวน์ต่อกัน แถมแลกนามบัตรกันด้วย โดยไม่สนใจ หลินยิ่ง ที่นั่งอยู่ด้วยกันเลย

“ทุกท่านล้วนมากันหมดแล้วใช่ไหม? มา มาดื่มเหล้าด้วย

กัน”

“พี่ให่ ทําแบบนี้ได้ยังไง ต้องให้พวกเราชนแก้วกับ

มากกว่า”

จางเถียนให่เทเหล้าลงแก้วแล้วเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเบิก บาน ส่วนเหล่าบรรดาลูกเขยของตระกูลจาง ก็รีบลุกขึ้นยืน ทันที พร้อมยกแก้วเหล้าขึ้น และเผยสีหน้ายินดี

จางเถียนให้เป็นลูกชายของน้องคนที่สามของตระกูลจาง ที่มีชื่อว่า จางหงจูน และยังเป็นผู้สืบทอดมรดกคนที่สามด้วย

ลุง จางหงจูน ยังเป็นบุคคลที่มีอำนาจที่แท้จริงของตระกูล จาง เพราะหุ้นส่วนของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ เขามีหุ้นส่วนมากพอเท่ากับของพี่ใหญ่ จางหงจูน เลยทีเดียว

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ อำนาจ ตำแหน่งจางเถียน ไห่ ล้วนมีมากกว่าเหล่าบรรดาลูกเขยทุกคน

“ทำไม? หลินอิ่ง แกดูถูกดูแคลนฉันนักหรอ ทำไมแกถึงไม่ มเหล้าแสดงความยินดีเลยสักแก้ว?” จางเรียนให้จ้องมอง หลินอิ่ง พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ในงานมีเพียง หลินอิ่ง เพียงคนเดียวที่ไม่ลุกขึ้นดื่มเหล้า แสดงความยินดี เขาลังเลอยู่หนึ่งวินาที

ปัง!

ซึ่งหนึ่งวินาทีนี้ จางเถียนไห่ ก็สาดเหล้าขาวที่อยู่ในแก้ว ใส่บนใบหน้า หลินยิ่ง

“ไอ้คนไร้ค่า! แกนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ ที่ให้แกดื่มเหล้า เพราะกู ให้เกียรติ แต่แกกลับไม่ดื่มหรอ? สีหน้าดูถูก พร้อมกับด่าทออย่างไม่ไว้หน้า ” จางเถียนไห่ เผย

เหล้าขาวสาดกระทบลงบนใบหน้า และกลิ่นแสบจมูกของ เหล้าก็เปียกชื้นเต็มเสื้อ แถม หลินอิ่ง ยังรู้สึกแสบร้อนบน ใบหน้าด้วย

ในงานไม่มีใครช่วย หลินอิ่ง พูดแก้ตัวเลย ทุกคนต่างเผย สีหน้าประชดประชันออกมา

สายตาของ หลิน ง เริ่มเปลี่ยนเป็นแหลมคมขึ้น แต่เมื่อนึกถึง จาง โม่ ที่พยายามช่วยพ่อของเธออย่างยากลำบาก

เขาก็รู้ตัวว่าไม่ควรสร้างปัญหาให้กับเธอ ดังนั้นเขาเลย

อดทนไว้ “ได้ครับ เดียวผมดื่มร่วมแสดงความยินดีกับคุณ” หลินยิ่ง

ปาดเหล้าบนใบหน้าออก แล้วค่อยๆลุกขึ้น

จางเถียนไห่ คิดไม่ถึงว่า หลินนิ่ง จะอดทนได้ถึงขนาดนี้ เลยยิ้มมุมปากอย่างประชดขึ้น พร้อมแอบหัวเราะในใจเบาๆ แกคิดว่าอดทนแล้วทุกอย่างจะจบหรอ?

วินาทีที หลินนิ่ง ลุกขึ้นยืนนั้น จู่ๆ จางเถียนได้ ก็เดินถอย หลัง พร้อมแกล้งทำเป็นหกล้ม ขณะเดียวกันก็เอามือกวาด แก้วเหล้าแดงที่วางบนโต๊ะด้านข้าง รวมทั้งของขวัญจากแขก ผู้มีเกียรติตกลงบนพื้น

ปัง! ตึง!

โต๊ะพลิกค่าทําให้เหล้าแดงสำหรับแขกผู้เกียรติสิบใบกว่า เครื่องประดับหยก และกำไลข้อมือมรกตล้วนแตกกระจาย บนพื้น จนเกิดเสียงดังสนั่นทั่วในงาน ขณะเดียวกันทุกคนก็ พากันกวาดสายตาหันมามอง

“หลินวิ่ง ไอ้คนไร้ค่า นี่แกกล้าลงไม้ลงมือกับฉันหรอ!! จางเถียนไห่ กลัวจะไม่มีคนได้ยิน เลยแหกปากร้องตะโกนดัง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

จางหนึ่ง เดินเข้ามาพร้อมกับ จางนีโม่ ที่เดินตามอยู่ด้าน ข้าง ซึ่งเจ้าบ่าวชนเทิง เองก็เดินเข้ามาดูสถานการณ์ด้วย สีหน้าตึงเครียดเหมือนกัน

แขกทุกคนในงานต่างพากันเดินเข้ามาล้อมสถานที่เกิด

เหตุ

“พี่หนิง ซุนเทิง วันนี้เป็นวันแต่งงานของพี่ทั้งสองคน ผม คิดไม่ถึงจริงๆว่า หลินนิ่ง ไอ้คนไร้ค่าคนนี้จะกล้าลงไม้ลงมือ ผมในงานแต่งงานของพี่ทั้งสองคน พวกพี่ไม่คิดว่า เขาทำ แบบนี้เหมือนต้องการพังงานแต่งงานของพวกพี่เลย?” จาง เถียนไห่ เผยสีหน้าโมโห พร้อมตะโกนร้องขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาอาฆาต ราวกับเป็นเจ้ากรรม นายเวรต่อกัน

“หลินอิ่ง ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ซุนเทิง พยายามอด กลั้นความโมโหไว้ โดยที่สีหน้าไม่สามารถปกปิดได้ และพูด ด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น

“จางเตียนให้เขาหกล้มเอง ผมยังไม่ทันทำอะไรเขาเลย หลินอึ้ง พูดตามความจริง

“หกล้มเองหรอ? แล้วทำไม เถียนไห่ ถึงบอกว่าแกเป็นคน ล่ะ?” ซุนเทิง ซักถามขึ้น
หลินนิ่ง พูดขึ้นว่า “ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้เห็นกันหมด ถ้าไม่ เชื่อก็ถามคนเหล่านี้เลย”

“พี่เขย หลินจิ่ง มันปลิ้นปล้อนหลอกลวง เมื่อผมเดินเข้า มาชนแก้วกับทุกคน แต่จู่ๆเขาก็เดินเข้ามาทำร้ายผมอย่าง กะทันหัน ทุกคนเป็นพยานได้” จางเถียนไห่ พูดขึ้นด้วยสีหน้า โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “พูดตามความจริงนะครับ ซูนเทิง หาก

ไม่ใช่เพราะผมเห็นแก่พี่ วันนี้ผมเอามันตายแน่!!

“ทุกท่าน ตกลงเมื่อกี้ทุกท่านเห็นเหตุการณ์ยังไงกันแน่ ครับ?” ซูนเทิง หันหน้ามองเหล่าบรรดาลูกเขยตระกูลจาง พร้อมพูดขึ้น

“คือเป็นอย่างที่พี่ไห่ พูดมาเลยครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือน กันว่า หลินอิ่ง ดื่มเหล้ามากไปหรือเปล่า”

“ใช่ครับ หลินอิ่ง ดื่มเหล้าเมาอาละวาด แถมยังดื่มเหล้า จนทำให้ตัวเองเปียกไปทั้งตัวด้วย ตอนแรกพี่ให้เดินเข้ามา ดื่มเหล้ากับพวกผม แต่จู่ๆเขาก็เข้ามาทำร้ายครับ”

“ใช่ครับ พวกเราก็เห็นเป็นแบบนี้เหมือนกันครับ”

เหล่าบรรดาลูกเขยของตระกูลจาง ต่างพากันพูดด้วยน้ำ เสียงจริงจัง

หลินอิ่ง จ้องมองพวกเขาเหล่านี้ด้วยสายตาตกใจ จากนั้นเขาก็ยิ้มประชดตัวเองเล็กน้อย จางเรียนให้เป็นถึงผู้สืบทอดมรดกคนที่สาม เป็นหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลจาง แล้วแบบนี้ลูกเขยคนไหนจะกล้าช่วยเหลือเขาเพื่อมีปัญหา กับ จางเถียนไห่ บ้าง?

ดังนั้นเลยต่างพากันเลือกมองอยู่เฉยๆ และพูดความเท็จ หลินนิ่ง ไม่พูดอธิบายอีก เพราะล้วนเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์

คนอ่อนแอย่อมไม่มีเหตุผล

ในตระกูลจาง เขามีตำแหน่งที่ต่ำที่สุด ต่อให้ไม่ได้ทำอะไร ผิด แต่คนอื่นบอกว่าเขาผิดก็ต้องผิด

“ช่างน่าอับอายนัก ดื่มเหล้าเพียงไม่กี่แก้วก็ลืมไปแล้วว่า ตัวเองมีแซ่อะไร!”

“ในตอนนั้นคุณท่านตระกูลจาง คงสายตาพร่ามัวจริงๆ ถึง เอาไอ้คนไร้ค่าอย่างแกมาเป็นลูกเขย!”

แขกที่ยืนล้อมรอบต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งยังเผย สีหน้าประชดประชันอีกด้วย

“หลินนิ่ง แกมันคนไร้ประโยชน์! ทำอะไรก็ไม่เคยสำเร็จ ทําแต่เรื่องน่าอับอาย!” จางนีโม่ เดินเข้ามาด้านข้าง หลินยิ่ง ด้วยสีหน้า โมโห จนทำให้ หลินยิ่งรู้สึกขายขี้หน้ามาก

เธอเพิ่งจะเอ่ยปากพูดถึงเรื่องโรงงานของพ่อเขากับ พี่หนึ่ง และ พี่เขย แต่ หลินอิ่ง กลับสร้างปัญหาขึ้นมาแล้ว แล้วแบบ นี้เธอจะกล้าเอ่ยปากขอร้องให้ พี่หนิง ช่วยเหลือได้ยังไงกัน?
“นาย! ยังไม่รีบขอโทษ พี่หนิง กับ พี่เขย อีกหรอ!” จาง โม่ เผยท่าทาง โกรธเคืองขึ้น เพราะเรื่องที่ หลินวิ่ง ก่อทำให้ เธอรู้สึกขายขี้หน้ามาก

หลินอิ่ง จ้องมองน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของไม่ขึ้น เขาพยายามกัดฟันและพูดขึ้นว่า “พี่หนิง พี่เขย ขอโทษด้วย ครับ วันนี้ผมทำผิดเอง จนสร้างความวุ่นวายในงานแต่งงาน ของพวกคุณ ผมขอโทษครับ”

จางเถียนไห่ ที่อยู่ด้านข้างอยากหัวเราะจนเป็นบ้า แต่ ทำได้เพียงเผยสีหน้าสะใจอย่างเงียบๆ และพูดในใจว่า ต่อ ให้ฉันทำร้ายแก ทำให้แกอับอาย ก็ไม่มีใครกล้าช่วยแกพูด ต่างหรอก!

“หลินอิ่ง นายเป็นถึงผู้ใหญ่แล้ว ทำผิดจะให้ปล่อยผ่านได้ ยังไงกัน ดูไม่ค่อยจริงใจเลย แถมยังทำร้ายน้องเรียนให้ ของฉันอีก ซึ่งฉันเกลียดพฤติกรรมของคนประเภทนี้ที่สุด! จางหนึ่ง เผยสีหน้าโมโหพูดขึ้น

ซุนเทิง ยิ่งเผยสีหน้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ งานแต่งงานยิ่ง ใหญ่ของเขาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้เขารู้สึกอับอายขาย หน้ามาก เพราะแขกที่เข้าร่วมล้วนเป็นบุคคลมีหน้ามีตากัน หมด!

“หลินนิ่ง ฉันไม่รับคำขอโทษของนาย! วันนี้เป็นวันที่ฉันไม่ อยากทำร้ายนาย และเครื่องประดับหยกที่แตกกระจาย นายไม่ต้องชดใช้ด้วย แต่นายรีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ! และต่อ ไปอย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก!” ซุนเทิงพูดขึ้น

หลินนิ่ง ถอนหายใจยาวๆหนึ่งที จากนั้นก็หันหลังเดินจาก ห้องโถงไป โดยไม่สนใจสายตาของแขกที่อยู่ในงาน

ขณะที่เขาหันหลังนั้น จู่ๆ จางหนึ่ง ก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า

“นีโม่ ไม่ใช่ว่าเธออยากให้ฉันช่วยพ่อของเธอผ่านวิกฤต หรอกหรอ? ได้ แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้า หลินยิ่งคนนี้อีกแล้ว หากเธอรีบกลับไปหย่ากับ หลินนิ่ง ไอ้คนไร้ประโยชน์นี้ และ อย่าให้เขากลับมาบ้านตระกูลจาง อีก! ฉันรับปากว่าจะช่วย เรื่องโรงงานพ่อของเธอ!”

หลินอิ่ง หยุดฝีเท้าลง โดยไม่หันหน้ากลับ จากนั้นก็เดิน ออกจากห้องโถงไป

หลังจากออกจาก รีสอร์ทหลินหลาง หลินนิ่ง ก็จุดไฟสูบ บุหรี่ม้วนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดว่า นีโม่ จะเลือกยังไง?

“ไป พวกเรากลับบ้าน”

จู่ๆก็มีน้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้น จนทำให้ หลินอิ่ง สะดุ้งตกใจ เมื่อหันหลังมองก็เห็น จางโม่ ภรรยาของเขา ซึ่งดวงตาของ เธอยังมีคราบน้ำตาอยู่

หลินอึ้ง พูดขึ้นว่า “กลับบ้านหรอ แล้วเรื่องพ่อของคุณล่ะ คุณจะทํายังไง?
จาง โม่ พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “ฉันเคยพูดแล้วว่า ยังไงพวกเราก็ต้องหย่ากันสักวัน แต่นั้นต้องเป็นฉันที่เลือก เอง ไม่ใช่ถูกคนอื่นบีบบังคับให้ไปหย่า!

“เรื่องของพ่อค่อยคิดหาทางออกเถอะ ไม่ว่ายังไงพวกเรา ก็เป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเขากลั่นแกล้งนายก็เหมือน ดูถูกฉัน แล้วฉันจะคุยอะไรกับพวกเขาอีก!

หลินอิ่ง พูดอย่างเหม่อลอยว่า “ครอบครัวเดียวกัน…

ทั้งสองคนเดินอย่างนิ่งเงียบสักพัก

“หลินยิ่ง ขอโทษนะ ฉันขอเก็บคำพูดที่พูดในงานเมื่อกี้กับ นาย” จางนีโม่ เช็ดคราบนํ้าตาตรงหางตา “ในตอนนั้นฉัน โมโหมาก แต่พอสงบสติอารมณ์ก็คิดได้ว่า นายจะทำร้าย จางเถียนไห่ ได้ยังไง อีกอย่างนายก็ไม่ดื่มเหล้าด้วย”

หลินยิ่ง พูดขึ้นว่า “คุณเชื่อผมหรอ? ” จาง โม่ พูดขึ้นว่า “ฉันเชื่อนาย

“ขอบคุณสำหรับความเชื่อใจของคุณ”

หลินอิ่ง จ้องมอง จางฉีโม่ อย่างเงียบๆ และพูดในใจว่า เขาจะไม่มีวันทำให้คนที่เชื่อใจเขาผิดหวังอย่างแน่นอน!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ